2
เพราะคุณเกื้อรับปากกันแล้วว่าจะยื่นมือเข้ามาช่วยจัดการให้ วันต่อมาอีกฝ่ายจึงให้ผู้ช่วยของตัวเองติดต่อกลับมาหาใบว่านอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ดำเนินธุระต่าง ๆ ให้ ทั้งเรื่องติดต่อกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เดินเอกสารราชการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกฎหมาย
“เดี๋ยวคุณว่านช่วยเซ็นเอกสารตรงนี้ด้วยนะครับ เพื่อที่ผมจะได้ดำเนินการแทนคุณได้”
“อ๋อ ได้ครับ”
“เอกสารฉบับนี้ด้วยครับ”
“ครับ” ใบว่านพยักหน้ารับพร้อมจรดปากกาเซ็นเอกสารอีกฉบับอย่างไม่คิดอะไร
โดยหลังจากที่เขาเซ็นเอกสารให้ผู้ช่วยของคุณเกื้อเรียบร้อยแล้ว ใบว่านก็ยืนทำหน้าเศร้าต่อ เมื่อมันถึงคราวที่เจ้าหน้าที่จะนำร่างของพ่อเขาลงใส่โลง เตรียมจะเอาไปยังวัด เพื่อดำเนินพิธีกรรมทางศาสนาตามความเชื่อ
“เดี๋ยวตอนเย็นคุณเกื้อจะเดินทางไปที่วัดนะครับ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ” ใบว่านก้มหัวเล็กน้อย เพื่อเป็นการขอบคุณ
ซึ่งพอผู้ช่วยของคุณเกื้อเดินจากไปแล้ว ใบว่านก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์โทรหาวินมอไซค์เจ้าประจำของตัวเอง ตั้งใจจะให้อีกคนขับรถมารับเขาที่โรงพยาบาล พากลับไปยังบ้านพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมจะเดินทางไปยังงานศพของพ่อ
เพราะต้องจากลากับผู้เป็นพ่อแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ใบว่านจึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแตกสลายอย่างบอกไม่ถูก
สิ่งที่เกิดขึ้น…ราวกับเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันหนีพ้น
ขณะที่กำลังยืนรับแขกอยู่บนศาลา ใบว่านที่หน้าเศร้าหมองและร้องไห้เกือบตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้ก็ได้คอยยกมือไหว้แขกเหรื่อและญาติที่เดินทางมาหากัน โดยระหว่างที่ใบว่านกำลังยืนรับแขกอย่างโดดเดี่ยวนั้น เขาก็คอยหันไปมองรูปของพ่ออยู่เป็นระยะ เพื่อย้ำเตือนกับตัวเองว่าพ่อของเขาได้จากไปแล้ว
“สู้ ๆ นะ ใบว่าน”
“ครับ อาพลอย” ว่าจบ ใบว่านก็ระบายยิ้มให้อาพลอยน้องสาวแท้ ๆ ของพ่อด้วยท่าทีที่ฝืนเต็มทน
“แล้วนี่เราจะเอายังไงต่อ”
“….”
“พ่อว่านเป็นคนหาเงินเข้าบ้านนี่ ปกติเวลาว่านไปเรียนมหาลัย พ่อก็เป็นคนออกเงินส่วนนี้ให้ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ครับ แต่ว่านคิดว่าหลังจากที่เสร็จเรื่องของพ่อแล้ว ว่านคงจะไปหางานพิเศษทำแหละครับ” ใบว่านเอ่ยแล้วว่าต่อ “ดีหน่อย…ที่เทอมหน้าว่านจะได้ฝึกงานและเรียนจบแล้ว เพราะงั้นมันคงไม่ค่อยลำบากเท่าไรมั้งครับ ภาวนาขอให้ว่านได้งานเร็ว ๆ ก็พอ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีไป อ่ะ… ส่วนซองนี้บรรดาญาติ ๆ ฝั่งพ่อเราเขาฝากมาให้ มันอาจไม่ได้มากมายอะไรแต่มันก็เป็นเงิน” พูดจบ อาพลอยก็ยัดซองสีขาวใส่มือของใบว่านทันที หมายจะให้เขารับมันเอาไว้
“ขอบคุณมากครับ” เมื่อรับซองขาวมาเสร็จ ใบว่านก็ยกมือไหว้อาพลอยไปหนึ่งหน เนื่องจากเขาไม่คิดว่าญาติฝั่งพ่อจะรวบรวมเงินมาช่วยเหลือกัน เพราะเท่าที่ใบว่านรู้มานอกจากอาพลอย พ่อของเขาก็ไม่ได้ติดต่อกับใครอีกเลย แม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง เพราะญาติฝั่งพ่อไม่ชอบแม่ของใบว่าน
พอ ๆ กับญาติฝั่งแม่ของใบว่านก็ไม่ชอบพ่อ พอแม่ของเขาจากไปแล้วญาติฝั่งแม่ก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย
“แล้ววันเผา ปู่กับย่าจะมาไหมครับ” ใบว่านถามต่อ
“น้าก็ไม่ค่อยแน่ใจแฮะ ถ้ายังไงเดี๋ยวน้าจะบอกเราอีกทีก็แล้วกันนะ” อาพลอยตอบพร้อมถามกลับมาอีก “แล้วนี่ว่านเป็นคนจัดการเรื่องงานศพของพ่อคนเดียวเลยเหรอ เราเอาเงินจากไหนมาจ่ายพวกค่าของกัน เพราะน้าเห็นป้าข้างบ้านบอกว่าว่านมีเงินติดตัวอยู่แค่สามพันนี่”
“อ๋อ พอดีคนที่ให้ทุนการศึกษาว่านเขายื่นมือเข้ามาช่วยน่ะครับ” ใบว่านบอกไปตามตรง เนื่องจากเขาคิดว่ามันไม่ใช่ความลับสำคัญอะไร
“แล้ววันนี้เขามาไหม น้าอยากเห็นหน้าจัง…เขาเป็นใคร ทำไมต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือว่านด้วย” อาพลอยซักไซ้ต่อ ซึ่งเรื่องนี้ใบว่านเองก็เคยสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่เพราะสงสัยไปก็ไม่ได้คำตอบ สุดท้ายใบว่านจึงเลิกคิดเรื่องนี้ไปเสียดื้อ ๆ
“เมื่อเช้าเห็นผู้ช่วยของคุณเกื้อเขาบอกอยู่นะครับ ว่าคืนนี้คุณเกื้อจะมาฟังสวดด้วย”
“คุณเกื้อ?” อาพลอยทวนคำพูด แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามอะไรมากกว่านั้น รถคันใหญ่ที่จุดได้จำนวนเจ็ดที่นั่งก็ถูกขับเข้ามาจอดที่หน้าศาลาเสียก่อน ทำเอาทั้งใบว่านและอาพลอยต่างหันไปมองรถคันนั้นพร้อมกัน เพราะไม่รู้คนรวยที่ไหนมาร่วมแสดงความเสียใจกับพ่อของเขา
“นั่นน่ะเหรอ คุณเกื้อ” อาพลอยถาม ขณะที่เธอก็กำลังหันมองชายร่างสูงที่ค่อย ๆ เดินลงมาจากรถอย่างไม่รีบร้อน
“น่าจะใช่มั้งครับ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” ใบว่านตอบกลับไป เนื่องจากตั้งแต่ที่คุณเกื้อเข้ามามีบทบาทในชีวิตเขาในฐานะผู้มีพระคุณ ใบว่านก็ไม่เคยมีโอกาสเห็นหน้าค่าตาของอีกฝ่ายเลย ขนาดคุยโทรศัพท์เมื่อคืนนี้เขาก็เพิ่งได้คุยกับอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก
“ใช่แหละครับ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาคือผู้ช่วย” คราวนี้ใบว่านบอกอาพลอยด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นคุณผู้ช่วยที่เจอกันตอนเช้าพอดี
