บท 4

1837 Words
4 หลังคุณกานต์ส่งโลเคชั่นร้านมาให้กันเรียบร้อยแล้ว ใบว่านที่ก่อนหน้านี้เอาแต่คิดถึงพ่อและนั่งร้องห่มร้องไห้ขณะที่เก็บข้าวของลงใส่ถุง ก็เปลี่ยนมาคิดหนักเรื่องของคุณเกื้อแทน เนื่องจากใบว่านไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะแลกเปลี่ยนอะไรกับตัวเอง หากไม่ใช่งานที่เคยเสนอไป ใบว่านก็นึกไม่ออกแล้วว่าเขาสามารถสร้างประโยชน์อะไรให้คุณเกื้อได้อีก… “ป้าจ๊ะ อันนี้เป็นเสื้อผ้าของพ่อนะ ซักและพับมาให้เรียบร้อยแล้วพร้อมเอาไปบริจาคจ้ะ” พูดจบ ใบว่านก็วางถุงเสื้อผ้าของพ่อจำนวนหนึ่งถุงไว้ตรงหน้าของตัวเอง เพื่อรอให้สามีของป้ามายกมันไป เตรียมจะเอาไปบริจาคให้คนไร้บ้านที่อาศัยอยู่ตามใต้สะพานลอย “มีแค่ถุงเดียวเหรอ” ป้าที่กำลังนุ่งกระโจมอกเตรียมจะไปอาบน้ำตะโกนถามมาจากในบ้าน “ใช่แล้วจ้ะ มีแค่ถุงเดียว” “ได้ ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนป้าไปแจกข้าว ป้าจะเอาไปบริจาคให้” “ขอบคุณมากจ้ะ” เมื่อพูดคุยกับป้าข้างบ้านเสร็จแล้ว ใบว่านก็เดินกลับมาที่บ้านของตัวเองอีกครั้ง เนื่องจากเขามีธุระต้องไปต่อ ซึ่งตอนแรกใบว่านก็ตั้งใจว่าหลังจัดการเสื้อผ้าและห้องนอนของพ่อเสร็จ ใบว่านจะมานั่งแยกขยะและรอให้รถรับซื้อของเก่ามาซื้อไป แต่เพราะมีสายจากคุณกานต์เข้ามาแทรก นั่นจึงทำให้ใบว่านต้องพับแพลนนั้นไปก่อน คุยธุระกับคุณเกื้อเสร็จค่อยกลับมาจัดการขยะในบ้าน พอให้ได้ค่าซ่อมหลังคา “เรายังไม่ได้เอาเงินไปฝากนี่นา” ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไปอาบน้ำ ใบว่านก็พูดกับตัวเองเสียงเบา หลังสายตาของเขาเหลือบไปเห็นซองขาวที่ด้านในมีเงินค่าซองของพ่อพอดี โดยเงินจำนวนนี้ใบว่านก็ยังไม่เคยหยิบเอาออกมาใช้สักใบ “งั้นเดี๋ยวแวะเอาไปฝากด้วยเลยก็แล้วกัน” เขาพูดต่อ จากนั้นใบว่านถึงค่อยผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำ เนื่องจากคนที่ใบว่านจะต้องไปพบคือคุณเกื้อ ดังนั้นใบว่านจึงต้องพิถีพิถันเรื่องการแต่งตัวมากเป็นพิเศษ “ตาลว่าชุดนี้เป็นยังไง มันโอเคไหมวะ” [ขึ้นอยู่ว่าจะใส่กับรองเท้าอะไรมากกว่า] “ผ้าใบไง” [….] “มัน…ไม่โอเคเหรอ” เพราะเห็นเพื่อนเงียบ ใบว่านจึงถามต่อเสียงแผ่ว หลังก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากบ้านนั้น ใบว่านก็มีการโทรหาตาลเพื่อนในกลุ่มของตัวเอง เพื่อสอบถามความคิดเห็นจากเธอว่าเขาควรจะใส่ชุดแบบไหนไปพบผู้มีพระคุณของตัวเอง [มันก็โอเคแหละ ถ้าใส่กับผ้าใบก็ดูกระฉับกระเฉงดี แต่ว่ามันไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้เลยเหรอ] “เรามีรองเท้าแตะ ผ้าใบกับรองเท้านักศึกษาอะ หรือเราจะใส่รองเท้านักศึกษาดี?” [ดูพิลึกแปลก ๆ แฮะ งั้นใส่ผ้าใบนั่นแหละดีแล้ว] ตาลตอบกลับมาและถามต่อ [ว่าแต่ผู้มีพระคุณของว่าน เขานัดเจอที่ร้านอาหารประเภทไหนเหรอ] “ผู้ช่วยเขาไม่ได้บอกมานะ เขาให้แค่ชื่อโรงแรมมาแล้วบอกว่าในนั้นมีร้านอาหาร ถ้าเราไปถึงก็ให้โทรหาเขา เดี๋ยวเขาลงมารับ” [น่ากลัวจังอะ ล่อไปทำมิดีมิร้ายหรือเปล่าเนี่ย] ตาลว่าต่อ ทำเอาใบว่านที่ได้ยินแล้วก็รีบพูดปกป้องคุณเกื้อทันที เนื่องจากผู้มีพระคุณของเขาดูเหมือนจะไม่ใช่คนประเภทนั้น “ไม่หรอก คุณเกื้อเขาใจดีกับเราจะตาย” ใบว่านพูด [หน้าเนื้อใจเสือหรือเปล่าก็ไม่รู้ ว่านนั่นแหละไว้ใจคนอื่นง่ายเกินไปหรือเปล่า] “จริง ๆ นะ คุณเกื้อเขาใจดีกับเรามาก แถมไม่เคยทำอะไรให้เรารู้สึกไม่สบายใจเลย” ใบว่านยังคงเถียงสู้ แม้วันแรกที่ได้พบกันใบว่านจะรู้สึกกลัวคุณเกื้อ เนื่องจากอีกฝ่ายหน้านิ่ง ดูเหมือนมนุษย์ที่ไร้ความรู้สึก แต่ใบว่านรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วคุณเกื้อใจดีมาก [ตามใจก็แล้วกัน เห็นว่านปกป้องเขาขนาดนั้น เราก็ขี้เกียจเถียงด้วยแล้ว] “แล้ว… เสื้อกับกางเกงตัวนี้โอเครึยัง หรือว่าเราควรจะเปลี่ยนดี” ก่อนที่จะวางสายกัน ใบว่านก็มีการถามเพื่อนอีกครั้งตามประสาคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง [โอเคแล้ว ชุดนี้ดีที่สุดแล้ว] ต่อมา หลังจัดการแต่งตัวและพรมน้ำหอมที่มีขายตามร้านสะดวกซื้อเรียบร้อยแล้ว ใบว่านก็รีบเดินทางออกจากบ้านทันที โดยเขาต้องมีการเผื่อเวลาไว้ราว ๆ สองชั่วโมง เนื่องจากใบว่านกลัวรถติดประกอบกับการเดินทางครั้งนี้ เขาจะเดินทางด้วยรถเมล์เป็นหลักด้วย ดังนั้นใบว่านจึงต้องเผื่อเวลาให้ดี ไปถึงก่อนเวลาดีกว่าไปสาย อย่างน้อยก็จะได้ไม่เป็นการเสียมารยาท “เท่านี้ก็เรียบร้อย!” เพราะฝ่ารถติดมาถึงจุดหมายก่อนเวลา ใบว่านจึงแวะเอาเงินค่าช่วยงานศพของพ่อมาฝากใส่ตู้ธนาคารที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ โรงแรมเสียก่อน ซึ่งพอเขาจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ ใบว่านถึงค่อยโทรหาคุณกานต์ เนื่องจากอีกครึ่งชั่วโมงมันก็จะถึงเวลานัดหมายแล้ว “สวัสดีครับคุณกานต์ ผมเดินทางมาถึงแล้วนะครับ” ทันทีที่คนปลายสายกดรับ ใบว่านก็รีบพูดขึ้นโดยพลัน [ตอนนี้คุณเกื้อก็เพิ่งเดินทางมาถึงเหมือนกันครับ ถ้าอย่างนั้น…เดี๋ยวผมเดินลงไปรับนะครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณว่านอยู่ตรงไหนครับ] คุณกานต์ถามกลับมา “ผมอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ข้างโรงแรมน่ะครับ” [รับทราบครับ ตอนนี้ผมกำลังเดินลงไปครับ] คุณกานต์เอ่ย และพออีกฝ่ายวางสายไปแล้ว ใบว่านก็เงยหน้าขึ้นมองตึกสูงที่เป็นโรงแรมหรูตั้งอยู่ใจกลางเมืองพักหนึ่ง ก่อนที่ต่อมาใบหน้าของเขาจะมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น เมื่อคุณกานต์เดินเข้ามาหาพอดี “รอนานไหมครับ” คุณกานต์ถามไถ่ด้วยท่าทีเป็นมิตรเหมือนอย่างทุกครั้ง “ไม่นานครับ ยืนรอแป๊บเดียวเอง” ใบว่านตอบพร้อมเดินตามคุณกานต์เข้าไปในเขตของโรงแรม ใบว่านรู้อยู่แล้วว่าเขากับคุณเกื้ออยู่คนละสังคมกัน แต่ใบว่านไม่เคยเห็นภาพนั้นอย่างชัดเจนเลย จนกระทั่งวันนี้… “วันนี้คุณว่านไม่สบายเหรอครับ ทำไมสีหน้าดูไม่ค่อยสู้ดีเลย” ระหว่างที่กำลังยืนอยู่ในลิฟต์แก้วพร้อมกับคุณกานต์ อีกฝ่ายก็หันมาถามไถ่กันด้วยความเป็นห่วง “อ๋อ เปล่าหรอกครับ” ใบว่านส่ายหน้าปฏิเสธกลับไป แต่เพราะคุณกานต์ยังคงมีท่าทีข้องใจอยู่ เขาจึงต้องขยายความต่อ “พอดีผมรู้สึกว่าตัวเองแต่งตัวไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรน่ะครับ” “….” “คนที่อยู่ในโรงแรมใส่ชุดเป็นทางการกันทั้งนั้น ผมเลยรู้สึกว่าตัวเองแต่งตัวไม่ให้เกียรติสถานที่ครับ” ใบว่านเอ่ยตามที่คิด เพราะตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามาในนี้ทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างใส่ชุดดี ๆ สวยงามและดูเป็นทางการกันทั้งนั้น ต่างจากใบว่านที่ใส่เสื้อยืดตัวใหม่ กางเกงยีนส์ขายาวตัวโปรดและรองเท้าผ้าใบที่มีอยู่แค่คู่เดียว “อย่าคิดมากเลยครับ วันนี้ที่โรงแรมเรามีบริษัทมาเช่าสถานที่จัดสัมมนาน่ะครับ แขกของวันนี้เลยแต่งตัวดี ๆ กัน แต่ว่าแขกบางส่วนที่เข้ามาพักแบบปกติก็แต่งตัวสบาย ๆ กันนะครับ” คุณกานต์อธิบาย แต่ทว่านั่นไม่ใช่ใจความที่ใบว่านคิดจะสนใจ “คุณกานต์พูดแบบนี้ งั้นหมายความว่า…คุณเกื้อเป็นเจ้าของโรงแรมนี้เหรอครับ” ทันทีที่ใบว่านถามออกไปเช่นนั้น คุณกานต์ก็มีท่าทีฉงนโดยพลัน “แล้วคุณว่านไม่รู้เรื่องนี้เหรอครับ” “….” “ผมเข้าใจว่าคุณว่านรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด ก็เลยไม่ได้บอก” “ผมไม่รู้ครับ” ใบว่านตอบกลับไป และในจังหวะเดียวกันนั้นประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออกพอดี ราวกับฉากที่พบเห็นได้ตามละครหลังข่าว แต่ทว่านี่มันคือเรื่องจริง หลังคุณกานต์ได้มาส่งใบว่านเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายก็กลับเข้าไปในลิฟต์อีกครั้ง และปล่อยให้เขากับคุณเกื้ออยู่ด้วยกันเพียงลำพัง ซึ่งชั้นที่ใบว่านถูกพามานั้น มันก็ดูเหมือนจะเป็นชั้นที่อยู่สูงสุดของโรงแรม เป็นที่อยู่ของคนไม่ใช่ห้องอาหารอย่างที่ใบว่านเข้าใจ ‘ถูกล่อพาไปทำมิดีมิร้ายหรือเปล่าเนี่ย’ จู่ ๆ คำพูดของตาลก็ผุดขึ้นมาในหัวของใบว่านโดยอัตโนมัติ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เตลิดไปไหนไกล เสียงของคุณเกื้อที่กำลังอยู่ในชุดทำงานเป็นเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนเสื้อขึ้นพอลวก ๆ ก็ดังขึ้นเสียก่อน “อ้าว มาแล้วเหรอ” “….” “เป็นอะไร ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น” อีกฝ่ายถามต่อพลางเอียงคอมองกันเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าใบว่านมีอาการหน้าถอดสี “คุณคงไม่ได้จะทำอะไรผมใช่ไหมครับ” ใบว่านตัดสินใจถามออกไปแบบตรง ๆ เพื่อที่เขาจะได้รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าถูก ซึ่งพอใบว่านตัดสินใจถามออกไปอย่างนั้น คุณเกื้อก็ถึงกับหลุดขำออกมาโดยพลัน คล้ายกับคำถามของใบว่านมันน่าขัน “คิดอะไรไม่ดีอยู่ก็ขอให้หยุดคิดซะ เพราะฉันไม่ใช่คนที่มีรสนิยมขืนใจคนอื่น” “….” “ยกเว้นเราจะเต็มใจทั้งคู่” อีกฝ่ายบอกทั้งหน้านิ่ง และนั่นก็ไม่ได้ทำให้ใบว่านรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่นิด “แล้วทำไมคุณเกื้อถึงนัดผมขึ้นมาคุยบนนี้ล่ะครับ ทำไมถึงไม่นัดคุยที่ห้องอาหารอะไรเถือกนั้น” ใบว่านถามต่ออย่างข้องใจ “อ้อ เพราะฉันไม่ค่อยชอบความวุ่นวายน่ะ” “….” “อีกอย่างกินมื้อค่ำกันที่นี่และคุยธุระกันไปด้วย มันก็ให้ความเป็นส่วนตัวดีไม่ใช่หรือไง” คุณเกื้อให้เหตุผลกลับมาและพูดต่อ เพื่อให้ใบว่านรู้สึกสบายใจมากกว่านี้ “อีกสักพักพวกเชฟกับบริกรจะขึ้นมาที่นี่ ดังนั้นเธอไม่ได้อยู่กับฉันแค่สองคนหรอก สบายใจได้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD