EP.4 CRAZY LOVE คลั่งรัก
ตอน กราบขอโทษ
"ไอ้ฟาร์ ใจเย็น ๆ" ไทม์โซนรีบเข้ามาคว้าแขนของเพื่อนตัวเองไว้ทันที
"แล้วน้ำหน้าอย่างนาย มันน่าเอาตรงไหน?" ฉันก็สวนกลับไปอย่างไม่ยอมเพราะสุดจะทนแล้วเหมือนกัน
"ว้าย ว้าย ๆ" เสียงส้นสูงของเจ๊ดาววิ่งตรงเข้ามาทางเราทันที
"เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าคะ คุณฟาเรน" เสียงของเจ๊ดาวที่รีบวิ่งเข้ามาหาที่โต๊ะและถามเราทันที
"ใจเย็นก่อนนะคะ ใจเย็นค่ะ" เจ๊ดาวหน้าเสียไปทันทีเมื่อเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเห็นใบหน้าของเขากระชั้นชิดที่มีรอยนิ้วมือทั้งห้าของฉันติดอยู่
รวมถึงฉันที่ยืนจ้องหน้าฟาเรนอย่างพร้อมมีเรื่องเหมือนกัน
"เด็กของเธอกล้าดียังไงมาตบหน้าฉัน?" ฟาเรนตอบกลับมาด้วยท่าทีเหวี่ยง ๆ
"เจ๊ดาวคะ แต่หมอนี่มันมาหยาบคายใส่หนูก่อนนะคะ!" ฉันรีบตอบไปโดยที่ฝ่ามือยังสั่นไม่หายเลยเพราะความโมโห
"หุบปากเดี๋ยวนี้" เจ๊หันมาตวาดฉันทันที
"นี่คุณฟาเรนเป็นลูกค้าวีไอพีของผับเรา และทุกคนที่นั่งในโต๊ะนี้คือวีไอพีทั้งหมด" เจ๊ดาวเบิกตาโตขึ้นเสียงใส่ฉันทันที
"เธอเข้าใจคำว่า VIP ไหมน้ำขิง?" เจ๊ดาวกัดฟันพูดกับฉันอย่างหัวเสีย
"ถ้าเป็นวีไอพี แต่นิสัยแย่แบบนี้เราก็ต้องยอมอย่างงั้นเหรอคะ?" ฉันเม้มปากแน่นและเถียงกลับไปอย่างไม่เข้าใจ
"น้ำขิง!" เมเปิ้ลเรียกชื่อฉันอีกครั้ง
"แล้วเธอจะชดใช้ค่าเสียหายหรือผลร้ายที่จะตามมาให้ผับเราไหม ถ้าพวกเขาไม่พอใจ?" เจ๊ดาวจ้องหน้าฉันอย่างกดดัน
"เธอรีบยกมือไหว้ขอโทษคุณฟาเรนเดี๋ยวนี้!" เจ๊ดาวรีบกระชากตัวของฉันมายืนตรงหน้าฟาเรนไฮต์ และบังคับให้ฉันขอโทษผู้ชายสันดานเสียแบบเขา
"เร็ว ๆ เข้า!" เจ๊ดาวกระแทกเสียงใส่ฉัน ก่อนที่เธอจะหันไปก้มหัวและยิ้มให้ฟาเรนอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ๆ ต่างจากตอนที่คุยกับฉันราวฟ้ากับเหวนรก
"เจ๊ดาว แต่หนูไม่ผิดนะคะ" ฉันดึงข้อมือตัวเองออกจากเจ๊ดาวทันที
"หนูมาทำงานนั่งดริงก์ ชงเหล้าให้ลูกค้าดื่มเท่านั้น" ฉันยังคงยืนกรานจะไม่ขอโทษออกไป
"แต่ไอ้ผู้ชายคนนี้มาถามซื้อบริการทางเพศ แบบนี้มันผิดกฎหมายไม่ใช่เหรอคะ?" ฉันย้อนถามกับเจ๊ดาวไปและมองไปรอบ ๆ ผับหรูอย่างพยายามหากฎหมายมาเล่นงานเขาให้ได้ เพราะผับคือสถานบันเทิง ไม่ใช่ซ่องให้ขายตัวสักหน่อย
"ก็รีบไปแจ้งความซะสิ ~" เป็นฟาเรนที่พูดขึ้นแทนพร้อมกับหัวเราะเยาะใส่ฉัน
"สรุปว่าเธออยากจะแค่คุกเข่าขอโทษ หรือจะกราบขอโทษฉันที่เท้าเลยดี?" เขามองไปที่พื้นสลับกับใบหน้าของฉัน
"ฉันไม่ขอโทษคนเหี้ย ๆ แบบนาย!" ฉันสวนกลับไปอย่างตาแข็งเสียงแข็ง
"แต่เธอต้องทำ" เป็นเสียงของเจ๊ดาวที่พูดแทรกขึ้นมาด้วยท่าทีไม่พอใจ กระชากแขนของฉันอย่างแรง
"คุณฟาเรนเป็นเจ้าของที่ดิน ที่ผับเราเช่าเปิดอยู่" เธอพูดใส่หน้าของฉันอย่างหมดความอดทน
ฟาเรนยืนเบะปากใส่ฉันพลางลูบใบหน้าของตัวเองเบา ๆ
"แค่ขอโทษเขาไปซะ เพราะเรื่องที่ไปตบลูกค้าวีไอพีแบบนี้" เจ๊ดาวพูดเสียงสั่น ๆ เธอวิตกกังวลจนเหงื่อแตกไปทั้งหน้า
"มันไม่ใช่แค่เธอที่จะเดือดร้อน" สายตาของหญิงวัยสามสิบปีตรงหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและความกลัวจนทำให้ฉันรู้สึกแย่ไปด้วยจนต้องยอมใจอ่อนในที่สุด
ฉันหันกลับไปมองหน้าของฟาเรนที่มองฉันอย่างสะใจที่เห็นว่าฉันแพ้อย่างราบคาบจริง ๆ
"คุกเข่าลง และยกมือไหว้ขอโทษฉันสวย ๆ" ฟาเรนชี้ลงไปที่พื้นพร้อมกับเอ่ยขึ้นราวกับว่าเขาเป็นผู้ชนะในครั้งนี้
"อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำร้ายร่างกายฉัน" ฟาเรนจ้องหน้าของฉันไม่ละสายตาไปทางอื่น
ก่อนหน้านี้ฉันกับฟาเรนก็มีเรื่องมีราวกันมาแล้วรอบหนึ่ง และฉันก็เตะผ่าหมากเขาไปหนึ่งที เล่นเอาเขาล้มลงไปนอนที่พื้นเลยเหมือนกัน
"ศักดิ์ศรีของเธอมันกินไม่ได้หรอกนะน้ำขิง" เจ๊ดาวกระซิบย้ำอีกครั้งก่อนจะดันตัวของฉันหันหน้าตรงไปทางฟาเรนอย่างกดดัน
"ไอ้ฟาร์ กูว่ามึงพอเหอะ" ไทม์พยายามดึงแขนเพื่อนของเขาเอาไว้
"เออ สงสารยัยนี่ ยังไงก็เพื่อนไอรีนนะเว้ย" คลินต์ก็ลุกขึ้นช่วยพูดด้วยอีกคน
"ไม่! กูไม่สงสาร" ฟาเรนตอบเพื่อนไปอย่างไม่ใส่ใจในคำพูดของพวกเขาเลยสักนิด
"เธอเก่งกับฉันมากนักไม่ใช่เหรอ?" เขาหันกลับมาจ้องหน้าฉันนิ่ง ๆ และขึ้นเสียงใส่ฉัน
"ถ้าเธอขอโทษ ฉันอาจจะไม่เอาเรื่องก็ได้"
"แต่ถ้าไม่" ฟาเรนหันไปมองทางเจ๊ดาวด้วยท่าทีแปลก ๆ
"ยัยแม่เล้าเนี่ย จะโดนไล่ออกทันทีที่ฉันโทรไปบอกเจ้าของผับแห่งนี้"
"โทษฐานที่ไม่รู้จักสั่งสอนเด็กนั่งดริงก์ในร้าน ว่าควรบริการลูกค้าอย่างฉันยังไง!" สายตาของเขาจ้องไปที่เจ๊ดาวอย่างเอาจริงและพูดใส่เธอไปชุดใหญ่
"ดิฉันขอโทษแทนยัยน้ำขิงด้วยนะคะ น้องเค้าเพิ่งจะมาใหม่เลยอาจจะทำอะไรโง่ ๆ ใส่คุณฟาเรนไปแบบนั้น" เจ๊ดาวทำท่าจะลงไปกราบฟาเรนแทนฉัน
พอเห็นแบบนั้นฉันจึงจำเป็นต้องยอมขอโทษไอ้ผู้ชายสารเลวคนนี้...ในที่สุด
"เจ๊ไม่ต้องทำ…หนูยอมแล้ว ๆ" ฉันคว้าตัวของเจ๊ดาวเอาไว้
เพราะเธอเองก็แก่กว่าเรา ๆ เป็นสิบปี จะให้มาเห็นเธอก้มลงกราบเด็กรุ่นน้องที่ไร้เหตุผลแบบเขา ฉันทนไม่ได้จริง ๆ
และอีกอย่างสาเหตุมันก็มาจากฉัน
ฟุ่บ! ก่อนฉันจะกัดฟันแน่นพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และยอมคุกเข่าลงต่อหน้าของเขาอย่างหมดทางเลือกอื่น
ฉันก้มหน้าลงอย่างเจ็บใจมากที่สุดที่ต้องขอโทษ ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
"ไอ้ฟาร์ กูบอกให้พอไง" ไทม์พูดขึ้นและพยายามหยุดเพื่อนของเขา
"ไอ้ไทม์มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย ยัยนี่ทำกูเจ็บตั้งหลายรอบ กูต้องการคำขอโทษจากยัยนี่" ใบหน้าโหดหันไปขึ้นเสียงใส่เพื่อน ก่อนจ้องมาที่ฉันและค่อย ๆ คลายยิ้มชั่วร้ายออกมาทันที
"เร็วสิ ฉันรอฟังอยู่" เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวน ๆ
"...ขอโทษ..." ฉันยกมือไหว้เขาและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ฉันสูดลมหายใจเข้าและปล่อยออกช้า ๆ อย่างพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด
"พอใจนายรึยัง?" ฉันเงยหน้าขึ้นถามเขาอีกครั้ง
ฟาเรนมองฝ่ามือของฉันที่ยังคงพนมไหว้ขอโทษเขาอยู่ เขาเบะปากใส่ฉัน ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองทาง เจ๊ดาวและเมเปิ้ล เล็กน้อย
"เหอะ ๆ" ฟาเรนตอบกลับมาเพียงแค่นั้น
"กูกลับก่อนนะ" เขาหันไปคุยกับเพื่อนทั้งสองคนอย่างไม่สนใจฉันที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่นิด
"พรุ่งนี้กูก็มีเรียนเช้า" ไทม์ลุกขึ้นเตรียมจะตามออกไปทันที เขาหันมาพยักหน้าให้ฉันเล็กน้อยเชิงบอกให้ฉันลุกขึ้น
แต่พอกำลังจะลุกฟาเรนก็เดินเข้ามากระแทกชนไหล่ของฉันอย่างแรง ก่อนที่เขาจะเดินออกไปอย่างไม่พูดอะไรอีกเลยแม้แต่คำเดียว
"ฉันเหมาทั้งคืนเธอคิดเท่าไหร่?" คลินต์หันมาถามเมเปิ้ลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
"สองหมื่นค่ะคุณคลินต์" เธอตอบคลินต์อย่างเสียงอ่อนเสียงหวาน
"โอเค งั้นของที่เสียหายวันนี้ลงบิลฉันไว้เลยนะ" คลินต์ตบไหล่เจ๊ดาวที่ยืนหน้าซีด ๆ เอาแต่ก้มหน้าคำนับพวกเด็กวัยรุ่นที่อายุอ่อนกว่าตัวเองเป็นสิบปีน่าจะได้
"ได้ค่ะ คุณคลินต์"
"กราบขอบพระคุณมากเลยนะคะ" เจ๊ดาวไหว้คลินต์อย่างไม่อาย
"เมเปิ้ล ดูแลคุณคลินต์ให้เต็มที่เลยนะ" เจ๊ดาวหันไปกำชับกับเมเปิ้ลทันที
"ค่ะเจ๊" เธอก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับคลินต์อย่างหน้าตาเฉย
ฉันยังคงคุกเข่าอยู่แบบนั้น อย่างพูดไม่ออกเลย เมื่อกี้พวกเขาเพิ่งจะตกลงราคาค่าตัวสำหรับการขายบริการในคืนนี้งั้นน่ะเหรอ?
ฉันชันเข่าลุกขึ้นยืนมองทั้งคลินต์และเมเปิ้ลเดินออกจากผับไปด้วยความรู้สึกที่หดหู่ใจเหลือเกิน
"บางคน ไม่ได้อยากเลือกอาชีพแบบนี้หรอกนะ" เจ๊ดาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันมองตามเมเปิ้ลไปอย่างไม่ละสายตาไปทางอื่น
"เขาไม่ได้เลือกมาทำงานนี้ เพราะว่าเขาชอบหรอกนะ"
"แต่เพราะเงิน" เจ๊ดาวพูดขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมา
"และเพื่อความอยู่รอดต่างหาก ผู้หญิงพวกนี้ถึงยอมขายศักดิ์ศรีตัวเองแลกมา" เธอเอ่ยขึ้นและตวัดสายตามามองทางฉันนิ่ง ๆ
"อย่างเมเปิ้ล ที่มาเอาดีทางด้านงานแบบนี้ก็เพราะว่าน้องชายของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์เมื่อปีที่แล้ว"
"ต้องรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู ซึ่งค่าใช้จ่ายมันก็ไม่น้อยเลยในแต่ละเดือน"
"เธอสมัครใจมาทำงานนี้ เพื่อเอาเงินที่ได้ไปต่อลมหายใจของน้องชายตัวเอง"
"ถ้าในสังคมนี้มีอาชีพดี ๆ ให้เลือกตั้งเยอะแยะจริง ๆ…"
"ตัวเธอเองก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก จริงไหม?" เจ๊ดาวพูดความจริงใส่หน้าฉัน แม้ว่ามันยากจะยอมรับแต่ฉันก็ต้องก้มหน้ารับต่อชะตากรรมนี้
"เธอคิดว่าตัวเองสามารถหาเงิน...สองหมื่นได้ภายในคืนเดียวไหม?" หญิงสาววัยสามสิบเอ่ยถามฉันและยืนรอคำตอบ
ฉันส่ายหน้าตอบไปอย่างพูดไม่ออกเลย
"ถ้าเธอไม่พร้อมทำงานแบบนี้ พรุ่งนี้ไม่ต้องมาที่นี่อีกนะ" เจ๊ดาวบีบไหล่ของฉันเบา ๆ ก่อนจะทิ้งฉันอยู่ตามลำพัง
ฉันมองไปรอบ ๆ ผับหรูหรา ใบหน้าของหญิงสาววัยรุ่นที่ยอมเปลืองเนื้อเปลืองตัว เต้นยั่ว ๆ ดื่มกับแขกจนเมาปลิ้น นั่งพูดคุยเอาอกเอาใจผู้ชายมากหน้าหลายตา ก็เพื่อเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
@ห้องน้ำขิง (หอพักนักศึกษา)
"ถ้าหนูเรียนจบ มีงานมีการทำที่ดี" ฉันมองรูปถ่ายของตัวเองกับพี่สาวคนโตและพูดกับรูปถ่ายนั้นอย่างเจ็บปวดเหลือเกิน
"หนูจะรีบไปช่วยพี่น้ำหวานนะ อดทนรอหนูหน่อยนะคะ" ฉันกอดรูปภาพสีจาง ๆ ใบนั้น และผล็อยหลับไปทั้งน้ำตาเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่าน ๆ มา
-เช้าวันต่อมา-
ฉันต้องรีบตื่นมาอาบน้ำแปรงฟัน และเตรียมตัวอ่านหนังสือในช่วงเช้า โชคดีที่วันนี้ฉันมีเรียนภาคบ่าย ก็เลยพอมีเวลาได้ทบทวนบทเรียนบ้าง
ฉันเป็นเด็กทุนที่ใกล้จะหลุดทุนเต็มทีแล้ว เพราะไม่มีเวลาอ่านหนังสือทบทวนเรื่องที่เรียนก่อนจะสอบเลย
เวลาทั้งหมดอยู่กับการวิ่งวุ่นทำงานพาร์ตไทม์ เรียกได้ว่าชีวิตในแต่ละวันแทบไม่มีเวลาว่างเลยแม้แต่ชั่วโมงเดียว
ครืด ครืด ~ ~
(สายเรียกเข้าจาก พี่แยม)
พี่แยมคือ พี่หัวหน้างานร้านไอศกรีมที่ฉันไปขายตอนเย็น ๆ
พี่แยมโทรหาฉันทำไมกันนะ ฉันมองหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะรีบกดรับสายทันที
"สวัสดีค่ะพี่แยม โทรหาขิงมีอะไรรึเปล่าคะ?" ฉันเอ่ยตอบปลายสายไปอย่างอ่อนน้อม
(ยัยขิงเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น?) ปลายสายเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงดูไม่สู้ดีสักเท่าไหร่
"เมื่อคืน?" ฉันขมวดคิ้วอย่างงุนงง
(ก็เมื่อกี้เพื่อนที่พี่ฝากงานให้เราน่ะสิ)
"เจ๊ดาวเหรอคะ?" ฉันเอ่ยถามกลับไปทันที
(ใช่)
(นางเพิ่งโดนเจ้าของผับไล่ออกจากงาน)
"ไล่ออก" ฉันชะงักไปทันที
(นางโทรมาร้องไห้ ด่าทอใส่พี่ใหญ่เลยว่าที่นางโดนไล่ออกเป็นเพราะเธอ) สิ่งที่พี่แยมพูดทำเอาฉันนิ่งไปอย่างทำอะไรไม่ถูกเลยจริง ๆ
(ยัยดาวมันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว)
(ทำงานหาเงินเลี้ยงลูก และยังต้องผ่อนใช้หนี้พนันให้กับผัวเก่าเพียงลำพัง)
(ตอนนี้ยังมาตกงานอีก)
(พี่ถามมันก็เอาแต่ด่า ๆ พี่)
(ไม่ยอมอธิบายให้พี่ฟัง พี่ก็เลยโทรถามเอาสาเหตุจากเราเนี่ยแหละ)
(ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมยัยดาวถึงโดนไล่ออกเพราะน้ำขิงได้?)