ตอนแรกใบว่านจินตนาการเอาไว้ว่าผู้มีพระคุณของเขาน่าจะต้องมีอายุและดูใจดีมากแน่ ๆ แต่ความเป็นจริงแล้วมันกลับตรงกันข้ามเลย คุณเกื้อดูยังหนุ่มยังแน่น แถมสายตายังดูเย็นชาคล้ายกับคนไม่มีความรู้สึกอย่างไรอย่างนั้น
“เดินเข้าไปสวัสดีเขาสิว่าน เรายืนนิ่งแบบนี้เขาทำตัวไม่ถูกน่ะนั่น เพราะไม่ใช่ญาติเราด้วย” อาพลอยกระซิบบอกว่าน นั่นจึงทำให้ใบว่านได้สติแล้วรีบเดินเข้าไปหาคุณเกื้อ ทั้งที่ใจจริงใบว่านไม่อยากเดินเข้าไปหาเลย เนื่องจากเขารู้สึกกลัวคุณเกื้ออย่างบอกไม่ถูก
“สวัสดีครับ คุณเกื้อ”
“เธอคือใบว่านเหรอ?” อีกฝ่ายถามกลับมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก
“ใช่ครับ ผมคือใบว่าน” ใบว่านพยักหน้ารับ ซึ่งในนาทีต่อมาบนใบหน้าหล่อเหลาของคุณเกื้อก็มีรอยยิ้มปรากฎขึ้น
“ส่งเสียกันมาตั้งนาน รู้จักเธอผ่านจดหมายมาก็หลายฉบับ ในที่สุดก็ได้เจอกันสักที”
“….”
“ถึงการเจอกันครั้งนี้จะไม่ค่อยน่ายินดีเท่าไร แต่ฉันก็ดีใจนะที่เราได้เจอกัน และฉันก็เสียใจด้วยเรื่องพ่อของเธอ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
“….”
“ตอนนี้ว่านว่าคุณเกื้อเข้าไปในศาลากันดีกว่าครับ คุณเกื้อจะได้นั่งฟังสวดพร้อมเข้าไปไหว้ศพคุณพ่อด้วย” ใบว่านพูดต่อ พลางผายมือให้คุณเกื้อเพื่อพาอีกฝ่ายเข้าไปในศาลา โดยคุณเกื้อก็จะมาเป็นเจ้าภาพให้ใบว่านตลอดทั้งสามวัน แต่อีกฝ่ายน่าจะมาฟังสวดแค่วันแรก และเจอกันอีกทีตอนวันเผา
เพราะคุณเกื้อเป็นคนรวยและดูโดดเด่นมากแหละมั้ง นั่นจึงทำให้ต่อมาหลังใบว่านพาอีกฝ่ายพร้อมด้วยผู้ช่วยเข้ามาในศาลาแล้ว บรรดาเพื่อนบ้านในซอยเดียวกันรวมไปถึงญาติห่าง ๆ ของใบว่านก็ต่างหันมองคุณเกื้อเป็นสายตาเดียว คล้ายกับสงสัยว่าคุณเกื้อเป็นใคร มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องยังไงกับใบว่าน
“ธูปครับ” ใบว่านเอ่ยพลางส่งธูปพร้อมใช้งานไปให้คุณเกื้อ เพื่อให้อีกฝ่ายทำความเคารพศพของพ่อได้อย่างสะดวก ๆ
ต่อมา หลังคุณเกื้อรับธูปไปจากมือของใบว่านเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมองรูปของพ่ออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะปักธูปลงใส่กระถางแล้วยืนขึ้นเต็มสูงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“ฉันต้องไปนั่งตรงไหน” คุณเกื้อหันมาถามใบว่าน
“ทางนี้เลยครับ คุณเกื้อ” ใบว่านตอบพร้อมผายมืออีกครั้ง เพื่อพาคุณเกื้อไปยังที่นั่งสำหรับเจ้าภาพงานศพ โดยระหว่างที่ใบว่านกำลังเดินนำคุณเกื้อไปยังที่นั่งนั้น เขาก็พยายามสลัดความคิดบางอย่างออกจากหัวเนื่องจากจู่ ๆ ใบว่านก็คิดไปว่าคุณเกื้อกับพ่อของเขาไม่ถูกกัน
แต่มันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อสังคมของพ่อเขาและคุณเกื้อแตกต่างกันถึงขนาดนี้
“แล้วนี่….พ่อเธอจากไปกะทันหันแบบนี้ เธอจะทำยังไงต่อ” เมื่อใบว่านรับแขกเสร็จ ขณะที่กำลังนั่งฟังสวดอยู่ข้างกัน คุณเกื้อก็ถามขึ้นเสียงเบาหวิว จงใจจะให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ก็คงทำเหมือนเดิมแหละครับ”
“เหมือนเดิม? ยังไง” อีกฝ่ายถามอย่างไม่เข้าใจแล้วพูดต่อ “ฉันหมายถึงการใช้ชีวิตของเธอนะ ค่ากินค่าอยู่เวลาที่ต้องไปเรียนหนังสือ เพราะปกติฉันให้เธอเดือนละห้าพันไม่รวมค่าเทอม มันพอเหรอ”
“พอสิครับ”
“….”
“ถ้าไม่พอ เดี๋ยวผมไปทำงานพิเศษเพิ่มเติมก็ได้ไม่เห็นเป็นไรเลย” ใบว่านเอ่ย ซึ่งเขาก็คิดว่าการจากไปแบบกะทันหันของพ่อ มันไม่ได้ทำให้ลำบากมากนัก ชีวิตเขาอาจติดขัดในช่วงแรกแต่ใบว่านคิดว่าเขาสามารถปรับตัวและรับมือกับมันได้
“อีกอย่าง… เดี๋ยวเทอมหน้าผมก็ได้ฝึกงานแล้ว หลังจากนั้นผมก็เรียนจบ มันเลยไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไร”
“แล้วเธอเรียนคณะอะไรนะ” คุณเกื้อถามต่อ
“เรียนบัญชีครับ” ใบว่านบอกกลับไป โดยนั่นก็ทำให้คุณเกื้อนิ่งไปครู่หนึ่งคล้ายกำลังคิดอะไรในหัว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เพราะเพิ่งจะมาเจอหน้ากันครั้งแรกก็ตอนงานศพพ่อ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรอยู่แล้ว หากความอึดอัดจะก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งคู่
ต่อมา เมื่อคุณเกื้อถามไถ่ความเป็นไปในหลังจากนี้ของใบว่านเสร็จแล้ว ความเงียบก็เข้าปกคลุมทั้งสองทันที คล้ายกับไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคุยกันอีก ซึ่งส่วนตัวใบว่านเองก็อยากจะเป็นฝ่ายชวนคุณเกื้อคุยเหมือนกัน แต่เพราะเขาไม่รู้ว่าสามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายได้มากแค่ไหน สุดท้ายใบว่านจึงต้องเลือกที่จะนั่งนิ่ง ๆ ราวกับคนไม่มีเสียงแทน
“เธอคุยไม่เก่งเหรอ หรือว่าเธอกลัวฉัน” เป็นอีกครั้งที่คุณเกื้อเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้กลัวคุณเกื้อ” ใบว่านรีบปฏิเสธทันที แม้ตอนแรกเขาจะแอบหวั่นใจกับอีกคน เพราะสายตาคุณเกื้อดูเย็นชาเหมือนมนุษย์ที่ไม่มีความรู้สึก แต่ตอนนี้ใบว่านไม่ได้นึกกลัวแล้ว
“งั้นเหรอ สงสัยฉันคงคิดมากไปเอง” คุณเกื้อตอบกลับมา และในระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังพูดนั้น ใบว่านก็สังเกตเห็นว่าบนใบหน้าหล่อเหลาของคุณเกื้อกำลังมีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นอยู่
“ยังไงว่านก็ขอบคุณคุณเกื้อมากเลยนะครับ ที่อุตส่าห์เป็นธุระเข้ามาช่วยจัดการเรื่องงานศพของพ่อให้”
“….”
“ถ้าคุณเกื้ออยากให้ว่านรับใช้อะไร คุณเกื้อก็สามารถบอกว่านได้เลยนะครับ ว่านทำได้หมดเลยทั้งเรื่องงานบ้าน งานสวน หรือจะงานช่างก็ได้นะครับ ถ้าคุณเกื้ออยากได้ลูกน้องก็สามารถบอกได้เลย”
“ฮ่า ๆ แล้วฉันจะอยากได้คนสวนคนทำงานบ้านไปทำไมล่ะ ในเมื่อฉันมีคนที่ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว” คุณเกื้อตอบกลับมา โดยนี่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ใบว่านได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของอีกฝ่าย แล้วเพราะคุณเกื้อบอกอย่างนั้น ใบว่านจึงถามต่ออย่างไร้เดียงสา
“ถ้างั้นคุณเกื้ออยากได้อะไรเหรอครับ”
“ไว้ฉันจะบอกอีกทีก็แล้วกัน”
“….”
“แต่ตอนนี้ฉันอยากให้เธอคิดว่าที่ฉันช่วยเธอ นั่นก็เพราะฉันอยากช่วยมากกว่านะ ไม่ใช่เพราะต้องการผลประโยชน์จากเธอ” พูดจบ คุณเกื้อก็จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของใบว่านราวกับต้องการจะสื่อบางอย่าง และในเวลาเดียวกันนั้นพระก็สวดเสร็จพอดี
“แล้วนี่เธอจะกลับยังไง” คุณเกื้อถาม เพราะเดี๋ยวพวกเขาก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว
“อ๋อ ผมนั่งวินมาครับ เดี๋ยวตอนกลับก็โทรเรียกให้เขามารับ”
“ถ้าอย่างนั้น เธอก็ให้ฉันไปส่งสิ” คุณเกื้อเสนอตัว ซึ่งนั่นก็ทำให้ใบว่านชะงักไปเล็กน้อย เนื่องจากไม่คิดว่าคุณเกื้อจะขันอาสาไปส่งกัน
“….”
“จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินไง”
“แต่ผมเกรงใจคุณเกื้อไงครับ”
“บ้านเธออยู่ไกลจากวัดมากเลยเหรอ” อีกฝ่ายถามต่อ
“ไม่ครับ”
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องเกรงใจหรอก มันเรื่องเล็กน้อย”
เพราะไม่กล้าปฏิเสธคุณเกื้อ สุดท้ายใบว่านจึงต้องนั่งรถของอีกฝ่ายเดินทางกลับมายังบ้านพักของตัวเอง โดยตลอดทั้งการเดินทาง แม้ระยะทางมันจะไม่ได้ไกลกันมากนัก แต่ใบว่านกลับรู้สึกว่ามันยาวนานเหลือเกิน ซึ่งก็อาจเป็นเพราะความอึดอัดที่ฟุ้งกระจายไปทั่วรถ
และก็อาจมีแค่ใบว่านเท่านั้นที่รู้สึกถึงมัน
“นี่ใช่ไหม… บ้านของเธอ” คุณเกื้อถามอีกหน หลังคนขับรถได้มาชะลอจอดที่บ้านสภาพซอมซ่อของใบว่านแล้ว
“ใช่ครับ นี่บ้านผม” ใบว่านพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ พลางปลดสายรัดนิรภัยออกให้พ้นตัว แต่ยังไม่ทันที่ใบว่านจะได้ก้าวเท้าลงจากรถ เสียงของคุณเกื้อก็ดังขึ้นเสียก่อน
“กานต์ น้ำเปล่าบนรถเรายังเหลือหรือเปล่า ฉันหิวน้ำ”
“หมดแล้วครับคุณเกื้อ แม่บ้านยังไม่ได้เอามาเติมให้”
“แย่เลย…” คุณเกื้อพึมพำแล้วหันสายตามองมาที่ใบว่าน ก่อนที่ต่อมาอีกฝ่ายจะเรียกชื่อกัน “ใบว่าน”
“ครับ?”
“พอดีฉันอยากกินน้ำ งั้นฉันขอเข้าไปกินน้ำของเธอได้ไหม” คุณเกื้อเอ่ยขอเสียงนิ่ง ซึ่งความหมายของอีกฝ่ายก็คงจะหมายถึงเข้าไปกินน้ำในบ้านนั่นแหละ แต่คุณเกื้อน่าจะใช้คำพูดผิดไปเสียหน่อย ความหมายมันก็เลยผิดเพี้ยนไป