ความเดิม- "เธอทำอะไรของเธอน่ะ ณรรรดา เธอเป็นลูกที่มีพ่อมีแม่นะ ถ้าท่านทั้งสองรู้จะเสียใจขนาดไหน"
ฮึ่ม… แค่ก ๆ แค่ก ๆ นวนนท์แค่นเสียงดุคนตัวเล็กเสียงกร้าวด้วยอาการปอดอักเสบที่ยังไม่หายดีแล้วใช้พลังปอดในการพูดเสียงดังจึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บหน้าอกจนต้องไอออกมา
…………………………………….
ด้านณรรรดาได้แต่รู้สึกผิดและตบไปที่หน้าอกของคนพี่เบา ๆ เพราะหวังว่าจะทำให้คนพี่คลายจากอาการเจ็บปวดได้บ้างแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมถึงหน้าอกให้คนพี่แล้วลูบที่หน้าอกไปมาสองสามครั้งจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน
"ใบตองคงมารบกวนเวลาพักผ่อนของพี่นิวจริง ๆ ด้วยแหละ พักผ่อนนะคะ ใบตองจะกลับบ้านแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของหนูแล้วหนูจะมาเยี่ยมแต่เช้านะคะอย่าเพิ่งหนีไปไหนล่ะ"
จุ๊บ!! ณรรรดาใช้ความไวจูบหนัก ๆ ไปที่แก้มของชายหนุ่มไปหนึ่งทีแล้ววิ่งปรู๊ดออกไปจากห้องอย่างไม่เหลียวหลัง
ด้านคนป่วยได้แต่นอนตาค้างอยู่อย่างนั้นสักพักแล้วกระพริบตาถี่ ๆ หันไปมองที่ประตูห้องก็พบแต่ความว่างเปล่าเสียแล้ว
'ยัยบ้าเอ๊ย…..ทำอะไรของเธอนะ ถ้าคนในครอบครัวของเธอรู้เค้าจะว่ายังไง โอ๊ย..กุจะบ้า' ชายหนุ่มนอนรำพึงรำพันอยู่อย่างนั้น และทำท่าว่าจะนอนไม่หลับเสียแล้วซิ จึงลุกขึ้นมานั่งบนเตียงในท่ายกขาขึ้นมาระดับอกแล้วยกแขนพักข้อศอกลงไปที่เข่าแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมขมับและมืออีกข้าวยกมากุมที่หน้าอกข้างซ้ายอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้เลยว่ามีใครคอยสังเกตและเกาะติดสถานการณ์อยู่ทุกเมื่อ
ตัดมาที่เขมรัฐ
@บ้านพลผลาดล
เขมรัฐนั่งรอลูกสาวอย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่หน้าบ้านสักพักใหญ่ สลับกับดูมือถือเป็นระยะ ๆ สักพักก็เห็นหัวรถของลูกสาวโผล่เข้ามาที่หน้าประตูรั้ว เขามีคำพูดหลายคำที่เตรียมไว้ที่อยากจะพูดต่อว่าลูกสาวตัวดี แต่เมื่อใครบางคนลงจากรถและเดินเข้ามาในบ้านแล้ว
หมับ.. (ลูกสาวตัวเล็กตัวน้อยที่เข้ามานั่งคุกเข่าแล้วกอดผู้เป็นบิดาแล้วซุกหน้ากับอกอุ่น)
"ขอบคุณนะคะเตี่ยที่ช่วยพาสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตหนู พี่เค้าเป็นคนดีจริง ๆ ค่ะ ไม่ฉวยโอกาสกับหนูเลยสักนิด แถมยังต่อว่าหนูอีก เตี่ยกับแม่ยังเคยว่าหนูขนาดนี้เลย"
ด้านเขมรัฐได้แต่ยิ้มในหน้าแล้วลูบผมลูกสาวด้วยความรักและเมตตา
"รู้ใช่มั๊ยที่ทำน่ะมันไม่งาม ถ้าเป็นคนอื่นจะรอดมั๊ย ผู้ชายน่ะต่อให้บาดเจ็บถ้าโดนรุกขนาดนั้นเค้าไม่ปล่อยไว้หรอกนะ ยกเว้นก็แต่เค้าจะไม่รัก หรือเค้าเป็นคนดีที่รักเราอย่างจริงใจ" ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบในใจก็นึกขำลูกสาวที่ทำให้ผู้ชายอกสามศอกนั่งกุมขมับได้
"เตี่ยรู้แล้วใช่มั๊ยคะ"
"อือ…นายณัฐส่งคลิปมาให้ดูล๊ะ ทีหน้าทีหลังอย่าไปทำแบบนี้กับใครนะลูก เตี่ยไม่อนุญาต"
"แสดงว่าทำกับพี่นิวได้คนเดียวใช่มั๊ยคะ" คนตัวเล็กเอ่ยถามขึ้นตาใส
"ไม่ได้ กับนายนิวก็ไม่ได้ พี่เค้าจะหมดความอดทนกับเรานะซิ มันจะมองหน้ากันไม่ติด"
"พี่นิวเค้ารังเกียจใบตองขนาดนั้นเลยเหรอคะเตี่ย จริงซิเวลาใบตองเข้าไปใกล้ ๆ พี่เค้าเบือนหน้าหนีใบตองตลอดเลยค่ะ ต้องใช้เล่ห์กลบังคับสารพัดถึงจะยอมหันมาคุยด้วย"
"ใช้หัวใจ แล้วหนูจะรู้เอง แต่เตี่ยอยากให้หนูรักตัวเองให้มาก ๆ อย่ารักคนอื่นจนไม่ลืมหูลืมตา ถ้าเค้ารักเราเค้าจะโอนอ่อนผ่อนตามและเป็นฝ่ายเข้าหาเราเองไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไร เค้าจะฝ่าฟัน หนูแค่อยู่ตรงนี้สวย ๆ ก็พอ" เขมรัฐพูดจบก็กอดลูกสาวแล้วลูบหลังไปมาอย่างปลอบประโลม เขาต้องการจะสื่อสารให้ลูกสาวเข้าใจความหมายมากที่สุด
"เตี่ยพูดคล้าย ๆ พี่นิวเลยค่ะ พี่นิวก็ชอบพูดประมาณนี้เลยค่ะ"
ด้านณรรรดาเข้าใจความหมายที่บิดาพยายามจะสื่อสารมากที่สุด แต่เธอจะทำได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเวลาอยู่ใกล้เขาคนนั้นเมื่อไรคล้ายมีแรงดึงดูดให้อยากเข้าไปใกล้ รู้สึกอบอุ่น อยากคลอเคลียร์อยู่ไม่ห่าง อยากรู้จริงว่าใครคนนั้นจะรู้สึกเหมือนกันกับเธอบ้างหรือเปล่า
เช้าวันใหม่
ณรรรดาตื่นตั้งแต่เช้าแล้วเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารสำหรับคนป่วย แต่เมื่อเข้าไปในก็พบมารดากำลังเตรียมอาหารอยู่ก่อนแล้ว
"อ้าว..แม่มื้อเช้านี้ทำข้าวต้มหรือคะ เหมือนอาหารคนป่วยเลย" ณรรรดาเอ่ยยิ้ม ๆ
"ก็ใช่นะซิ อ่ะเอาไปให้พี่เค้าซ๊ะ เราจะกินที่นี่หรือจะไปกินกับพี่เค้าล่ะ" วรรณดาเอ่ยยิ้ม ๆ มือก็หยิบนั่นจับนี่ตระเตรียมของให้ลูกสาวไม่หยุด
"กินที่นู่นค่ะ" ณรรรดายิ้มกว้างอย่างนึกขอบคุณมารดาและรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างที่สุดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอจะเข้มแข็งเสมอ เธอคิดว่าอย่างนั้น
"อืม เดี๋ยวแม่จะได้จัดจานชามไปให้ มีผลไม้ด้วยนะ หั่นไว้ให้เรียบร้อยล๊ะ….อ้อให้คนรถบ้านเราไปส่งนะลูกอย่าขับรถเองเลย" วรรณดาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจึงไม่อยากให้ลูกสาวขับรถเอง
"อ๋อ ได้ค่ะแม่ ขอบคุณนะคะ งั้นหนูไปเลยนะคะ จุ๊บ…รักแม่นะคะ" ณรรรดาขอบคุณมารดาจากใจและหอมแก้มไปหนึ่งทีหนัก ๆ แล้วหิ้วตะกร้าของกินออกไปอย่างเร่งรีบอยู่ในที
อีกด้านของผู้ที่แอบมองอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นลูกสาวออกไปไกลแล้วจึงแสดงตัวออกมา
"แม่คิดว่ายังไงเหรอถึงได้ไม่ให้ลูกสาวขับรถเอง" เขมรัฐเอ่ยถามภรรยาอย่างพอจะดาคำตอบได้
"แล้วเตี่ยคิดว่ายังไงล่ะ"