บท 13

2845 Words
13  “พวกเราจะเอายังไงดีครับ คุณเกื้อ” “...” “แม่ของคุณเกื้อพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมว่าเธอเอาจริงแน่” หลังแม่ของคุณเกื้อเดินทางกลับไปแล้ว ใบว่านก็รีบเอ่ยถามคุณเกื้อด้วยอาการร้อนอกร้อนใจทันที เนื่องจากดูท่าทีแม่ของอีกฝ่ายแล้ว เธอคงจะจับให้ใบว่านกับคุณเกื้อแต่งงานกันให้ได้ ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี เพราะขนาดใบว่านเอ่ยท้วงไปว่าเขายังเรียนไม่จบเลย แม่ของคุณเกื้อก็ยังไม่คิดจะฟังกันด้วยซ้ำ “ทุกปัญหามีทางออก” ท่ามกลางความนิ่งของคุณเกื้อ อีกฝ่ายก็บอกกลับมาแค่เท่านั้น “ผมรู้ครับว่าทุกปัญหามีทางออก แต่ทางออกของคุณเกื้อมันคือวิธีไหนล่ะครับ” “เดี๋ยวพวกเราค่อยบอกแม่ว่าเลิกกันแล้วก็ได้” “มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ใบว่านถามต่อทันที โดยคราวนี้คำถามของเขาก็ทำให้คุณเกื้อหันมองกันเล็กน้อย ก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมา “ต่อให้มันไม่ง่าย เราก็ต้องทำให้มันเป็นเรื่องง่ายให้ได้” คุณเกื้อเอ่ย ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยให้ใบว่านได้รับความกระจ่างขึ้นเลย ตรงข้ามกัน... เขายิ่งรู้สึกงงมากกว่าเดิมเสียอีก “แล้วคุณจะเริ่มจากอะไรเหรอครับ ถ้าพวกเราเดินไปบอกแม่ของคุณว่าเราเลิกกันแล้ว แม่คุณคงจับได้แน่ว่าทุกอย่างที่ผ่านมามันก็เป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้น และความจริงแล้วผมเป็นแค่เด็กที่คุณเกื้อให้ทุนการศึกษาไม่ใช่คนรักของคุณ” ใบว่านร่ายยาว ในระหว่างที่คุณเกื้อนิ่งไปอีกครั้งเพื่อใช้ความคิด “เราอาจต้องสร้างสถานการณ์” “...” “ดูจากท่าทีของแม่ฉันแล้ว เธอคงจะชอบนายอยู่ไม่น้อย ถ้างั้นก่อนที่พวกเราจะเข้าไปบอกเธอว่าเราสองคนเลิกกันแล้ว นายก็ต้องทำทีไปปรึกษาเรื่องของฉันกับเธอก่อน ทำเหมือนกับว่าการย้ายมาอยู่ด้วยกันของเรา มันทำให้พวกเรามองเห็นปัญหา” คุณเกื้อเอ่ย ซึ่งความคิดของอีกฝ่ายมันก็ดูเข้าท่าอยู่ไม่น้อย แต่มันติดตรงที่ว่าทำไมใบว่านจะต้องมาทำด้วย ในเมื่อเขาไม่ใช่คนสร้างปัญหาพวกนี้ แถมวันนั้นคุณเกื้อก็คิดเองเออเองตั้งใจใช้เขาเป็นเครื่องมือไปหลอกแม่ของตัวเองอีก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากคุณเกื้อทั้งนั้น “ความคิดเข้าท่านะครับ แต่ทำไมผมต้องทำด้วยล่ะ” ใบว่านเอ่ยถามออกไปอย่างที่ใจนึก “ถ้านายไม่อยากทำงั้นก็ไม่ต้องทำ เดี๋ยวเราแต่งงานกันเลย” “เดี๋ยว ๆ อันนี้ก็ไม่ได้เหมือนกันครับ” ใบว่านพูดขัดขึ้นทั้งหน้ามุ่ย เมื่อเขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนแก่กว่าถึงชอบพูดจาประชดประชันกันนัก “ผมก็แค่รู้สึกว่าเรื่องนี้คุณเกื้อต้องเป็นคนออกโรงเองต่างหากไม่ใช่ผม” “ฉันก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่แม่ฉันรู้ทันหมดแล้ว” คุณเกื้อให้เหตุผลกลับมาพลางพ่นลมหายใจอย่างแรง คล้ายกับเจ้าตัวเองก็เครียดเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย “เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีแล้วกัน ส่วนตอนนี้นายไปจัดการชีวิตตัวเองเถอะ มีเรียนตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ” “ครับ” แม้ใจจริงแล้วใบว่านจะอยากคุยกับคุณเกื้อให้รู้เรื่องตั้งแต่ตอนนี้ แต่เพราะเขาเห็นท่าทีเคร่งเครียดของอีกฝ่าย นั่นจึงทำให้ใบว่านเลือกที่จะปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้นก่อน ไว้รอให้คุณเกื้อหายเครียดเมื่อไร เขาค่อยเข้าประเด็นเรื่องนี้อีกครั้งคงไม่เป็นไร “คุณใบว่านครับ” หลังเดินออกมาจากห้องทำงานของคุณเกื้อแล้ว คุณกานต์ที่ยืนรออยู่ที่หน้าห้องก็เข้ามาพูดกับเขาทันที “ว่าไงครับ” “เดี๋ยวช่วยเดินมาเลือกแบบประตูกับหลังคาด้วยนะครับ ผมจะได้ให้ช่างเข้าไปจัดการให้” คุณกานต์บอกธุระของตัวเองพลางพยักพเยิดหน้า ชักชวนใบว่านให้เดินไปคุยกันที่โซฟารับแขก “แต่ตอนนั้นผมคุยกับคุณเกื้อแค่เรื่องประตูนะครับ ไม่ได้พูดเรื่องหลังคาเลย” ใบว่านว่า “อ๋อ อันนี้คุณเกื้อน่าจะอยากเปลี่ยนให้เองนะครับ” คุณกานต์ตอบกลับมา โดยนั่นก็ทำให้ใบว่านนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะมองกลับไปยังประตูห้องทำงานของคุณเกื้อ เมื่อใบว่านนึกสงสัยว่าที่คุณเกื้ออยากจะเปลี่ยนหลังคาบ้านให้กันใหม่นั้น มันเป็นเพราะความใจดีของเจ้าตัวหรือเป็นเพราะว่าคุณเกื้อสมเพชสภาพบ้านเขากันแน่ ตั้งแต่ที่ใบว่านสูญเสียพ่อไป มันก็ไม่เคยมีวันไหนเลยที่ใบว่านจะรู้สึกว่าตัวเองได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจเลยสักวัน หลังการเรียนตลอดทั้งช่วงบ่ายสิ้นสุดลงแล้ว ใบว่านที่วันนี้ตั้งใจจะกลับไปโรงแรมของคุณเกื้อเอง เพราะไม่อยากรู้สึกเหมือนเด็กที่คอยให้ผู้ปกครองมารับก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเขารู้สึกว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงหลังจากนี้เม็ดฝนคงเทกระหน่ำลงมาตามฤดูกาลของมัน “รีบกลับบ้านนะว่าน เดี๋ยวตัวเปียก” ตาลที่เพิ่งเดินตามลงมาจากตึกหันมาเตือนใบว่าน หลังเธอเห็นว่าฝนตั้งเค้ามาแล้ว “อือ” ใบว่านหันไปพยักหน้าให้เพื่อน จากนั้นเขากับตาลก็แยกกันที่หน้าตึกเลยเนื่องจากใบว่านมีที่ ๆ หนึ่งที่เขาอยากไป ก่อนที่เขาจะกลับไปหาคุณเกื้อ พอคิดได้อย่างนั้นใบว่านก็ไม่รอช้า เขารีบสาวเท้าเดินไปยังทางออกของมหาลัยเพื่อมุ่งตรงไปยังจุดหมายที่เขาต้องการทันที โดยก่อนที่ใบว่านจะไปถึงที่นั่น เขาก็มีการแวะไปยังร้านขายดอกไม้ก่อน เพราะคิดว่าเขาควรจะมีของติดไม้ติดมือไปหาด้วย “ขอบคุณมากครับ” หลังได้รับดอกไม้จำนวนสองช่อมาแล้ว ใบว่านก็เอ่ยขอบคุณคนขายตามมารยาทแล้วเดินต่อมายังป้ายรถประจำทางต่อ ตั้งใจจะมุ่งตรงไปยังวัดที่พ่อแม่ของเขาอยู่ที่นั่น โดยคราวแรกใบว่านก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องไปหาพ่อแม่ของเขาในวันนี้หรอก เนื่องจากแผนการนี้มันไม่ได้อยู่ในหัวเขามาก่อน แต่เพราะช่วงนี้ใบว่านยังอยู่ในช่วงที่ทำใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ไม่ได้ เขายังมีอาการเหม่อลอยคิดถึงพ่อของตัวเองอยู่บ่อย ๆ ตามประสาคนที่ต้องจากกันไปแบบไม่ทันเตรียมใจ นั่นจึงทำให้ใบว่านตัดสินใจไปเยี่ยมเยียนพวกท่านตั้งแต่วันนี้เลย เผื่อไอ้อาการที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้มันจะทุเลาลงบ้าง “คิดถึงนะครับ คิดถึงมาก ๆ เลย” ใบว่านเอ่ยเสียงแผ่ว หลังเขาวางช่อดอกไม้ไว้ที่หน้ารูปของพวกท่านเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคุณกานต์ก็จัดการเป็นธุระทำให้พ่อแม่ของเขาได้กลับมาอยู่เคียงข้างกันอีกครั้ง “ช่วงนี้ชีวิตว่านมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเยอะเลย แต่การเปลี่ยนแปลงนี้มันจะดีใช่ไหมครับ?” ใบว่านถามคนในรูป พร้อมพยายามนึกถึงช่วงเวลาตอนที่ได้อยู่ด้วยกันไปด้วย ทว่าภาพจำในหัวของเขามันกลับค่อนข้างเลือนรางเหลือเกิน ยิ่งกับแม่ที่เสียไปนานหลายปีแล้ว ใบว่านก็แทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขากับเธอเคยใช้เวลาไหนอยู่ด้วยกันบ้าง “ถึงว่านจะไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนแปลงนี้เท่าไร แต่ว่านก็จะพยายามมองทุกอย่างในแง่บวกนะครับ เพราะอย่างน้อย ๆ มันคงทำให้ว่านโตขึ้น” ใบว่านเอ่ยพลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง แล้วในเวลาเดียวกันนั้นใบหน้าของคุณเกื้อ ผู้ที่กำลังมีบทบาทสำคัญในชีวิตเขาก็ผุดขึ้นมาในความคิด “แต่พ่อแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้ว่านย้ายมาอยู่กับคุณเกื้อแล้ว คุณเกื้อเขาดีกับว่านมาก ๆ เลย ถึงในบางครั้งว่าน...จะรู้สึกแปลก ๆ กับเขาก็เถอะ แต่เขาก็เป็นคนแปลกหน้าที่หวังดีกับว่านมากครับ” ใบว่านเอ่ยเสียงแผ่ว หลังจากนั้นเขาก็ยืนจ้องมองรูปของพ่อแม่ที่ติดอยู่ตรงที่เก็บอัฐินานเป็นนาที โดยหลังจากที่เขารู้สึกว่าความคิดถึงที่มีอยู่ตอนนี้เริ่มเบาบางลงแล้ว ใบว่านถึงค่อยเดินออกมาจากวัด ทว่าโชคชะตากลับไม่ค่อยเข้าข้างใบว่านนัก มันไม่เคยรักใบว่านเลย เพราะในวินาทีที่ใบว่านก้าวเท้าพ้นประตูวัด เม็ดฝนใหญ่ก็เทกระหน่ำลงมาใส่เขาทันที ทำเอาใบว่านถึงกับตัวเปียกโชก แม้เขาจะรีบวิ่งเข้าไปหลบที่ป้ายรถประจำทางแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไม่ทันอยู่ดี “บ้าเอ๊ย...” ใบว่านสบถในลำคอ พลางก้มมองเสื้อนักศึกษาสีขาวของตัวเองที่กำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน จนมองเห็นร่างกายของเขาอย่างชัดเจน ใบว่านไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ป้ายรถประจำทางเป็นชั่วโมงจนกว่าฝนจะซา เขาบ่นกับตัวเองเป็นร้อยครั้ง แต่เรื่องนี้ใบว่านก็ไม่สามารถโทษใครได้ เนื่องจากเขาเป็นคนประมาทเอง รู้ทั้งรู้ว่าฝนตั้งเค้าใกล้ตกเต็มทีแทนที่ใบว่านจะรีบกลับไปหาคุณเกื้อ กลับกลายเป็นว่าเขายังแวะออกนอกเส้นทาง ดังนั้นการที่เขาจะมาติดฝนอยู่ที่หน้าวัด มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว “ฉิบหายล่ะ คุณเกื้อโทรตาม” ขณะที่กำลังคอยรถประจำทางอย่างใจจดจ่อ ใบว่านก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เมื่อเขาเห็นเบอร์ของคุณเกื้อปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ “เอาไงดีวะ” เขาว่าต่อทั้งเสียงร้อนรน ใจจริงใบว่านไม่อยากกดรับสายด้วยซ้ำ เนื่องจากเขากลัวว่าจะถูกคนปลายสายบ่น แต่ถ้าใบว่านตัดสินใจไม่รับสาย มันก็อาจเพิ่มความไม่สบายใจให้กับคุณเกื้อมากขึ้นไปอีก เพราะงั้นใบว่านจึงต้องกลั้นใจกดรับสายอีกฝ่าย ยอมทนโดนบ่นจนหูชาดีกว่าจะทำให้เรื่องทุกอย่างมันบานปลายน่าจะดีกว่า [อยู่ไหน?] ทันทีที่ใบว่านกดรับสาย คุณเกื้อก็เอ่ยถามกันเสียงเข้มบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี “ผมอยู่ป้ายรถเมล์ครับ กำลังติดฝนอยู่” ใบว่านตอบกลับไป [โอเค งั้นเดี๋ยวฉันจะไปรับแล้วกัน นายอยู่ที่ป้ายไหนล่ะ] “หน้าวัดครับ” [...] “พอดีผมแวะมาหาพ่อกับแม่” เขาพูดต่อ เมื่อใบว่านรู้สึกได้ว่าคนปลายสายเงียบไป [เข้าใจแล้ว งั้นเดี๋ยวนายรออยู่ตรงนั้นแหละ] นานหลายวินาทีกว่าที่คุณเกื้อจะตอบกลับมา โดยหลังจากที่อีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว ใบว่านก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เนื่องจากตอนแรกเขาคิดว่าคุณเกื้อจะโวยวายเสียอีก โอเค... ใบว่านเข้าใจไปเองทั้งนั้นว่าคุณเกื้อจะไม่โวยวายกันเพราะอีกฝ่ายเข้าใจเขา แต่ที่ไหนได้คุณเกื้อกำลังใช้ความเงียบเข้าโจมตีใบว่านต่างหาก ทันทีที่เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับแล้ว ความอึดอัดก็เข้าเล่นงานใบว่านโดยพลัน เมื่อเขารู้สึกว่าภายใต้ความนิ่งของคุณเกื้อที่อุตส่าห์ถ่อมารับเขาด้วยตัวเอง อีกฝ่ายกำลังไม่พอใจกันเป็นอย่างมาก เผลอ ๆ ระดับความไม่พอใจอาจจะมากกว่าปกติด้วยซ้ำ ใบว่านไม่สามารถเดาได้เลยว่าภายใต้ความนิ่งเฉยนั้น คุณเกื้อกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเดาไม่ออกจริง ๆ และก็อดคิดไม่ได้ด้วยว่าคุณเกื้อควรออกปากบ่นเขา ยังดีเสียกว่าการที่อีกฝ่ายมานั่งเงียบแบบนี้ เนื่องจากอย่างน้อย ๆ ใบว่านก็พอจะได้รู้ว่าคนแก่กว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เนื่องจากอย่างน้อย ๆ ใบว่านก็พอจะได้รู้ว่าคนแก่กว่ากำลังคิดอะไรอยู่ “ทำไมอยู่ดี ๆ นายถึงคิดจะมาที่นี่” ท่ามกลางฝนที่ยังคงตกปรอย ๆ ทันใดนั้นคุณเกื้อก็ถามขึ้น ขณะที่ทั้งคู่ยังคงอยู่บนรถด้วยกัน “คิดถึงครับ ผมก็เลยมาที่นี่” ใบว่านตอบไปตามตรง “แล้วรู้ไหมว่าฝนจะตก” อีกฝ่ายถามต่อ “...” “ช่วงที่ฟ้ากำลังครึ้มนายก็เรียนเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงไม่กลับไปที่โรงแรมก่อนล่ะ แล้วก็ค่อยมาวันอื่น” “ก็ผมคิดถึงพ่อแม่” “คิดถึงจนถึงขั้นยอมโดนฝนจนตัวเปียกแบบนี้น่ะเหรอ แถมยังต้องมาเสียเวลาอยู่ที่ป้ายรถเมล์เป็นชั่วโมงอีก” คุณเกื้อถามแล้วว่าต่อ “อย่างน้อย ๆ เวลาที่นายจะไปไหน นายก็ควรจะโทรบอกฉันบ้าง ไม่ใช่ต้องรอให้ฉันโทรหาก่อนถึงค่อยบอก” “...” “นายโตแล้วนะใบว่าน ยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองแล้วเพราะงั้นอย่าทำให้คนอื่นเป็นห่วงสิ” “ใช่ครับ ผมโตแล้ว” ใบว่านบอกกลับไปทั้งคิ้วขมวด เมื่อมันเป็นอีกครั้งที่เขามีความคิดขัดแย้งกับคนโตกว่า “ผมโตแล้ว แต่ทำไมคุณเกื้อถึงทำเหมือนว่าผมเป็นเด็กเล็กล่ะครับ ทำไมผมต้องคอยมารายงานคุณด้วย” “ก็ฉันเป็นผู้ปกครองของนาย” “คุณเกื้อแต่งตั้งเองทั้งนั้น เพราะผมไม่ได้ต้องการให้คุณมาเป็นผู้ปกครองกันด้วยซ้ำ” ใบว่านสวนกลับไปทันที โดยนั่นก็ทำให้คุณเกื้อนิ่งไป หากแต่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้นิ่งเพราะจุกกับคำพูดของใบว่าน แต่มันเป็นเพราะคุณเกื้อกำลังโมโหกันต่างหาก “พอใช้ประโยชน์จากฉันเสร็จแล้ว นายก็เป็นแบบนี้น่ะเหรอ นายเป็นเด็กแบบนี้เนี่ยนะ” อีกฝ่ายถามพร้อมจ้องมองใบว่านด้วยแววตาแข็งกระด้าง เหมือนอย่างวันนั้นไม่มีผิดเพี้ยน วันที่ใบว่านเจอกับอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกที่งานศพของพ่อ “นายเคยนึกถึงวันที่ตัวเองต้องแบกหน้าโทรมาขอความช่วยเหลือจากฉันตอนกลางดึกบ้างไหม วันที่นายมีเงินติดตัวอยู่แค่สามพัน ไม่มีเงินจัดงานศพพ่อตัวเองน่ะ” “...” “ตอนนั้นนายเป็นคนให้คำสัญญาเองไม่ใช่เหรอว่าจะเป็นเด็กดี ยอมทำทุกอย่างให้ฉัน ขอเพียงแค่ฉันยื่นมือเข้าไปช่วยนาย” อีกฝ่ายทวนคำพูดให้ฟัง ซึ่งในวินาทีเดียวกันใบว่านก็เพิ่งรู้ว่าคุณเกื้อจำเก่งขนาดนี้ “ผม...” “ยังจะแก้ตัวอะไรอีกล่ะ หรือนายจะเถียงว่าไม่เคยพูดแบบนี้?” ยังไม่ทันที่ใบว่านจะได้อ้าปากพูดอะไร คุณเกื้อก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน “ผมไม่ได้คิดจะเถียงครับ แต่ผมก็แค่รู้สึกอึดอัดกับคุณเกื้อ คุณเกื้อทำเหมือนว่าผมเป็นนกในกรงของคุณเลย คุณเกื้อกำลังทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่มีอิสระในชีวิต” “...” “ถึงตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณเกื้อจะช่วยเหลือผมมาตลอด แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณเกื้อเป็นเจ้าของชีวิตของผมนะครับ ผมรู้ว่าบุญคุณคนมันต้องทดแทนแต่การที่คุณทำแบบนี้มันไม่เกินไปเหรอครับ” ใบว่านร่ายสิ่งที่อยู่ในใจของตัวเองออกมา เขาอยากจะเข้าใจคุณเกื้อ ใบว่านพยายามแล้วจริง ๆ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังไม่เข้าใจอีกฝ่ายอยู่ดี ใบว่านไม่รู้ว่าคุณเกื้อต้องการอะไรจากเขากันแน่ “อยากยกเลิกสัญญาไหมล่ะ” คุณเกื้อถาม “อยากสิครับ แต่คุณบอกให้ผมจ่ายห้าล้านไง” “งั้นนายไม่ต้องจ่ายแล้ว เดี๋ยวเราเปลี่ยนจากห้าล้านนั้นเป็นค่าสินสอดเลยก็แล้วกัน” “หมายความว่ายังไงครับ” ใบว่านรีบถามต่อทั้งคิ้วขมวด “ก็หมายความว่าเราจะแต่งงานกันไง” “...” “ฉันจะคืนอิสระให้นายแลกกับการที่นายต้องจดทะเบียนสมรสกับฉัน หลังจากที่เราแต่งงานกันนายอยากทำอะไรก็ทำ จะกลับไปใช้ชีวิตแบบที่เคยเป็นมาก็ได้ ส่วนเงินห้าล้านก็ไม่ต้องคืนและฉันก็จะได้ทะเบียนสมรสไปให้แม่ดู โอเคไหม?” คุณเกื้อถาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD