ตอนที่ 1
ฉันเดินทิ้งห่างออกมาเพื่อจะกลับบ้าน เพราะวันนี้ทั้งวันฉันแอบตามเจ้าพวกบ้านั่นจนเหนื่อยแล้ว อยากรู้ล่ะสิว่าฉันสะกดรอยตามพวกนั้นทำไม แล้วใครในนั้นที่ฉันตาม! เขาคือ “บีเอ” ลูกชายของเพื่อนคุณพ่อฉันเอง หมอนั่นคือคนที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉัน เพราะฉันกำลังโดนปองร้ายจากศัตรูทางธุรกิจของคุณพ่อ!
‘หนูไม่ต้องการบอดี้การ์ด!!!’ ฉันตะโกนอย่างแข็งกร้าวเมื่อสิ้นคำพูดของพ่อที่บอกว่าอีกสามวันจะพาบอดี้การ์ดส่วนตัวมาให้รู้จัก
‘แต่ตอนนี้ลูกกำลังตกอยู่ในอันตรายนะ ศัตรูของพ่อคราวนี้ไม่ได้กระจอกๆ เหมือนพวกที่ผ่านมา’
‘หนูดูแลตัวเองได้ค่ะพ่อ ไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ด หนูโตแล้วนะคะ อย่าทำเหมือนหนูเป็นเด็กจะได้มั้ย!!!’
‘ราพันเซล ฟังพ่อหน่อยสิลูก นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ บอดี้การ์ดของลูกคนนี้เป็นลูกชายของเพื่อนพ่อเอง อายุก็ไล่เลี่ยกับลูก ที่สำคัญคือเขามีฝีมือในการต่อสู้ที่เฉียบขาด เป็นแชมป์เคนโด้ของประเทศไทยด้วยนะลูก’
‘ต่อให้เป็นแชมป์เทควันโดระดับโลก มวยสากลหรือว่ามวยปล้ำ ซูโม่หนูก็ไม่ต้องการค่ะ พ่ออย่ามายุ่งกับชีวิตหนูได้มั้ย!!!’
ฉันตะคอกใส่คุณพ่ออย่างโมโห ทำไมต้องบังคับในเรื่องที่ฉันไม่ชอบและไม่ต้องการด้วย ฉันเกลียดการมีบอดี้การ์ด เกลียดที่สุด...
‘อย่าดื้อสิราพันเซล ที่พ่อทำทุกอย่างก็เพื่อลูกนะ’
‘อย่ามาอ้างเลยค่ะพ่อ! พ่อทำทุกอย่างก็เพื่อตัวเองเท่านั้น พ่อบ้าอยู่แต่กับธุรกิจบ้าๆ นั่นจนต้องส่งบอดี้การ์ดมาดูแลหนูแทน หนูเบื่อ! พ่อเข้าใจมั้ยคะว่าหนูเบื่อ!!’
‘พ่อยอมลูกมาตลอดเรื่องการมีบอดี้การ์ด แต่ครั้งนี้...ครั้งนี้พ่อจะไม่ยอม ยังไงลูกก็ต้องมีบอดี้การ์ด และต้องเป็นคนที่พ่อเลือกให้เท่านั้น เพราะคราวนี้...มันเดิมพันด้วยชีวิตของลูกและผู้คนอีกมากมาย’
‘เรื่องทั้งหมดมันก็มาจากพ่อทั้งนั้นแหละ พ่อสร้างเรื่องทุกอย่าง!!!’
‘.....’
‘หนูเกลียดพ่อ เกลียดธุรกิจของพ่อ เกลียดบอดี้การ์ดของพ่อ เกลียดบ้านหลังนี้ เกลียดทุกคน เกลียดทุกอย่าง หนูเกลียด!!’
‘ราพันเซล!!!’
เสียงคุณพ่อตะโกนเรียกชื่อฉันไล่หลัง แต่ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เดินดุ่มๆ ออกจากบ้านแล้วขึ้นรถแท็กซี่ไปทันที เกลียด...เกลียดบ้านหลังนี้ที่สุดเลย!
ติ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์คนสนิทของคุณพ่อที่แอบเป็นสปายลับๆ ให้ฉันเวลาฉันต้องการความช่วยเหลือ
‘พิศักดิ์เหรอ ฉันราพันเซลนะ ช่วยสืบให้ทีว่าคนที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันคือใคร ...นี่คือคำสั่ง!!’
แล้วก็วางสายไป และเพียงไม่ถึงสามนาทีพิศักดิ์ก็โทรกลับมา
‘บีเอ...อย่างนั้นเหรอ’
หึๆ...นายกับฉันได้เจอกันแน่! คุณบอดี้การ์ด!
และนั่นก็คือเหตุผลทั้งหมดที่ฉันสะกดรอยตามหมอนั่นมา เพราะฉันอยากจะรู้ยังไงล่ะว่าคนที่คุณพ่อไว้ใจให้มาเป็นบอดี้การ์ดของฉันหน้าตาจะเป็นยังไง ฝีมือการต่อสู้ขนาดไหน และพอได้มาเห็นด้วยตัวเองในวันนี้ก็ต้องขอบอกว่า...เฉียบขาดจริงๆ =____=;;;
หมับ!
“อ๊ะ!!!” ฉันตกใจร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ก็มีคนกระชากแขนอย่างแรง ตัวของฉันหมุนกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่กระชากแขน และทันทีที่มองเห็นเต็มตาก็แทบผงะหงายหลัง...
บะ...บีเอ
“ตามฉันทำไม” เขาถามเสียงเรียบ น้ำเสียงคงที่คีย์เดียวตลอดประโยค ขะ...ขนลุกจริงๆ T_T
“ใครตามนายไม่ทราบ!”
“เธอไง -_-“
“ฉันเปล่า!” ฉันพูดพร้อมกับสะบัดแขนเขาออก...แต่ไม่สำเร็จ บีเอบีบแขนฉันแน่นอย่างไม่กลัวว่ากระดูกฉันจะแตกหักหรือสลายเลยสักนิด อ๊ากกกก ฉันเป็นผู้หญิงนะ
“โกหกทั้งเพ -_-“
“อะไรของนายเล่า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ฉันพยายามบิดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของเขาแต่ก็ไม่เป็ผล บีเอมีแต่จะยิ่งบีบแรงขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนแขนฉันเป็นจ้ำแดงๆ
“จนกว่าจะบอกว่าตามฉันทำไม”
“ก็บอกว่าไม่ได้ตามไงเล่า!!!” ฉันใช้เล็บจิกเข้าที่มือเขาข้างที่จับแขนฉันไว้จนเลือดซิบ แต่บีเอก็ยังคงยืนบีบแขนฉันด้วยสีหน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆ คนหรือรูปปั้นฟะ =_=;;
“โกหก...ตกนรก”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!! นายไม่มีสิทธิ์มาจับตัวฉันไว้แบบนี้!!!”
“คิดว่าอยากจับเหรอ -_-“ บีเอแสยะปากทำหน้าสะอิดสะเอียนฉันอย่างเต็มที่ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นรองหมอนี่อยู่ ฉันคงพุ่งเข้าไปตบๆๆๆ ให้เสียโฉมไปแล้ว -*-
“ตกลงนายจะไม่ปล่อยฉันใช่มั้ย”
“อืม -_-“
“ได้...”
“.....”
พลั่ก!!!
ฉันรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่ทั้งหมดเอาหัวตัวเองโขกเข้ากับหัวของเขาสุดแรงเกิดจนเจ็บจี๊ดเหมือนกระดูกหน้าผากแตก และได้ผล! บีเอปล่อยมือออกจากแขนฉันไปจับที่หน้าผากซึ่งแดงแปร๊ดแทน
“เจ็บ! เธอกล้าทำฉัน!” บีเอชี้หน้าฉันอย่างโกรธจัด ก่อนจะชักนิ้วกลับไปลูบหน้าผากตัวเองต่อ ส่วนฉันแทนที่จะหนีกลับมายืนลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ไม่ต่างจากบีเอ คิดผิดจริงๆ ที่เอาหน้าผากโขกหมอนี่ มันหัวหินชัดๆ T^T
“นี่แน่ะ!”
โป๊ก!!!
“โอ๊ย TOT” ฉันร้องลั่นเมื่อบีเอเขกมะเหงกเข้ามาเต็มๆ หัวฉันอย่างแรง จนฉันรู้สึกเหมือนเยื่อบุสมองได้บุบไปเป็นที่เรียบร้อย หรือบางทีกะโหลกฉันอาจจะร้าวแล้วก็ได้ อ๊ากกกกก เจ็บที่สุด ฮือๆๆ แอบโนด้วย T^T
“นายทำฉัน!!!”
“ก็เจ๊ากันดีนี่ -_-“ บีเอตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉยเหมือนเดิม น้ำเสียงทุ้มต่ำคีย์เดียวตลอดของเขามัน...เพราะชะมัดเลย -/////-
“หน้าแดงทำไม -_-“ บีเอเขยิบเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาดันหน้าฉันขึ้น ทำให้ฉันต้องสบตากับเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทันทีที่สบตากัน ฉันรู้สึกเหมือนเวลาของโลกใบนี้หยุดนิ่งลง นัยน์ตาลึกลับน่าค้นหาแต่แฝงความเศร้าเอาไว้ของเขามีเสน่ห์จนฉันไม่อาจละสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียว...
“ปละ...ปล่อยฉันนะ” เมื่อตั้งสติได้ฉันก็ปัดมือเขาออกแล้วก้มหน้าลง ให้ตายสิ! ฉันเป็นบ้าอะไรไปแล้วเนี่ยยยย
“ฉันว่าเธอ...หน้าตาคุ้นๆ นะ” แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่องแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันรีบหันหลังให้เพราะไม่อยากให้เขารู้ตอนนี้ว่าฉันเป็นใคร มาจากไหน
“เราไม่เคยเจอกันมาก่อน และฉันก็ไม่ได้ตามนายด้วย แค่นี้แหละย่ะ!”
พูดจบฉันก็ติดสปีดวิ่งทันที คิดไว้ว่าเขาจะต้องวิ่งตามมาแน่ๆ แต่พอหันหลังกลับไปมองก็พบว่าเขาแค่ยืนจ้องฉันอยู่กับที่ด้วยสายตาเรียบนิ่งเท่านั้น
ฉันขึ้นรถแท็กซี่กลับมาที่บ้านตามเดิม และทันทีที่ลงจากรถ บอดี้การ์ดมากมายของคุณพ่อก็พุ่งออกมารับตัวฉันกันเป็นแถว ทำให้ฉันต้องใช้สายตาไม่พอใจห้ามปรามพวกนั้น ตกลงนี่มันบ้านฉันหรือบ้านของพวกบอดี้การ์ดกันแน่นะ -*-
“ราพันเซล ลูกหายไปไหนมา พ่อเป็นห่วงหนูมากรู้มั้ย”
“พ่อยังมีเวลาห่วงหนูด้วยเหรอคะ” ฉันจิกสายตาไปทางคุณพ่อก่อนจะเดินเชิดหน้าขึ้นชั้นบนเพื่อไปที่ห้องตัวเอง
“คุณหนูคะ ทำแบบนี้กับคุณพ่อนี่ไม่น่ารักเลยนะคะ” นมหยาด แม่นมที่เลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่เล็กๆ เพราะคุณแม่เสียทันทีที่คลอดฉันออกมาพูดขึ้น ชีวิตฉันเลยมีแต่นมหยาด คุณพ่อ แล้วก็...พี่ซินแบค
“สิ่งที่คุณพ่อทำมันก็ไม่น่ารักเหมือนกันนี่คะนมหยาด” ฉันโผเข้ากอดนมหยาด น้ำตามากมายไหลพรั่งพรูออกมา นมหยาดคงเข้าใจความหมายของคำว่า ‘สิ่งที่คุณพ่อทำ’
“ไม่ร้องนะคะคนดีของนม โอ๋ๆ” นมหยาดกอดฉันอย่างแผ่วเบา ชีวิตนี้...นอกจากพี่ซินแบคแล้ว คงมีแต่นมหยาดเท่านั้นล่ะมั้งที่เข้าใจฉัน เข้าใจความเหงาของฉัน เข้าใจความรู้สึกของฉัน...
“พรุ่งนี้เราไปหาพี่ซินแบคกันนะคะนมหยาด เซลอยากกอดพี่ชาย”
นมหยาดพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ พี่ซินแบค...ช่วยเซลด้วย เซลไม่ต้องการบอดี้การ์ด เซลไม่อยากอยู่กับคุณพ่ออีกต่อไปแล้ว เซลกลัว...บอกตรงๆ ว่า...เซลกลัว
เช้านี้ฉันตื่นเร็วเป็นพิเศษเพราะต้องการจะไปหาพี่ซินแบค พอลงมาข้างล่างก็พบกับนมหยาดที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ในมือของนมหยาดมีกระเช้าซึ่งบรรจุดอกไม้หลายชนิดที่พี่ซินแบคชอบ แต่พอฉันจะเดินเข้าไปหานมหยาด คุณพ่อที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนก็กระชากกระเช้าดอกไม้ที่อยู่ในมือนมหยาดไปแล้วปาทิ้งลงพื้นก่อนจะเหยียบซ้ำ
“คุณพ่อทำอะไรคะ!” ฉันพูดพร้อมกับผลักคุณพ่อให้ออกจากดอกไม้ที่ท่านกำลังเหยียบ น้ำตามากมายไหลพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง
“หนูจะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ จะบ้าไปถึงเมื่อไหร่ลูก!”
“คุณพ่อใจร้าย ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย!!” ฉันเงยหน้ามองคุณพ่อทั้งน้ำตา ในมือถือซากดอกไม้ที่เละไม่มีชิ้นดีไว้ ดอกไม้ของพี่ซินแบค...
“ที่พ่อทำเพราะพ่ออยากให้หนูยอมรับความจริงต่างหาก ลูกกำลังหลอกตัวเองนะราพันเซล”
“หนูก็แค่จะไปเยี่ยมพี่เท่านั้น แค่ไปเยี่ยมพี่ซินแบคค่ะพ่อ!!” ฉันมองคุณพ่อผ่านม่านน้ำตาอีกครั้งก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนห้อง เสียงนมหยาดดังเรียกอย่างถี่ยิบ แต่ฉันไม่หันกลับไปมองใครอีกเลย
“ราพันเซล เปิดประตูให้พ่อนะลูก ราพันเซล!”
“คุณหนูคะ คุณหนูของนม เปิดให้นมเข้าไปหน่อยสิคะ” เสียงนมหยาดกับคุณพ่อสลับกันเรียกฉัน ฉันเอาหมอนมาอุดหูไว้แล้วนอนคว่ำหน้าลงบนเตียง ไม่อยากอยู่แล้ว...ที่ที่มีแต่คนไม่เข้าใจฉันแบบนี้ ฉันไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว!
ฉันลุกขึ้นไปหยิบอัลบั้มรูปของฉันกับพี่ซินแบคมาดู พี่ซินแบคเป็นพี่ชายแท้ๆ ของฉันเอง เราสองคนอยู่ด้วยกันตลอด ทุกครั้งที่คุณพ่อไปสัมมนาที่ต่างประเทศ เราสองคนพี่น้องก็จะนั่งกอดกันร้องไห้เพราะคิดถึงคุณพ่อ บวกกับน้อยใจที่ท่านไม่มีเวลาให้
“พี่ซินแบค เซลคิดถึงพี่ค่ะ” ฉันลูบรูปของพี่ซินแบคในมืออย่างทะนุถนอม ถึงจะเรียกมันว่าอัลบั้มรูปก็ตามที แต่ในอัลบั้มนั้น...มีรูปของพี่ซินแบคแค่รูปเดียว เพราะรูปอื่นๆ...คุณพ่อเอาไปเผาทิ้งหมดแล้ว
“เซลไม่อยากมีบอดี้การ์ด เซลกลัว...พี่ซินแบคเข้าใจเซลใช่มั้ยคะ” ฉันมองไปที่ประตูอย่างหวาดกลัว เสียงคุณพ่อกับนมหยาดยังคงดังมาเป็นระยะๆ
“เมื่อไหร่เราสองคนพี่น้องจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน เซลอยากอยู่กับพี่ ในโลกนี้...ไม่มีใครเข้าใจเซลได้ดีเท่าพี่อีกแล้ว ไม่มีเลย...”
“ราพันเซล! เปิดประตูสิลูก อย่าทำให้พ่อใจไม่ดีได้มั้ย ราพันเซล!”
“อ๊ะ! คุณผู้ชาย!” เสียงนมหยาดโวยวายอะไรสักอย่าง แต่มันไม่ได้เข้าหูฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ในหูของฉันมีแต่เสียง ‘ปังๆๆ’ ที่ได้ยินในตอนนั้น กับน้ำสีแดงสดที่ไหลนองเต็มพื้น
“อ๊ายยยย!!!!!!” ฉันกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น เหตุการณ์ที่ทำให้ฉันสูญเสียหัวใจของตัวเองไปจนหมดสิ้น
“คุณหนู! คุณหนูเป็นอะไรคะ!” เสียงนมหยาดดังมาอย่างตกใจ ฉันรีบหลับตาลงเพื่อตั้งสติของตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าดีขึ้นแล้วจึงตะโกนตอบนมหยาดกลับไป
“มะ...ไม่มีอะไรค่ะ เซลแค่ปวดหัวนิดหน่อย” ฉันตอบกลับไปแค่นั้น แต่นมหยาดถามกลับมาอีกเป็นชุด ซึ่งก็แน่นอน...ฉันไม่ตอบกลับสักคำถามเดียว
“หนูไม่ต้องการ...บอดี้การ์ด”