เหมย : พี่แทนควรเจอคนที่ดีกว่านี้
พอพล : นึกว่าหลับไปแล้วอีหมวย อะไรเข้าสิงยะ พูดซะน้ำเน่าเลยนะเพ้ออะไรอยู่ยะ
ฉันมองข้อความสุดท้ายที่พอลส่งมาก่อนปิดโทรศัพท์ เหลือบมองใบหน้าของเลโอผ่านกระจกส่องหลัง หมอนั่นกำลังขับรถพาฉันกลับบ้านอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เลโอ”
“ครับคุณหนู”
“เรื่องที่ให้ไปสืบมาว่าไง”
“อ่า... ผมลองส่องในเฟสของสองคนนั้นดู พวกเขาเป็นเพื่อนกัน”
“อะไรนะ! เหอะ...ไม่สงสัยเลยว่ายัยนั่นได้คลิปมายังไง”
ฉันกัดฟันแน่น รีบเข้า Facebook เพื่อดูให้เห็นกับตาให้ตายสิ ฉันไม่เคยสงสัยเรื่องนี้มาก่อนเลย บ้าชะมัด!
“อ๊ะ! เลโอแวะที่นี่ก่อน”
“ครับ?”
ฉันรีบบอกก่อนที่เขาจะขับรถเลย หมอนั่นหันกลับมามองอย่างสงสัยก่อนจะรีบเบือนหน้ากลับไปมองถนน
“แยกหน้าเนี่ยแหละ เลี้ยวเลย”
“ครับ”
ภายในซอยเล็กๆ มีคลินิกเถื่อนซ่อนอยู่บรรยากาศรอบๆ อบอวลไปด้วยความหดหู่และน่าอึดอัด เลโอจอดรถหน้าคลินิกตามคำสั่งฉัน ฉันลงจากรถเห็นไฟเปิดอยู่ กำลังจะเข้าไปข้างในท่อนแขนก็ถูกคว้าเอาไว้ทันที
“คุณหนู!”
ฉันมองหน้าเลโอ แกะมือเขาออกเงียบๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที
“คุณ... ให้ตายสิวะ” หมอนั่นสบถ ตามฉันเข้ามาข้างในอย่างหัวเสีย
ฉันมองซ้ายมองขวาครู่หนึ่งก่อนที่เสียงจากด้านหลังเคาน์เตอร์จะดังขึ้น
“ติดต่อคุณหมอหรือเปล่า”
พนักงานหญิงวัยกลางคนหน้าตาเคร่งเครียดลุกขึ้นถามเสียงดุ มองฉันกับเลโอที่เข้ามาใหม่ด้วยสายตาขวางนิดๆ ที่เก้าอี้ด้านหน้ามีผู้หญิงสองสามคนกำลังนั่งหน้าหงอยกันอยู่
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังรอคิวเพื่ออะไร
กลิ่นคาวที่คลุ้งอบอวลอยู่ทั่วคลินิกทำให้ฉันแทบทนไม่ไหว “ผู้หญิงคนนี้เคยมาที่นี่ใช่มั้ย”
ฉันเปิดรูปน้ำอิงในโทรศัพท์ให้พนักงานดู ป้าเพ่งสายตามองนิ่งๆ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย
“ทำไม”
“ฉันอยากได้ประวัติคนไข้”
“ไม่มี”
“โกหก”
“เอ๊ะนี่ถ้าไม่ได้มาพบคุณหมอก็ออกไป”
“คุณหนู....” เลโอจับแขนฉันเหมือนจะชวนออกไปข้างนอก ฉันสะบัดมือหมอนั่นออกโดยไม่หันไปมองด้วยซ้ำ
“เลือกเอาแล้วกันจะให้ประวัติยัยนั่นหรือจะให้ฉันเรียกตำรวจมาที่นี่”
พลั่ก!
ยัยป้าเอามือตบโต๊ะเสียงดัง ทำเอาผู้หญิงที่กำลังนั่งซึมอยู่สะดุ้งโหยง มองมาที่พวกเราด้วยสายตาหวาดหวั่น
“เธอขู่ฉันเหรอ!”
“ไม่ได้ขู่ค่ะ แค่เสนอตัวเลือก...ระหว่างคนไข้คนเดียวกับโดนตำรวจจับจะเอาอะไร”
“ยัยเด็กเมื่อวานซืน! คิดว่าฉันกลัวแกเหรอ!”
ยัยป้านั่นจะเหวี่ยงแฟ้มใส่ฉันอยู่แล้วถ้าเลโอไม่เข้ามาขวางซะก่อน
“ถ้าแตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ ผมเล่นงานป้าจริงๆ แน่”
“เหอะ!” ยัยป้านั่นกัดฟันกรอด จ้องฉันกับเลโอด้วยสายตาที่อยากจะกินเลือดกินเนื้อ รีบโทรศัพท์หาใครสักคน คิดว่าฉันจะยอมให้ป้ามีโอกาสต่อรองหรือไง ฉันถลาเข้าไปแย่งโทรศัพท์จากยัยป้านั่นทันทีที่มีโอกาส
“เฮ้ย! เอาคืนมานะ”
“ป้าจะโทรหาใครเหรอคะ”
“บอกให้เอาคืนมา!”
ยัยป้าตามมาคว้าโทรศัพท์คืนแต่ฉันหลบทันแถมเลโอยังช่วยกันยัยป้านั่นไม่ให้เข้าถึงตัวฉันด้วย หึ! ฉันยิ้มเยาะ ยัยป้านั่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโมโห ท่าทางโกรธแค้นน่าดู
“เกิดเรื่องอะไรกัน”
เสียงทุ้มห้วนดังออกมาจากห้องด้านใน ชายวัยห้าสิบต้นๆ ก้าวออกจากห้องพร้อมกับพยาบาลคนหนึ่ง
“เด็กพวกนี้กำลังก่อกวนพวกเรา”
“ก่อกวน?” แววตาของหมองุนงงเล็กน้อย
“คุณหมอกรเกียรติ นิติกุลรัตน์ใช่มั้ยคะ” ฉันแสยะยิ้มอย่างไม่หวั่นไหว
“อึก”
หมอมีท่าทีกระสับกระส่ายเล็กน้อยที่ฉันเรียกชื่อจริง หลังทราบเรื่อง น้ำอิงจากพี่แทนฉันก็ให้พลกับพีชไปสืบทันทีว่ายัยน้ำอิงทำแท้งที่ไหน ทำกับใคร คลินิกชื่ออะไร
พีชกับพลรู้จักคนเยอะ และกว้างขวางในวงการเสื่อมๆ แม้แต่เพื่อนในกลุ่มเองก็มีหลายคนที่เคยทำแท้งมาก่อน แต่ส่วนใหญ่ชื่อของหมอและคนไข้จะถูกเก็บเป็นความลับ รู้กันแค่ในกลุ่มเพื่อนๆ และคนไว้ใจเท่านั้น
“น่าสนใจนะคะที่คุณหมอจากโรงพยาบาลรัฐอันดับหนึ่งของประเทศมาเปิดคลินิกเถื่อนในซอยเล็กๆ แบบนี้”
“นังหนู!”
“แต่... อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ สิ่งที่หนูต้องการไม่ใช่ชื่อเสียงของหมอแต่เป็นประวัติทำแท้งของคนไข้คนเดียวแล้วเรื่องที่หนูเคยมาที่นี่ก็จะไม่เกิดขึ้น”
“จะเอาไปทำอะไร” คุณหมอกัดฟันพูด
“เรื่องส่วนตัวค่ะ”
◇ ◆◇ ◆◇ ◆
ฉันนั่งอมยิ้มอยู่ในรถ มองประวัติทำแท้งของน้ำอิงด้วยสายตาเลือดเย็น สุดท้ายหมอกรเกียรติก็เลือกปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง หึ!
“อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ ผมใจไม่ดี”
เลโอเอ่ยขึ้นระหว่างขับรถ ฉันกระตุกยิ้มมุมปาก
“แต่นายก็คุ้มครองฉันได้ไม่ใช่เหรอ”
“ครั้งนี้ถือว่าคุณหนูโชคดีต่างหาก”
“โชคดีงั้นเหรอ” ฉันแค่นเสียงในลำคอ ใครอยากมีโชคดีในสถานการณ์แบบนี้กัน ถ้าไม่ใช่เพราะคลิประยำนั่นฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรเสี่ยงๆ อย่างนี้หรอก
“คุณหนูจะเอาเรื่องน้ำอิงจริงเหรอ”
“นายคิดว่าฉันเป็นคนดีงั้นเหรอ”
“ผมว่าเคลียร์กันดีๆ ก็น่า...”
“เลโอ! คลิปนั่นทำลายฉัน นายจะให้ฉันพูดดีๆ กับคนที่แพร่คลิปงั้นเหรอ ยัยนั่นไม่เคยสำนึกผิดเลยด้วยซ้ำ”
“แต่... คุณหนูจะทำยังไงกับประวัติทำแท้ง”
“เดี๋ยวก็รู้”
ไม่กี่วันต่อมา
“คุณหนูคะมีโทรศัพท์มาจากมหาลัยค่ะ”
ฉันเพิ่งจะเดินลงมาจากห้องก็มีเรื่องให้ปวดหัวแต่เช้า
“ขอบคุณค่ะ”
แม่บ้านส่งโทรศัพท์ให้ทันทีที่ฉันมาถึง
“ค่ะ เหมยพูด”
(น้องเหมย นี่พี่จันทร์จากน้องภาคนะคะ)
“อ๋อค่ะ”
(พี่โทรมาคุยเรื่องคลิปน่ะค่ะ ทางมหาวิทยาลัยอยากให้น้องมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะมันมีผลต่อภาพลักษณ์ของมหาลัย โชคดีที่ตอนนี้คลิปหายไปแล้วและก็คำสั่งพักการเรียนของน้องเหมยถูกยกเลิกแล้วนะคะ กลับมาเรียนได้)
“ขอบคุณนะคะพี่จันทร์ที่ช่วยติดต่อเรื่องให้ ไว้เหมยจะเข้าไปค่ะแต่ว่าขอเวลาสักสองสามวันนะคะ เหมยยังทำใจไม่ได้”
(ขอให้น้องเหมยเข้มแข็งไวๆ นะคะ)
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันวางสาย ยืนนึกอะไรอยู่ครู่หนึ่งก็วิ่งกลับขึ้นมาบนห้อง หยิบเอกสารที่ไปขู่กรรโชกเอาจากหมอกรเกียรติออกมาดูแล้วทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะทำ
ฉันโทรหาคลื่น....
The x บาร์
ที่นี่เป็นร้านเหล้าของพี่ใหญ่พี่ชายฉันเอง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเพื่อนในแวดวงธุรกิจ บรรยากาศที่นี่จึงเงียบสงบกว่าร้านเหล้าทั่วไป
ฉันนั่งรอคลื่นที่บาร์
“อย่าลืมที่คุยกันไว้นะ”
“นี่มันไม่น่ารักเลยนะครับน้องเหมย” บาร์เทนเนอร์ยิ้มให้ฉันอย่างคุ้นเคย
“เถอะน่า ถือว่าช่วยน้องนะพี่เคน”
พี่เคนส่ายหน้ายิ้มๆ เหมือนไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ปฏิเสธ พูดอีกอย่างคือขัดใจฉันไม่ได้มากกว่า ระหว่างที่ฉันกำลังคุยกับพี่เคนร่างสูงก็เดินเข้ามา
“...คลื่น”
หมอนั่นกำลังยืนจ้องฉันอยู่จากด้านหลัง
“มีอะไร” คลื่นดึงเก้าอี้ตัวข้างๆ ออกมานั่งก่อนหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์
ฉันมองสบสายตาพี่เคนแวบสั้นๆ ก่อนหันมามองหน้าคลื่น
“ดูนายไม่ค่อยเต็มใจมาแต่ก็มา...”
คลื่นเงียบขรึม ท่าทางไม่ได้สะทกสะท้านเลยสักอย่าง คำว่าสำนึกคงไม่มีอยู่ในใจนายเลยสินะ
“ฉันรู้แล้วว่าไม่ใช่ฝีมือนาย”
ฉันกระตุกยิ้มมุมปาก มองแก้วเหล้าที่บาร์เทนเดอร์เลื่อนมาให้คลื่น
ฉันเป็นคนโทรเรียกเขาออกมา แต่หมอนั่นมันเล่นตัวซะจนน่าสะอิดสะเอียนฉันเลยต้องใช้ชื่อ คะนิ้ง เป็นข้ออ้างเพื่อล่อเขาออกมา
“เก่งหนิ ได้ยินว่าคลิปหายไปจากระบบในแค่ไม่กี่วัน” เขาหยิบแก้วขึ้นจิบไปคำหนึ่งก่อนเบนสายตาเฉี่ยวคมมาจ้องหน้าฉัน
“นายคิดว่าฉันจะนั่งอยู่เฉยๆ เหรอ”
“ก็ดี”
ก็ดีงั้นเหรอ.... ฉันลอบกัดฟันกรอด เขาไม่แคร์สักนิดว่าชีวิตฉันจะพังทลายยังไง ถึงมหาวิทยาลัยจะระงับคำสั่งพักการเรียนแต่คิดว่าฉันจะสามารถกลับไปที่นั่นได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ
น่าขำสิ้นดี!
“ที่ฉันเรียกนายมาเพราะรู้สึกผิดเรื่องรถหรอกนะ ส่วนคลิป... ไม่ว่านายจะเป็นคนปล่อยหรือไม่มันก็ไม่ช่วยทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น”
“เธอจะคิดยังไงกับฉันก็เรื่องของเธอ ที่ฉันมาก็เพราะคะนิ้ง”
“นายได้เจอแน่ เดี๋ยวฉันโทรเรียกคะนิ้งให้นายตอนนี้เลย”
ฉันหลอกเขาว่าจะสร้างสถานการณ์ให้เขาได้อยู่กับคะนิ้งสองต่อสอง... ที่นี่มีห้อง VIP สำหรับแขกที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่หลายห้อง
ฉันโทรหาคะนิ้งให้คลื่นเห็นเขาจะได้สบายใจสักที
“นิ้งเหรอ.... มีเรื่องอยากคุยด้วย ออกมาหาตอนนี้เลยได้มั้ย The x บาร์รู้จักหรือเปล่า อื้มรีบๆ มานะ”
ฉันวางสายก่อนอมยิ้มให้คลื่น
“เรียบร้อย”
“เธอทำแบบนี้ทำไม”
“อะไรเหรอ”
“ไม่อยากให้ฉันยุ่งกับเพื่อนเธอไม่ใช่เหรอ”
คลื่นกำลังสงสัยการกระทำของฉัน อืม... มันก็จริง ถ้าเขาไม่สงสัยอะไรเลยนั่นสิแปลก
ฉันสูดหายใจลึก ว่าตามตรงแล้วหมอนี่ไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ
“คะนิ้งเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องเจอเรื่องแย่ๆ ยัยนั่นมีส่วนผิด...”
ฉันกัดฟันแน่นจ้องมองแก้วเหล้าตรงหน้าด้วยสายตาเคียดแค้น
“ในที่สุดก็คิดได้เหรอ” คลื่นกระตุกยิ้มคล้ายพอใจกับความคิดฉัน จู่ๆ หมอนั่นก็ส่ายหน้าเบาๆ คล้ายมีอาการผิดปกติ
ฉันกับพี่เคนลอบสบตากัน ...ท่าทางยาจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
“ฉันจองห้องด้านในเอาไว้แล้ว ไปรอในนั้นดีกว่า ถ้าคะนิ้งมาเห็นว่านายอยู่กับฉันเดี๋ยวเสียแผนหมด”
คลื่นขมวดคิ้วท่าทางแปลกใจ
“ก็จริงคะนิ้งคงเปิดแนบทันทีที่เห็นหน้าฉัน ว่าแต่เธอทำไมฉลาดแบบนี้”
“ฉันก็เรียนรู้มาจากนายไงล่ะ” ฉันหันไปพยักหน้าให้บาร์เทนเนอร์เช็กบิลล์
“เดี๋ยวฉันจ่ายเอง” เขายกมือห้ามฉันที่กำลังยื่นบัตรเครดิตให้บาร์เทนเดอร์ ฉันยักไหล่ ปล่อยให้เขาทำอย่างที่ต้องการ
“เซ็นตรงนี้ด้วยครับคุณลูกค้า”
พี่เคนเอาใบเสร็จออกมาวางตรงหน้าแล้วชี้ตำแหน่งที่ต้องเซ็นให้คลื่นดูเพราะไฟในนี้ค่อนข้างสลัวมองอะไรไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
“ห้องอยู่ทางนี้”
ฉันเดินนำคลื่นออกมาหลังเคลียร์ค่าเครื่องดื่มเสร็จ หมอนั่นส่ายหน้าเบาๆ ระหว่างทาง
“เป็นอะไร หรือว่าแค่นั้นก็เมาแล้ว?” ฉันหันไปกระแซะ หมอนั่นชักสีหน้าบึ้งตึงออกมาทันที
“เหล้าแค่นั้นทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“อ้อ...เหรอ”
หึ เดี๋ยวก็รู้