"ฟาเรน!" ฉันกัดฟันพูดชื่อนั้นอย่างกำหมัดแน่น
"เอาอย่างงี้นะคะ...พี่แยมโทรไปปลอบใจเจ๊ดาวก่อนนะคะ"
"ขิงขอลองหาทางจัดการเรื่องนี้เองก่อน แล้วขิงจะรีบติดต่อกลับไปค่ะ"
"แต่ยังไงขิงฝากขอโทษเจ๊ดาวด้วยนะคะ ที่ทำให้เดือดร้อนขนาดนี้" ฉันหลับตาเอ่ยบอกกับปลายสายไป
(อ่า ๆ ได้ความยังไงก็รีบโทรบอกพี่นะ) พี่แยมพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะตัดสายไป
@มหาลัย
ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์
ฉันมายืนดักรอฟาเรนอยู่สักพัก จนในที่สุดเขาก็โผล่มาจนได้...
"ฟาเรน" ฉันตะโกนลั่นเรียกชื่อของฟาเรนที่กำลังเดินโอบสาวสวยจากคณะอื่น ๆ เดินผ่านมาตรงหน้าตึกวิศวะที่ฉันยืนดักรออยู่พอดี
"อ้าว..ยัยน้ำขังนี่เอง!" ฟาเรนหันมาปรายตามองฉันก่อนจะยิ้มออกมาทันทีที่เจอหน้า
น้ำขัง พ่อง! ฉันได้แต่คิดในใจ
"เมื่อคืนฉันก็ยอมคุกเข่าและไหว้ขอโทษไปแล้ว" ฉันเดินไปเผชิญหน้า
"ทำไมวันนี้พี่คนนั้นถึงโดนไล่ออก?" จ้องเข้าไปในแววตาคมกริบคู่นั้น และถามไปด้วยน้ำเสียงที่โมโหแบบสุดขีด
"ขอโทษแล้วไง... ฉันไม่ได้บอกนี่ว่า…"
"ฉันจะยกโทษให้"
คำตอบของฟาเรนทำเอาฉันแทบคลั่งจนอยากจะกระโดดถีบยอดหน้าเขาให้หงายไปเลยจริง ๆ
"แต่นายทำลายอนาคตของคนอื่น เพื่อต้องการเอาชนะฉันเนี่ยนะ?" ฉันกำหมัดแน่นถามเขาไปอย่างมือสั่น
ฟาเรนทำท่าคิดอยู่สักพัก
"ใช่" เขาตอบกลับมาด้วยท่าทีสะใจที่ได้เห็นฉันคลั่งเจียนบ้าแบบนี้
"นายรู้ไหม ว่าพี่คนนั้นเขาต้องเดือดร้อนมากแค่ไหนที่ต้องตกงานอะ" ฉันพยายามขอความเห็นใจจากคนที่ไร้จิตสำนึกอย่างฟาเรน
"พล่ามจบรึยัง?" ฟาเรนเลิกคิ้วถามอย่างไม่ใส่ใจ
"ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังเรื่องไร้สาระของเธอหรอกนะ" ฟาเรนพูดขึ้นพร้อมกับลูบปลายคางของฉันก่อนจะลดมือไปควงแขนผู้หญิงหน้าตาดีที่สวมใส่ชุดนักศึกษารัดรูปต่อทันที
"และจำเอาไว้ อย่ามาเก่งกับฉัน!" เขาขยับใบหน้าเข้ามาหาฉันแทบจะกระชั้นชิด
"เพราะสุดท้ายเธอก็ต้องมาสยบแทบเท้าฉันอยู่ดี" ฟาเรนพ่นคำพูดใส่หน้าพร้อมกับแววตาคมกริบที่มองฉันอย่างดูถูก
"ฟาเรน" ฉันกัดฟันเรียกชื่อนั้นเสียงสั่น แม้ว่าจะอดทนนับ 1 ถึง 100 แต่ไม่ไหวจริง ๆ
ขวับ!
ฉันกระชากแก้วน้ำเปล่าเย็น ๆ ที่มีน้ำแข็งก้อนเล็กเต็มแก้ว จากมือของผู้หญิงที่ยืนถัดออกไปจากฟาเรน และสาดใส่หน้าเขาทันที
ซ่าส์ ~ ~
"ไอ้ชาติหมา!"
END OF NAM KHING’S PART