บทที่ 2 อย่าหาว่าไม่เตือน (1)

1272 Words
บทที่ 2 อย่าหาว่าไม่เตือน (1) MD NIGHT ภายในคลับหรูใจกลางเมืองที่มีเสียงเพลงบีทหนักและแสงไฟสลัวสาดส่องคอยขับกล่อมให้ทุกคนลุกขึ้นเต้นกันอย่างอย่างสนุกสนานรวมถึงหญิงสาวและกลุ่มเพื่อนสามคนที่ตอนนี้กำลังอยู่ที่โต๊ะชั้นล่างเป็นที่สนใจกับหนุ่ม ๆ รอบข้างเป็นอย่างมาก “โต๊ะนั้นเขามองฉันด้วยแหละ” “จ้ะ คุณน้ำคนสวย สวยที่สุด!” มีนากลอกตาไปมาเมื่อตั้งแต่มาถึงก็ได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทที่พูดไม่หยุดปากจนทำให้นึกหมั่นไส้เสียไม่ได้ “ดีใจอะที่วันนี้แกมาด้วย ปกติชวนทีไรก็ขี้เกียจตลอด” “วันนี้เบื่อ ๆ อะแถมยังเจอรุ่นพี่ขี้เก๊กอีก” ว่าแล้วก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อช่วงบ่าย “เออดีอยากให้เจอบ่อย ๆ แกจะได้ออกมาตี้กับฉัน” “แล้ววันนี้แกไม่มีฝึกเหรอถึงชวนออกมาตี้ได้เนี่ย” มีนาถามถึงเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังเรียนพยาบาลปีสองถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีเวลาว่างแต่ก็ชอบออกมาเที่ยวอยู่บ่อย ๆ มีนาอายุยี่สิบปีเดิมทีเรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ก่อนจะซิ่วมาเรียนบริหารธุรกิจเนื่องจากถูกกดดันกับทางครอบครัวที่อยากให้เรียนสายนี้มากกว่าเพราะมีธุรกิจร้านเครื่องเพชรที่ต้องกลับไปบริหารหลังเรียนจบในเมื่อทนกับความกดดันไม่ได้เธอจึงต้องเลือกทำตามที่ครอบครัวบอกก็คือการซิ่วมาเรียนปีหนึ่งใหม่ในคณะบริหารธุรกิจ “ให้ฉันได้พักบ้างเถอะเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” หญิงสาวพยักหน้ารับเพราะรู้ว่าดีการฝึกพยาบาลช่วงนี้หนักหนามากแค่ไหน “เออก็จริงเรียนหนักเวอร์” “แล้วที่สำคัญนะยัยมีน คืนวันเสาร์เราจะนอนเหงาได้ไง” “อะจ้า” หญิงสาวลากเสียงยาวและมองเพื่อนสนิท สายตาหวานหันมองไปยังรอบ ๆ ร้านที่ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากเนื่องจากเป็นคืนวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดที่ใครหลาย ๆ คนเฝ้ารอมากที่สุด ทั้งสองคนสั่งเครื่องดื่มและสังสรรค์กันไปอย่างสนุกสนานและลุกขึ้นเต้นไปตามเสียงเพลงถึงแม้ว่าจะมากันเพียงสองคนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกลดน้อยลงไปเลยเพราะทั้งคู่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวแซบที่ชื่นชอบการเที่ยวเป็นที่สุด เรียกได้ว่าเป็นคนเทา ๆ วัดก็เข้า เหล้าก็กิน! “ปวดฉี่ว่ะ” หลังจากที่ดื่มและออกสเต็ปจนเริ่มเหนื่อยทั้งสองก็นั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองพลางหยิบแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่ม “เออฉันก็ปวด” สองสาวเดินลุกจากโต๊ะตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของที่นั่งตัวเอง ระหว่างทางมีผู้คนมากมายเต็มไปหมดทำให้กว่าจะเดินมาถึงก็เล่นหอบเพราะกว่าจะฝ่าฝูงคนที่กำลังสนุกสนานกับเสียงเพลงมาได้ แต่ทว่า... มีนาหยุดชะงักฝีเท้าเมื่อมีร่างสูงของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางเธอและน้ำเอาไว้ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจเพราะเธอเองก็ไม่รู้จักอีกฝ่ายเช่นกัน “ขอโทษนะครับ” ทั้งมีนาและน้ำต่างมองหน้ากันด้วยความแปลกใจเพราะเธอมั่นใจว่าไม่รู้จักผู้ชายตรงหน้าแน่นอน “ผมอยากจะขอเบอร์คุณได้ไหมครับ” “คะ?” “ผมเห็นว่าคุณน่ารักดีก็เลย...” “ฉันมีแฟนแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” มีนารีบตัดบทสนทนาอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะจูบมือเพื่อนสนิทเดินผ่านชายตรงหน้าไปทันทีโดยไม่คิดจะหันมองกลับไปเลยแม้แต่น้อย “นี่ยัยมีน แกใจร้ายกับเขาเกินไปหรือเปล่า” เมื่อเดินมาถึงห้องน้ำเพื่อนสนิทอย่างน้ำก็โพล่งขึ้น ชายคนนั้นหน้าตาก็ไม่ได้แย่ค่อนข้างไปทางหล่อเลยด้วยซ้ำแล้วอีกอย่างเพื่อนของเธอก็ไม่ได้มีแฟนอย่างที่อ้างไปไม่รู้ทำไมถึงไม่คิดจะเปิดใจคบใครสักที “ใจร้ายตรงไหน” “ก็แกปฏิเสธเขาแบบไม่ใยดี แฟนก็ไม่มียังโกหกเขาอีก” “ก็ฉันไม่ชอบ” มีนาตอบออกไปตามตรง ถึงเธอจะเป็นสาวโสดแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเหงาหรือลำบากอะไรหนำซ้ำยังรู้สึกดีมากกว่ามีแฟนเสียอีก “แกนี่จริง ๆ เลยนะยัยมีน” “โอ๊ยพอเลย รีบไปเข้าห้องน้ำเลย” มีนาเดินเลี่ยงเข้าไปด้านในห้องน้ำขืนอยู่ต่อมีหวังโดนเพื่อนตัวแสบเป่าหูให้มีแฟนไม่หยุดแน่ เมื่อจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยทั้งสองคนก็เดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเองเนื่องจากช่วงนี้ก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้วเพลงภายในร้ายรวมถึงแสงไฟก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะอีดีเอ็มซึ่งนับว่าเป็นที่โปรดปราณสำหรับสาวนักเที่ยวอย่างทั้งสองคนเป็นที่สุด “อ้าวเห้ยน้องปากแจ๋วนี่หว่า” แต่ทว่าไม่ทันที่เธอจะเดินกลับไปถึงที่โต๊ะของตัวเองกลับถูกเสียงเรียกของคนกลุ่มหนึ่งเรียกไว้เสียก่อน มีนาและน้ำหันไปมองยังต้นเสียงก็พบว่าชายกลุ่มนั้นคือรุ่นพี่ที่เธอเจอในงานรับน้องเมื่อวานและที่สำคัญมีไอ้รุ่นพี่ขี้เก๊กที่เธอมีปัญหาอยู่ในโต๊ะนั้นด้วย! “อะไรเนี่ยน้องอายุถึงแล้วเหรอถึงได้มาเที่ยวที่นี่ได้” “ใครเหรอมีน” น้ำกระซิบข้างหูเพื่อนสนิทเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพูดคุยกับมีนาราวกับว่ารู้จักกัน “รุ่นพี่ที่คณะอะ” หญิงสาวตอบอย่างไม่ใส่ใจนักพลางกลอกตาไปมา เพียงแค่เห็นหน้าของรุ่นพี่คนนั้นก็ทำให้เธอนึกหงุดหงิดขึ้นมาพลันทำให้คิดถึงเหตุการณ์วันนั้นที่เธอต่อฝีปากกับอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ “เป็นเด็กไม่ควรมาเที่ยวที่แบบนี้นะน้อง” “โอ๊ยพี่ มีนอายุยี่สิบแล้ว” “ปีหนึ่งทำไมอายุยี่สิบ” “มีนซิ่วมา ถ้าเทียบแล้วตอนนี้มีนอยู่ปีสอง” “อ๋อ...ที่แท้ก็ซิ่วมานี่เอง” “แล้วนี่มากันสองคนเหรอ นั่งโต๊ะไหนกันล่ะ” รุ่นพี่อีกคนถามขึ้นเมื่อเห็นว่ามีเพียงผู้หญิงสองคนเท่านั้น “สองคนนี่แหละพี่ นั่งโต๊ะโน้นใกล้ ๆ กับเวที” “เหอะ” เสียงเข้มเค้นหัวเราะในลำคอก่อนจะกอดอกมองไปทางอื่นทำให้หญิงสาวมองตาแข็งใส่ตัวเจ้าอย่างไม่พอใจ เธออุตส่าห์ไม่สนใจแล้วยังจะส่งเสียงให้เธอหงุดหงิดขึ้นมาอีก “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามและมองไปยังคนตัวโตอย่างไม่พอใจ หากมีอะไรก็ควรพูดออกมาตรง ๆ ดีกว่ามาทำตัวให้เธอรำคาญใจเช่นนี้ “ไอ้พีทมึงอยู่เฉย ๆ” เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกายเป็นต้องกระทุ้งแขนเตือนชายหนุ่มเพราะยังจำจดเหตุการณ์มีปากเสียงของทั้งสองคนที่มหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมใครคนห้ามนี่แหละที่น่าเป็นห่วงที่สุด “กูยังไม่ได้ทำไรเลย” ชายหนุ่มยักไหล่มองเพื่อนสนิทด้วยความสายตาเรียบนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD