EP.4 CRAZY LOVE คลั่งรัก ตอน กราบขอโทษ

2730 Words
EP.4 CRAZY LOVE คลั่งรัก ตอน กราบขอโทษ "ไอ้ฟาร์ ใจเย็น ๆ" ไทม์โซนรีบเข้ามาคว้าแขนของเพื่อนตัวเองไว้ทันที "แล้วน้ำหน้าอย่างนาย มันน่าเอาตรงไหน?" ฉันก็สวนกลับไปอย่างไม่ยอมเพราะสุดจะทนแล้วเหมือนกัน "ว้าย ว้าย ๆ" เสียงส้นสูงของเจ๊ดาววิ่งตรงเข้ามาทางเราทันที "เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าคะ คุณฟาเรน" เสียงของเจ๊ดาวที่รีบวิ่งเข้ามาหาที่โต๊ะและถามเราทันที "ใจเย็นก่อนนะคะ ใจเย็นค่ะ" เจ๊ดาวหน้าเสียไปทันทีเมื่อเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเห็นใบหน้าของเขากระชั้นชิดที่มีรอยนิ้วมือทั้งห้าของฉันติดอยู่ รวมถึงฉันที่ยืนจ้องหน้าฟาเรนอย่างพร้อมมีเรื่องเหมือนกัน "เด็กของเธอกล้าดียังไงมาตบหน้าฉัน?" ฟาเรนตอบกลับมาด้วยท่าทีเหวี่ยง ๆ "เจ๊ดาวคะ แต่หมอนี่มันมาหยาบคายใส่หนูก่อนนะคะ!" ฉันรีบตอบไปโดยที่ฝ่ามือยังสั่นไม่หายเลยเพราะความโมโห "หุบปากเดี๋ยวนี้" เจ๊หันมาตวาดฉันทันที "นี่คุณฟาเรนเป็นลูกค้าวีไอพีของผับเรา และทุกคนที่นั่งในโต๊ะนี้คือวีไอพีทั้งหมด" เจ๊ดาวเบิกตาโตขึ้นเสียงใส่ฉันทันที "เธอเข้าใจคำว่า VIP ไหมน้ำขิง?" เจ๊ดาวกัดฟันพูดกับฉันอย่างหัวเสีย "ถ้าเป็นวีไอพี แต่นิสัยแย่แบบนี้เราก็ต้องยอมอย่างงั้นเหรอคะ?" ฉันเม้มปากแน่นและเถียงกลับไปอย่างไม่เข้าใจ "น้ำขิง!" เมเปิ้ลเรียกชื่อฉันอีกครั้ง "แล้วเธอจะชดใช้ค่าเสียหายหรือผลร้ายที่จะตามมาให้ผับเราไหม ถ้าพวกเขาไม่พอใจ?" เจ๊ดาวจ้องหน้าฉันอย่างกดดัน "เธอรีบยกมือไหว้ขอโทษคุณฟาเรนเดี๋ยวนี้!" เจ๊ดาวรีบกระชากตัวของฉันมายืนตรงหน้าฟาเรนไฮต์ และบังคับให้ฉันขอโทษผู้ชายสันดานเสียแบบเขา "เร็ว ๆ เข้า!" เจ๊ดาวกระแทกเสียงใส่ฉัน ก่อนที่เธอจะหันไปก้มหัวและยิ้มให้ฟาเรนอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ๆ ต่างจากตอนที่คุยกับฉันราวฟ้ากับเหวนรก "เจ๊ดาว แต่หนูไม่ผิดนะคะ" ฉันดึงข้อมือตัวเองออกจากเจ๊ดาวทันที "หนูมาทำงานนั่งดริงก์ ชงเหล้าให้ลูกค้าดื่มเท่านั้น" ฉันยังคงยืนกรานจะไม่ขอโทษออกไป "แต่ไอ้ผู้ชายคนนี้มาถามซื้อบริการทางเพศ แบบนี้มันผิดกฎหมายไม่ใช่เหรอคะ?" ฉันย้อนถามกับเจ๊ดาวไปและมองไปรอบ ๆ ผับหรูอย่างพยายามหากฎหมายมาเล่นงานเขาให้ได้ เพราะผับคือสถานบันเทิง ไม่ใช่ซ่องให้ขายตัวสักหน่อย "ก็รีบไปแจ้งความซะสิ ~" เป็นฟาเรนที่พูดขึ้นแทนพร้อมกับหัวเราะเยาะใส่ฉัน "สรุปว่าเธออยากจะแค่คุกเข่าขอโทษ หรือจะกราบขอโทษฉันที่เท้าเลยดี?" เขามองไปที่พื้นสลับกับใบหน้าของฉัน "ฉันไม่ขอโทษคนเหี้ย ๆ แบบนาย!" ฉันสวนกลับไปอย่างตาแข็งเสียงแข็ง "แต่เธอต้องทำ" เป็นเสียงของเจ๊ดาวที่พูดแทรกขึ้นมาด้วยท่าทีไม่พอใจ กระชากแขนของฉันอย่างแรง "คุณฟาเรนเป็นเจ้าของที่ดิน ที่ผับเราเช่าเปิดอยู่" เธอพูดใส่หน้าของฉันอย่างหมดความอดทน ฟาเรนยืนเบะปากใส่ฉันพลางลูบใบหน้าของตัวเองเบา ๆ "แค่ขอโทษเขาไปซะ เพราะเรื่องที่ไปตบลูกค้าวีไอพีแบบนี้" เจ๊ดาวพูดเสียงสั่น ๆ เธอวิตกกังวลจนเหงื่อแตกไปทั้งหน้า "มันไม่ใช่แค่เธอที่จะเดือดร้อน" สายตาของหญิงวัยสามสิบปีตรงหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและความกลัวจนทำให้ฉันรู้สึกแย่ไปด้วยจนต้องยอมใจอ่อนในที่สุด ฉันหันกลับไปมองหน้าของฟาเรนที่มองฉันอย่างสะใจที่เห็นว่าฉันแพ้อย่างราบคาบจริง ๆ "คุกเข่าลง และยกมือไหว้ขอโทษฉันสวย ๆ" ฟาเรนชี้ลงไปที่พื้นพร้อมกับเอ่ยขึ้นราวกับว่าเขาเป็นผู้ชนะในครั้งนี้ "อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำร้ายร่างกายฉัน" ฟาเรนจ้องหน้าของฉันไม่ละสายตาไปทางอื่น ก่อนหน้านี้ฉันกับฟาเรนก็มีเรื่องมีราวกันมาแล้วรอบหนึ่ง และฉันก็เตะผ่าหมากเขาไปหนึ่งที เล่นเอาเขาล้มลงไปนอนที่พื้นเลยเหมือนกัน "ศักดิ์ศรีของเธอมันกินไม่ได้หรอกนะน้ำขิง" เจ๊ดาวกระซิบย้ำอีกครั้งก่อนจะดันตัวของฉันหันหน้าตรงไปทางฟาเรนอย่างกดดัน "ไอ้ฟาร์ กูว่ามึงพอเหอะ" ไทม์พยายามดึงแขนเพื่อนของเขาเอาไว้ "เออ สงสารยัยนี่ ยังไงก็เพื่อนไอรีนนะเว้ย" คลินต์ก็ลุกขึ้นช่วยพูดด้วยอีกคน "ไม่! กูไม่สงสาร" ฟาเรนตอบเพื่อนไปอย่างไม่ใส่ใจในคำพูดของพวกเขาเลยสักนิด "เธอเก่งกับฉันมากนักไม่ใช่เหรอ?" เขาหันกลับมาจ้องหน้าฉันนิ่ง ๆ และขึ้นเสียงใส่ฉัน "ถ้าเธอขอโทษ ฉันอาจจะไม่เอาเรื่องก็ได้" "แต่ถ้าไม่" ฟาเรนหันไปมองทางเจ๊ดาวด้วยท่าทีแปลก ๆ "ยัยแม่เล้าเนี่ย จะโดนไล่ออกทันทีที่ฉันโทรไปบอกเจ้าของผับแห่งนี้" "โทษฐานที่ไม่รู้จักสั่งสอนเด็กนั่งดริงก์ในร้าน ว่าควรบริการลูกค้าอย่างฉันยังไง!" สายตาของเขาจ้องไปที่เจ๊ดาวอย่างเอาจริงและพูดใส่เธอไปชุดใหญ่ "ดิฉันขอโทษแทนยัยน้ำขิงด้วยนะคะ น้องเค้าเพิ่งจะมาใหม่เลยอาจจะทำอะไรโง่ ๆ ใส่คุณฟาเรนไปแบบนั้น" เจ๊ดาวทำท่าจะลงไปกราบฟาเรนแทนฉัน พอเห็นแบบนั้นฉันจึงจำเป็นต้องยอมขอโทษไอ้ผู้ชายสารเลวคนนี้...ในที่สุด "เจ๊ไม่ต้องทำ…หนูยอมแล้ว ๆ" ฉันคว้าตัวของเจ๊ดาวเอาไว้ เพราะเธอเองก็แก่กว่าเรา ๆ เป็นสิบปี จะให้มาเห็นเธอก้มลงกราบเด็กรุ่นน้องที่ไร้เหตุผลแบบเขา ฉันทนไม่ได้จริง ๆ และอีกอย่างสาเหตุมันก็มาจากฉัน ฟุ่บ! ก่อนฉันจะกัดฟันแน่นพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และยอมคุกเข่าลงต่อหน้าของเขาอย่างหมดทางเลือกอื่น ฉันก้มหน้าลงอย่างเจ็บใจมากที่สุดที่ต้องขอโทษ ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย "ไอ้ฟาร์ กูบอกให้พอไง" ไทม์พูดขึ้นและพยายามหยุดเพื่อนของเขา "ไอ้ไทม์มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย ยัยนี่ทำกูเจ็บตั้งหลายรอบ กูต้องการคำขอโทษจากยัยนี่" ใบหน้าโหดหันไปขึ้นเสียงใส่เพื่อน ก่อนจ้องมาที่ฉันและค่อย ๆ คลายยิ้มชั่วร้ายออกมาทันที "เร็วสิ ฉันรอฟังอยู่" เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวน ๆ "...ขอโทษ..." ฉันยกมือไหว้เขาและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ฉันสูดลมหายใจเข้าและปล่อยออกช้า ๆ อย่างพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด "พอใจนายรึยัง?" ฉันเงยหน้าขึ้นถามเขาอีกครั้ง ฟาเรนมองฝ่ามือของฉันที่ยังคงพนมไหว้ขอโทษเขาอยู่ เขาเบะปากใส่ฉัน ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองทาง เจ๊ดาวและเมเปิ้ล เล็กน้อย "เหอะ ๆ" ฟาเรนตอบกลับมาเพียงแค่นั้น "กูกลับก่อนนะ" เขาหันไปคุยกับเพื่อนทั้งสองคนอย่างไม่สนใจฉันที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่นิด "พรุ่งนี้กูก็มีเรียนเช้า" ไทม์ลุกขึ้นเตรียมจะตามออกไปทันที เขาหันมาพยักหน้าให้ฉันเล็กน้อยเชิงบอกให้ฉันลุกขึ้น แต่พอกำลังจะลุกฟาเรนก็เดินเข้ามากระแทกชนไหล่ของฉันอย่างแรง ก่อนที่เขาจะเดินออกไปอย่างไม่พูดอะไรอีกเลยแม้แต่คำเดียว "ฉันเหมาทั้งคืนเธอคิดเท่าไหร่?" คลินต์หันมาถามเมเปิ้ลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา "สองหมื่นค่ะคุณคลินต์" เธอตอบคลินต์อย่างเสียงอ่อนเสียงหวาน "โอเค งั้นของที่เสียหายวันนี้ลงบิลฉันไว้เลยนะ" คลินต์ตบไหล่เจ๊ดาวที่ยืนหน้าซีด ๆ เอาแต่ก้มหน้าคำนับพวกเด็กวัยรุ่นที่อายุอ่อนกว่าตัวเองเป็นสิบปีน่าจะได้ "ได้ค่ะ คุณคลินต์" "กราบขอบพระคุณมากเลยนะคะ" เจ๊ดาวไหว้คลินต์อย่างไม่อาย "เมเปิ้ล ดูแลคุณคลินต์ให้เต็มที่เลยนะ" เจ๊ดาวหันไปกำชับกับเมเปิ้ลทันที "ค่ะเจ๊" เธอก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับคลินต์อย่างหน้าตาเฉย ฉันยังคงคุกเข่าอยู่แบบนั้น อย่างพูดไม่ออกเลย เมื่อกี้พวกเขาเพิ่งจะตกลงราคาค่าตัวสำหรับการขายบริการในคืนนี้งั้นน่ะเหรอ? ฉันชันเข่าลุกขึ้นยืนมองทั้งคลินต์และเมเปิ้ลเดินออกจากผับไปด้วยความรู้สึกที่หดหู่ใจเหลือเกิน "บางคน ไม่ได้อยากเลือกอาชีพแบบนี้หรอกนะ" เจ๊ดาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันมองตามเมเปิ้ลไปอย่างไม่ละสายตาไปทางอื่น "เขาไม่ได้เลือกมาทำงานนี้ เพราะว่าเขาชอบหรอกนะ" "แต่เพราะเงิน" เจ๊ดาวพูดขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมา "และเพื่อความอยู่รอดต่างหาก ผู้หญิงพวกนี้ถึงยอมขายศักดิ์ศรีตัวเองแลกมา" เธอเอ่ยขึ้นและตวัดสายตามามองทางฉันนิ่ง ๆ "อย่างเมเปิ้ล ที่มาเอาดีทางด้านงานแบบนี้ก็เพราะว่าน้องชายของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์เมื่อปีที่แล้ว" "ต้องรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู ซึ่งค่าใช้จ่ายมันก็ไม่น้อยเลยในแต่ละเดือน" "เธอสมัครใจมาทำงานนี้ เพื่อเอาเงินที่ได้ไปต่อลมหายใจของน้องชายตัวเอง" "ถ้าในสังคมนี้มีอาชีพดี ๆ ให้เลือกตั้งเยอะแยะจริง ๆ…" "ตัวเธอเองก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก จริงไหม?" เจ๊ดาวพูดความจริงใส่หน้าฉัน แม้ว่ามันยากจะยอมรับแต่ฉันก็ต้องก้มหน้ารับต่อชะตากรรมนี้ "เธอคิดว่าตัวเองสามารถหาเงิน...สองหมื่นได้ภายในคืนเดียวไหม?" หญิงสาววัยสามสิบเอ่ยถามฉันและยืนรอคำตอบ ฉันส่ายหน้าตอบไปอย่างพูดไม่ออกเลย "ถ้าเธอไม่พร้อมทำงานแบบนี้ พรุ่งนี้ไม่ต้องมาที่นี่อีกนะ" เจ๊ดาวบีบไหล่ของฉันเบา ๆ ก่อนจะทิ้งฉันอยู่ตามลำพัง ฉันมองไปรอบ ๆ ผับหรูหรา ใบหน้าของหญิงสาววัยรุ่นที่ยอมเปลืองเนื้อเปลืองตัว เต้นยั่ว ๆ ดื่มกับแขกจนเมาปลิ้น นั่งพูดคุยเอาอกเอาใจผู้ชายมากหน้าหลายตา ก็เพื่อเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น @ห้องน้ำขิง (หอพักนักศึกษา) "ถ้าหนูเรียนจบ มีงานมีการทำที่ดี" ฉันมองรูปถ่ายของตัวเองกับพี่สาวคนโตและพูดกับรูปถ่ายนั้นอย่างเจ็บปวดเหลือเกิน "หนูจะรีบไปช่วยพี่น้ำหวานนะ อดทนรอหนูหน่อยนะคะ" ฉันกอดรูปภาพสีจาง ๆ ใบนั้น และผล็อยหลับไปทั้งน้ำตาเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่าน ๆ มา -เช้าวันต่อมา- ฉันต้องรีบตื่นมาอาบน้ำแปรงฟัน และเตรียมตัวอ่านหนังสือในช่วงเช้า โชคดีที่วันนี้ฉันมีเรียนภาคบ่าย ก็เลยพอมีเวลาได้ทบทวนบทเรียนบ้าง ฉันเป็นเด็กทุนที่ใกล้จะหลุดทุนเต็มทีแล้ว เพราะไม่มีเวลาอ่านหนังสือทบทวนเรื่องที่เรียนก่อนจะสอบเลย เวลาทั้งหมดอยู่กับการวิ่งวุ่นทำงานพาร์ตไทม์ เรียกได้ว่าชีวิตในแต่ละวันแทบไม่มีเวลาว่างเลยแม้แต่ชั่วโมงเดียว ครืด ครืด ~ ~ (สายเรียกเข้าจาก พี่แยม) พี่แยมคือ พี่หัวหน้างานร้านไอศกรีมที่ฉันไปขายตอนเย็น ๆ พี่แยมโทรหาฉันทำไมกันนะ ฉันมองหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะรีบกดรับสายทันที "สวัสดีค่ะพี่แยม โทรหาขิงมีอะไรรึเปล่าคะ?" ฉันเอ่ยตอบปลายสายไปอย่างอ่อนน้อม (ยัยขิงเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น?) ปลายสายเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงดูไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ "เมื่อคืน?" ฉันขมวดคิ้วอย่างงุนงง (ก็เมื่อกี้เพื่อนที่พี่ฝากงานให้เราน่ะสิ) "เจ๊ดาวเหรอคะ?" ฉันเอ่ยถามกลับไปทันที (ใช่) (นางเพิ่งโดนเจ้าของผับไล่ออกจากงาน) "ไล่ออก" ฉันชะงักไปทันที (นางโทรมาร้องไห้ ด่าทอใส่พี่ใหญ่เลยว่าที่นางโดนไล่ออกเป็นเพราะเธอ) สิ่งที่พี่แยมพูดทำเอาฉันนิ่งไปอย่างทำอะไรไม่ถูกเลยจริง ๆ (ยัยดาวมันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว) (ทำงานหาเงินเลี้ยงลูก และยังต้องผ่อนใช้หนี้พนันให้กับผัวเก่าเพียงลำพัง) (ตอนนี้ยังมาตกงานอีก) (พี่ถามมันก็เอาแต่ด่า ๆ พี่) (ไม่ยอมอธิบายให้พี่ฟัง พี่ก็เลยโทรถามเอาสาเหตุจากเราเนี่ยแหละ) (ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมยัยดาวถึงโดนไล่ออกเพราะน้ำขิงได้?) "ฟาเรน!" ฉันกัดฟันพูดชื่อนั้นอย่างกำหมัดแน่น "เอาอย่างงี้นะคะ...พี่แยมโทรไปปลอบใจเจ๊ดาวก่อนนะคะ" "ขิงขอลองหาทางจัดการเรื่องนี้เองก่อน แล้วขิงจะรีบติดต่อกลับไปค่ะ" "แต่ยังไงขิงฝากขอโทษเจ๊ดาวด้วยนะคะ ที่ทำให้เดือดร้อนขนาดนี้" ฉันหลับตาเอ่ยบอกกับปลายสายไป (อ่า ๆ ได้ความยังไงก็รีบโทรบอกพี่นะ) พี่แยมพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะตัดสายไป @มหาลัย ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ ฉันมายืนดักรอฟาเรนอยู่สักพัก จนในที่สุดเขาก็โผล่มาจนได้... "ฟาเรน" ฉันตะโกนลั่นเรียกชื่อของฟาเรนที่กำลังเดินโอบสาวสวยจากคณะอื่น ๆ เดินผ่านมาตรงหน้าตึกวิศวะที่ฉันยืนดักรออยู่พอดี "อ้าว..ยัยน้ำขังนี่เอง!" ฟาเรนหันมาปรายตามองฉันก่อนจะยิ้มออกมาทันทีที่เจอหน้า น้ำขัง พ่อง! ฉันได้แต่คิดในใจ "เมื่อคืนฉันก็ยอมคุกเข่าและไหว้ขอโทษไปแล้ว" ฉันเดินไปเผชิญหน้า "ทำไมวันนี้พี่คนนั้นถึงโดนไล่ออก?" จ้องเข้าไปในแววตาคมกริบคู่นั้น และถามไปด้วยน้ำเสียงที่โมโหแบบสุดขีด "ขอโทษแล้วไง... ฉันไม่ได้บอกนี่ว่า…" "ฉันจะยกโทษให้" คำตอบของฟาเรนทำเอาฉันแทบคลั่งจนอยากจะกระโดดถีบยอดหน้าเขาให้หงายไปเลยจริง ๆ "แต่นายทำลายอนาคตของคนอื่น เพื่อต้องการเอาชนะฉันเนี่ยนะ?" ฉันกำหมัดแน่นถามเขาไปอย่างมือสั่น ฟาเรนทำท่าคิดอยู่สักพัก "ใช่" เขาตอบกลับมาด้วยท่าทีสะใจที่ได้เห็นฉันคลั่งเจียนบ้าแบบนี้ "นายรู้ไหม ว่าพี่คนนั้นเขาต้องเดือดร้อนมากแค่ไหนที่ต้องตกงานอะ" ฉันพยายามขอความเห็นใจจากคนที่ไร้จิตสำนึกอย่างฟาเรน "พล่ามจบรึยัง?" ฟาเรนเลิกคิ้วถามอย่างไม่ใส่ใจ "ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังเรื่องไร้สาระของเธอหรอกนะ" ฟาเรนพูดขึ้นพร้อมกับลูบปลายคางของฉันก่อนจะลดมือไปควงแขนผู้หญิงหน้าตาดีที่สวมใส่ชุดนักศึกษารัดรูปต่อทันที "และจำเอาไว้ อย่ามาเก่งกับฉัน!" เขาขยับใบหน้าเข้ามาหาฉันแทบจะกระชั้นชิด "เพราะสุดท้ายเธอก็ต้องมาสยบแทบเท้าฉันอยู่ดี" ฟาเรนพ่นคำพูดใส่หน้าพร้อมกับแววตาคมกริบที่มองฉันอย่างดูถูก "ฟาเรน" ฉันกัดฟันเรียกชื่อนั้นเสียงสั่น แม้ว่าจะอดทนนับ 1 ถึง 100 แต่ไม่ไหวจริง ๆ ขวับ! ฉันกระชากแก้วน้ำเปล่าเย็น ๆ ที่มีน้ำแข็งก้อนเล็กเต็มแก้ว จากมือของผู้หญิงที่ยืนถัดออกไปจากฟาเรน และสาดใส่หน้าเขาทันที ซ่าส์ ~ ~ "ไอ้ชาติหมา!" END OF NAM KHING’S PART
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD