Episode-๐๖ คนละรนเดียวกัน

1368 Words
วันแรกของการปิดเทอมใหญ่ ฉันตั้งปณิธานกับตัวเองไว้เลยว่าจะต้องทำให้ได้ นั่งมองคนในกระจกพลางสำรวจตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ไหนจะรอยสิวอีกยอมอดค่าขนมเพื่อเก็บเงินไปซื้อครีมบำรุงผิว อันไหนที่เขาว่าดีอีนี่ก็กวาดมาหมดค่ะ ที่เห็นผลชัดเลยคือรอยสิวรอยแผลเป็นบนใบหน้าที่จางลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหนึ่งเดือนแรก เรื่องการลดน้ำหนักก็เหมือนกันกว่าจะหักห้ามใจเลิกกินขนมได้แทบลงแดงเลยทีเดียว จากที่ไม่ชอบกินผักก็ต้องฝืนใจกินโดยเฉพาะมื้อเย็น ไม่กินเลยคืออยู่ไม่ได้ กินน้อยก็ไม่อยู่ท้องอีก ความจริงถ้าน้ำหนักไม่ลดฉันก็ไม่ซีเรียสนะคะ แต่อย่าขึ้นอย่างเดียวก็พอ อ๋อ! แล้วฉันก็เล่นฮูล่าฮูปวันละหนึ่งถึงสองชั่วโมงด้วยนะ ทำแบบนี้ทุกวันจนกระทั่งถึงวันเปิดเทอม... มัธยมศึกษาปีที่สาม “เชี่ย! กูไม่ได้ตาฝาดแน่ ๆ ” “สวยขึ้นเยอะเลย” “มึงเป็นใคร!! ออกจากร่างเพื่อนกูไปเดี๋ยวนี้นะ” “ยัง... ยังไม่เลิกเล่นกันอีก” ฉันว่าพลางมองหน้าพวกมันสามคนอย่างเอือมระอา “ตาลมึงสวยขึ้นจริง ๆ นะพูดแบบไม่อวยเลย ดูดีขึ้นมากอ่ะ” ไอ้จูนค่ะ ไม่พูดเปล่ามันยังจับฉันหมุนไปมาอีกด้วย “จริง! คนละคนกันเลย” “ว้าวมากแม่!” ไอ้หมูกับไอ้พลอยเสริมขึ้นมาอีก ฉันก้มมองตัวเองมันก็ปกตินะคะ หรือว่าฉันชินกับตัวเองอยู่แล้วก็ไม่รู้ เป็นการมาเรียนที่ทำให้รู้สึกใจหายไม่น้อยเลย เพราะอีกแค่ไม่นานทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันไป รวมไปถึงใครคนนั้นก็ด้วย “มึงคาดหวังให้พี่ทิวสนใจถึงขนาดต้องลดน้ำหนักเลยเหรอ” คำถามนี้ฉันไม่ลังเลที่จะตอบเลยด้วยซ้ำ “เปล่า กูอยากสวยเพื่อตัวกูเองบ้างไม่ได้เหรอน้อง ใคร ๆ เขาก็ต้องดูแลตัวเองกันเปล่าวะ” “เชื่อตายแหละ! เฝ้ามองเขามาสองสามปีไม่คาดหวังเลยสิแปลก” “แล้วแต่... กูพูดให้ฟัง ไม่ได้พูดให้เชื่อ” เลิกสนใจมันแล้วพากันเดินเข้าโรงเรียนตามปกติ แต่ระหว่างทางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกจ้องมองอยู่ตลอด หันไปมองรอบตัวก็ไม่มีใครนะคะจนกระทั่งเห็นซุ้มไม้ที่มีคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ “ลงทุนฉิบหาย” “ฮ่า ๆ คิดว่าทิวจะต้องชอบมึงจริง ๆ ใช่ไหม” น้ำเสียงเย้ยหยันดังมาจากด้านหลังก่อนจะเดินนำหน้าพวกเราไป “คนที่ใช่ไม่ต้องใช้ความพยายาม เนอะ!!” ไอ้จูนพูดลอย ๆ ขึ้นมา ฉันรู้ว่ามันจงใจให้ประโยคนี้กระแทกเข้าไปในโสตประสาทของใครบางคน และมันได้ผลค่ะ หันกลับมามองตาแทบปริ้น ฮ่า ๆ “มึงจะออกตัวแรงตั้งแต่วันแรกไม่ได้นะ” “ไม่แคร์โว้ย! เป็นพี่มอสามแล้วจะทำอะไรก็ได้” “อีสัส ห้าวแต่หัววันเลย” “ฮ่า ๆ ” หยอกล้อกันตามประสาเพื่อนจนถึงซุ้มไม้ที่ใครบางคนนั่งอยู่ ฉันทำเป็นไม่เห็น ไม่สนใจแล้วพูดคุยหัวเราะกับไอ้จูนต่อ แต่หางตาก็แอบเหล่มองเหมือนกันนะคะ พี่ทิวเขาดูดีขึ้นมากเลย แต่แววตายังนิ่งเหมือนเดิม “กูรู้สึกว่าเทอมนี้ใครบางคนจะงานเข้านะ” “บ่นไรมึงไอ้ริว” “เสือก!” “ไอ้สัส! ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้” ไม่ได้หยุดฟังนะคะมันลอยเข้ามาในหูเอง แต่ช่างเถอะ! ฉันไม่อะไรแล้วแหละ ถึงเวลาเข้าแถว แน่นอนว่ากรรมการนักเรียน ประธานนักเรียนจะต้องถูกเลือกใหม่ทั้งหมด พี่ริวลงสมัครเป็นประธานนักเรียนด้วยค่ะ ส่วนอีกสองคนเป็นผู้หญิง เขาให้ส่งตัวแทนห้องละหนึ่งคน บรรยากาศมันก็จำเจเหมือนเดิมนั่นแหละ หรือเป็นเพราะฉันไม่ได้โฟกัสตรงนั้นเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ไม่รู้นะ “ตาล ขอเบอร์หน่อยดิ” เกมส์เพื่อนผู้ชายร่วมห้องมันพูดขึ้น “สามแปด” “อะไรวะสามแปด?” “เบอร์รองเท้า” “ชั่วร้ายมาก!” “ใครขอ?” ฉันถามออกไปตรง ๆ เพราะเป็นเพื่อนกันมานาน ไม่ใช่มันแน่นอน “บอกก็รู้อ่ะดิ ” “กวนตีน” เลิกสนใจมัน พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีพี่ทิวก็มายืนอยู่ตรงหน้าแล้วค่ะ บัตรที่แขวนคอเขาอยู่บ่งบอกให้รู้ว่านี่คือกรรมการนักเรียน “อย่าคุยกัน” “...” พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์ชี้แจงอยู่ พูดโคตรนาน ใจคอจะพูดวันนี้ให้หมดทุกเรื่องเลยมั้ง ไม่ได้ขี้เกียจนั่งฟังหรอกแต่แดดมันร้อนค่ะ อาจารย์จะพูดกี่ชั่วโมงก็ได้เพราะตัวเองอยู่ในร่มไง พอเลิกแถวก็แยกย้ายกันเข้าห้อง แจกตารางเรียนกันตามปกติ วิชาแรกภาษาไทยค่ะ ระหว่างเปลี่ยนคาบเรียนก็เดินผ่านห้องวิชาการที่ตอนนี้กำลังประชุมกรรมการนักเรียนกันอยู่ “แวะมองได้นะเดี๋ยวพวกกูรอ” “มึงก็มองไปคนเดียวดิ” “จ้า ๆ แม่คนเก่ง” “วันนี้มึงกวนตีนกูมากนะจูน” “ก็...” “ ไหนเบอร์อ่ะ” ไอ้แกรมค่ะ หมอนี่มันเป็นนักดนตรีของโรงเรียนอยู่ห้องหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันพรวดพราดมาจากไหน “เบอร์เรา?” “เออดิ ให้ไอ้เกมส์มาขอไม่ได้เรื่องเลย” “ยังไม่ให้ได้ป่ะ” “ได้ดิ แต่แอดHiไปรับเพื่อนด้วยนะ” “อืม” ตอบกลับมันยิ้ม ๆ ก่อนจะแยกกันคนละทาง “กูสัมผัสได้ถึงสายตาอัมหิต” “น่ากลัวฉิบหาย” เสียงไอ้หมูกับไอ้จูนพูดตามหลัง ฉันไม่ได้สนใจฟังค่ะ ก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นตึกไป ตัดมาตอนเลิกเรียนเลยแล้วกันนะคะ แยกกับเพื่อนฉันก็เดินออกทางประตูหลังเหมือนเดิม แต่วันนี้เส้นทางเปลี่ยนนิดหน่อยเพราะว่าต้องมาเอาชุดที่แม่ตัดไว้ใกล้ ๆ โรงเรียนน่ะ “ต้องหลบหน้าขนาดนี้เลยหรือไง” น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกมาจากหลังกำแพง “ใครหลบคะ ทำไมหนูต้องหลบหน้าพี่ด้วย” “พี่ถามเราอยู่นะ ไม่ได้ให้เรามาย้อน” “...” “คำพูดคนอื่นมันมีผลต่อความรู้สึกมากขนาดนั้นเลยเหรอถึงต้องทำอะไรแบบนี้” “ใช่ค่ะ! มันมีผลต่อความรู้สึกของหนูมาก พี่ไม่ได้เป็นฝ่ายถูกต่อว่านี่พี่จะรู้สึกอะไร” “...” พี่ทิวถอนหายใจออกมาเบา ๆ เหมือนกำลังระงับอารมณ์ตัวเองอยู่ “แล้วจะไปไหน ปกติรอรถตรงโน้นไม่ใช่เหรอ” “ไปเอาชุดให้แม่ที่ท้ายตลาดค่ะ” “อืม ไปสิ เดี๋ยวเดินไปเป็นเพื่อน” “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไปคนเดียวได้” “จะห้าโมงเย็นแล้วนะ มองดูรอบ ๆ ว่ามันมีคนหรือเปล่า” “...” กวาดสายตาไปรอบบริเวณมันไม่มีใครจริง ๆ ค่ะ คือโรงเรียนมันติดกับวัดไง ถัดจากวัดก็จะเป็นตลาดแล้วร้านตัดเสื้อมันก็อยู่ในตลาดอีกที แน่นอนว่าบรรยากาศมันวังเวงแม้ว่าฟ้าจะสว่างก็ตาม ระหว่างทางเดินพวกเราเงียบมาก ฉันแอบได้ยินเสียงพี่ทิวลอบถอนหายใจออกมาอยู่หลายครั้งจนต้องหันไปมอง เหมือนว่าเขาจะอึดอัดนะคะ ความรู้สึกมันบอกแบบนั้น “คุยกับใครอยู่เหรอตอนนี้” ตึกตัก! ตึกตัก! “คบกับใครอยู่หรือเปล่า” คำถามตรง ๆ ของพี่ทิวทำเอาใบหน้าฉันร้อนเห่อขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทำไมต้องรู้สึกหวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้ด้วยนะ “ไม่ได้คุยค่ะ ไม่ได้คบกับใครด้วย” พี่ทิวไม่ได้ตอบอะไรแค่อมยิ้มออกมาเท่านั้น ความตั้งใจของฉันจะมาพังไม่เป็นท่าเพียงเพราะรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ไม่ได้นะ เขาไม่ได้บอกว่าชอบเราสักหน่อย อย่าหลงตัวเอง อย่าคิดไปเอง ฉันเตือนตัวเองแบบนี้เสมอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD