ความเดิม- "ทำไมล่ะครับ ถ้าผมให้ค่าตอบแทนที่สูงกว่าที่เดิมถึงสองเท่า หรือให้หุ้นสักประมาณนึงที่ให้คุณนิวเก็บกินเม็ดผลได้ตลอดไปล่ะครับจะไม่สนใจสักหน่อยเหรอ" เขมณัฐลองหยั่งเชิง
………………………………………..
"เงินมันซื้อความสบายใจของผมไม่ได้หรอกครับ ผมสบายใจแบบนี้" นวนนท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเริ่มหน้าเข้มบ้างแล้ว
"แล้วถ้าเป็นตำแหน่งน้องเขยของผมล่ะครับ คุณนิวจะว่ายังไง" เขมณัฐทุ่มจนสุดตัว
"นั่นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะนั่นเท่ากับว่าคุณเป็นคนที่ดูถูกน้องสาวของตัวเอง เอาชีวิตน้องสาวของตัวเองเป็นเดิมพันกับใครก็ไม่รู้ ที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเลยด้วยซ้ำ มันไม่แฟร์กับน้องใบตอบเลยครับ ผมไม่สนุกด้วย ผมอยากพักแล้วครับ สงสัยพูดมากไป เหนื่อย ปอดคงยังไม่แข็งแรงอย่างคุณหมอว่าจริง ๆ แหละ ขอตัวนะครับ คุณหมออย่าถามอะไรผมอีกเลยนะครับ ถ้าผมไม่สบายใจผมอาจจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยก็ได้" นวนนท์พูดจบก็เดินเข้าห้องพักไปอย่างไม่เหลียวหลัง
ด้านเขมณัฐเมื่อได้ยินดังนั้นถึงกับยิ้มในหน้าและรีบส่งข้อความเสียงไปให้ใครอีกคน แล้วเดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเองอย่างอารมณ์ดี เขาชักอยากจะได้นายบอดี้การ์ดคนนี้เป็นน้องเขยจริง ๆ เสียแล้วซิ แต่ไม่ใช่เพราะอยากจะเอาชนะนะ แต่เพราะเขาเห็นแววตาแห่งความจงรักภักดี แววตาของลูกชายตัวน้อยที่รักพ่อเมื่อพูดถึงนายใหญ่ เห็นแววตาของพี่ชายที่แสนจะรักและเป็นห่วงน้อยสาวเมื่อมีใครพูดถึงในทางที่ไม่ดีหรือจะทำให้เสื่อมเสีย เพราะนั่นคือคุณสมบัติของคนในครอบครัว
อีกด้านของคนที่ได้รับข้อความใหม่
เขมรัฐที่เงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ใบไม้ไปเรื่อยอย่างรู้สึกปลอดโปร่งอารมณ์ดีหลังจากได้ฟังคลิปเสียงนั้นจบ ได้แต่คิดในใจว่าอยากได้เด็กหนุ่มคนนี้มาไว้ใกล้ตัว เพราะรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เขายอมรับคือ พรหมลิขิต ถึงแม้เด็กหนุ่มรุ่นลูกจะไม่ใช่เนื้อคู่กับลูกสาวของตน แต่ขอได้เป็นพ่อแม่บุญธรรมก็ยังดี นั่นคือความตั้งใจของเขา
"นั่งคิดอะไรคะเตี่ย เห็นหน้ายิ้ม เดี๋ยวก็หุบยิ้ม เดี๋ยวก็หน้าตึง เป็นอะไร" วรรณดาเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย ชักไม่ค่อยไว้ใจสามีกลัวว่าจะเครียดจนเสียสติไปแล้ว
"กำลังคิดน่ะแม่ หรือว่าเราจะทำอย่างน้องใบตองบอกจริง ๆ ดี"
"เรื่องอะไรเล่าเตี่ย ยัยใบตองมันพูดตั้งหลายอย่าง แม่จำได้ไม่หมดหรอก"
"ก็เรื่องผูกดวงไง"
"ห๊า!!!….ผูกดวง หมายถึงดูดวงก่อนแต่งงานอะไรประมาณนี่น่ะเหรอ"
"ใช่แม่ ที่ลูกเราเคยบอกไว้ไง"
"โอ๊ย….ตาย เราฝ่ายหญิงนะเตี่ย ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ขนาดนั้นค่ะแม่ ใบตองพูดจริง ถามเฮียชาติ เฮียณัฐแล้วก็เฮียยุทธได้" ณรรรดากล่าวขึ้นหลังจากเดินเข้ามาและยืนฟังได้สักพัก
"โอ๊ย..แม่จะเป็นลม มันยังไงกันลูก…..ทำไม ยังไงถึงขนาดจะผูกดวงเลยเหรอ"
"เซนส์มันบอกค่ะแม่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่หนูเจอพี่นิวแล้ว ที่โรงแรมค่ะ วันที่หนูไปทำงานวันแรกพี่นิวเดินถอยหลังมาเหยียบเท้าหนู แล้วหันมาทำหน้าตกใจขอโทษขอโพยหนูใหญ่เลย แล้วเห็นว่ารองเท้าคัทชูของหนูเปื้อนก็เอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาเช็ดรองเท้าให้หนู หนูนะทั้งตกใจและประทับใจในคราวเดียวกันเลยค่ะ แล้วหลังจากนั้นเราก็มีเหตุบังเอิญต้องเจอกัน เพราะหนูดันลืมกล่องแหวนที่พี่อาร์มให้หนูไว้ หนูตั้งใจจะเอาไปคืน แต่ดันลืมไว้ที่ร้านขนมตอนที่ไปฝึกทำขนมกับเตี่ยไงคะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นพี่นิวที่เซ้งร้านต่อจากเตี่ย หลังจากนั้นหนูก็เรียกรถแท็กซี่เพื่อไปเจอกับพี่อาร์มเพื่อไปคืนแหวน แต่หนูไม่เข้มแข็งพอ หนูร้องไห้จนน้ำตามันท่วมตามองไม่เห็นว่ามีรถพุ่งเข้ามาหา แล้วพี่นิวก็เข้ามาช่วยอย่างไม่คิดชีวิต และนี่หนูจะคิดว่ามันคือพรหมลิขิตค่ะแม่ คนบนนู้นส่งผู้ชายที่จิตใจดีมาให้หนูแล้ว ถึงไม่ต้องผูกดวงหนูก็รู้ ใจของหนูเปิดรับพี่เค้าตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้วค่ะ" ณรรรดาอธิบายยืดยาวที่สุดเท่าที่เคยพูดมาพร้อมกับปาดน้ำตาเป็นระยะ ๆ แต่เป็นน้ำตาแห่งความยินดีที่เธอได้รู้ใจตัวเองเสียที
"เตียว่าลองมองคนอื่นดูบ้างดีมั๊ยลูก"
"เตี่ยกับแม่ห้ามขัดขวางหนูด้วย ไม่งั้นหนูจะไปอยู่เมืองนอกไม่กลับมาให้เตียกับแม่เห็นหน้าเลยคอยดู"
ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..ฮ่า..
"เอาเป็นว่าคนนี้นะ ตรงใจ เตี่ยแค่ลองใจเราดูเฉย ๆ ว่าเราจะว่ายังไงถ้าเตี่ยห้ามไม่ให้คบกับพี่เค้า" เขมรัฐหัวเราะร่าอย่างคนอารมณ์ดี
"แหม..ไอ้ผัวบ้า ไอ้เราหรือก็ให้ใจไปกับเจ้าหนุ่มบอดี้การ์ดแล้วตั้งครึ่งค่อน มาพูดให้ใจเสีย อยากตีปากจริง ๆ พูดเล่นไม่ดูเวลา เดี๋ยว…เถอะ" วรรณดาชี้หน้าคาดโทษสามีอย่างคนอารมณ์ไม่ลง
"แค่ล้อเล่นเฉย ๆ จ้ะเมียจ๋า วันพรุ่งนี้เราไปหาอาจารย์กันเน๊าะ ไปดูดวงให้ลูกกัน" เขมรัฐเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"แล้วเราจะรู้วันเดือนปีเกิดเจ้าหนุ่มบอดี้การ์ดได้ยังไงเล่าเตี่ย จะขอตรง ๆ เลยเหรอ อายเค้าแย่เลยนะ" วรรณดาเอ่ยถามคิ้วขมวด
"ก็ประวัติรักษาไง มีบัตรประชาชนของเค้าอยู่ไง แม่ก็"
"เออ…ลืมเลยเตี่ย แม๊ะ เตี่ยนี่ก็ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย ไอ้เรื่องเจ้าเล่ห์ขี้กวง ไร้สาระนี่ขอให้บอก"
"นี่ชมใช่มั๊ยแม่"
"อือ..ชมซิ" วรรณดาเอ่ยยิ้ม ๆ