ทางด้านน่านน้ำคืนนี้เขามีนัดออกไปดื่มกับเจย์และภูผาที่ผับประจำ ด้วยอารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเที่ยงทำให้จิตใจว้าวุ่น จึงได้ตัดสินใจนัดเพื่อนๆ ออกมาอย่างกะทันหัน แต่มีหรือที่เพื่อนทั้งสองคนจะปฏิเสธเมื่อชายหนุ่มเอ่ยปากว่าจะเลี้ยง
“เป็นไรวะ นัดพวกกูมาดื่มแต่ก็ทำหน้าอย่างกับคนหมดอาลัยตายอยาก” เจย์ที่นั่งดื่มมาสักพักก็อดไม่ได้ที่จะถาม เพราะน่านน้ำเอาแต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปม เขาและภูผาต่างก็พูดคุยหัวเราะกัน แต่น่านน้ำกลับทำสีหน้าเคร่งเครียดราวกับคนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ
“หน้ากูมันฟ้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ” น่านน้ำหันไปถามเพื่อน
“ก็เออดิวะ” ภูผาตอบก่อนจะถามต่อ “สรุปแล้วมึงเป็นอะไร”
น่านน้ำยื่นมือไปหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกแทน ก่อนจะนั่งนิ่งและคิดว่าจะเริ่มเล่าออกไปอย่างไรดี
“ช่างมันเถอะ พวกมึงรู้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้” เขาเลยเลือกที่จะตอบปัดแทน
“เอาอีกละ มึงนี่ชอบทำให้พวกกูอยากรู้ แต่พอถามก็ไม่บอก” เจย์ตัดพ้อเพื่อนรัก
“มันไม่อยากบอกก็ช่างแม่งเหอะ จะเครียดไปทำไมวะ มาดื่มกันต่อดีกว่า พวกมึงดูสาวๆ โต๊ะนั้นซะก่อน งานดีว่ะ” ภูผาตอบเพื่อนแต่สายตากลับจ้องไปที่สาวๆ ที่แต่งกายเผยให้เห็นสัดส่วนยั่วยวนใจ
“ดีโคตรๆ ว่ะ ขาวสวย หมวย นมก็โคตรเด้งน่าฟัด” เจย์มองตามแล้วเอ่ยเสริม ดวงตาเปล่งประกายแวววับราวกับเสือที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อที่ล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้า
คงจะมีแต่คนชวนมาที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้หญิงคนไหนเลย แม้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาจะเป็นที่น่าจับจ้องของสาวน้อยใหญ่ในผับ แต่น่านน้ำก็ไม่ปรายตามองผู้หญิงพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ
“ตามสบายพวกมึงเลยแล้วกัน กูขอนั่งดื่มอย่างเดียวดีกว่า” น่านน้ำตอบเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเพื่อดับความสับสนในใจ
ทั้งที่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกสับสนวุ่นวายใจได้ขนาดนี้มาก่อน แล้วผู้หญิงอย่างแพรวามีอะไรดีกัน ถึงทำให้เขาตกอยู่ในห้วงความรู้สึกแบบนี้ได้
แพรวาที่นั่งดื่มกับเพื่อนสาวอดีตดาวต่างคณะ หนุ่มสาวรุ่นพี่และรุ่นน้องต่างก็แวะเวียนผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาทักทายพูดคุยกันตามประสาศิษย์เก่าที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน และเวลานี้ก็ดึกมากแล้ว
“เอาเป็นว่าต่อไปหากมีอะไรเรานัดไปเจอกันที่ร้านของคัพเค้กดีไหม” อังเอ่ยชวนเพื่อนๆ
“ก็ดีเหมือนกัน ฉันว่านี่ก็ดึกมากแล้วพวกเรากลับกันเถอะ พรุ่งนี้ฉันยังต้องเตรียมเอกสารการสอนอยู่”
แพรวาเห็นว่านี่ก็เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้วจึงได้ชวนเพื่อนๆ กลับ แม้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุด แต่เธอก็ยังต้องตื่นมาเตรียมเอกสารการสอนให้กับนักเรียนของเธอ เพราะถ้าดึกกว่านี้พรุ่งนี้เธออาจจะตื่นสายและไม่มีสมาธิกับงาน
“โอเค ไว้เราพวกเรานัดกันที่ร้านของฉันนะ” เจ้าของร้านอย่างคัพเค้กเอ่ยขึ้น
“ได้เลย จะนัดกันเมื่อไรก็แชทมานะ” พราวมุกเอ่ยกับเพื่อนรักทั้งสี่คน
“โอเค งั้นพวกเราแยกย้ายกันกลับเถอะ” น้ำตาลเอ่ยปิดท้าย ก่อนที่เพื่อนทุกคนจะพากันลุกออกจากโต๊ะกันอย่างพร้อมเพรียง
แพรวากลับถึงบ้านก็ขึ้นไปบนห้องนอนทันที คืนนี้จะว่าดื่มไม่เมาแต่มันก็รู้สึกมึนอยู่มาก ดีที่ก่อนไปได้อาบน้ำแล้วจึงได้ล้มตัวนอนบนเตียง เมื่อเรื่องหนักใจได้ถูกแชร์ให้เพื่อนสาวรับฟัง มันก็เหมือนได้ระบายความอัดอั้นที่มีมาตลอดหลายสัปดาห์
เรื่องคืนนั้นที่ถูกเก็บซ่อนมานาน แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว แถมเธอยังกลายเป็นผู้หญิงใจง่ายที่รักสนุกแต่ไม่ผูกพันไปแล้ว ด้วยลมที่พ่นออกจากปากของเธอเอง
นี่ก็ดึกมากแล้ว และยังดื่มมาจนมึนได้ที่ แต่ทำไมเธอถึงได้นอนไม่หลับเอาแต่พลิกตัวไปมา ภายในหัวก็ฉายภาพตั้งแต่วินาทีที่เจอหนุ่มรุ่นน้องที่หน้าห้องน้ำของผับ ตอนที่เขาช่วยเธอจากไอ้ผู้ชายมักมากในกาม แล้วเธอก็ขอให้เขาไปส่งที่คอนโด
หรือเป็นเพราะเธอใจง่ายจริงๆ เรื่องอย่างว่ามันถึงได้เกิดขึ้น เพราะไม่มีผู้หญิงรักนวลสงวนตัวคนไหนจะชวนผู้ชายมาส่งทั้งที่ยังไม่รู้จักกันหรอก
“เฮ้อ…” เสียงที่เปล่งออกมาพร้อมกับลมหายใจที่ถูกถอนจากโพลงจมูกด้วยความหนักใจ สาบานเลยว่าจะไม่ไปผับคนเดียวแล้วดื่มหนักแบบคืนนั้นอีกแล้ว
หลังจากดื่มจนเมาชายหนุ่มทั้งสามคนต่างก็แยกย้ายกันกลับ โดยที่ไอ้เสือหนุ่มทั้งสองอย่างเจย์และภูผาต่างก็ควงหญิงสาวที่เจอกันในผับกลับคอนโดของตัวเองไปด้วย และคงไม่ต้องบอกว่ายอมไปด้วยกันง่ายๆ แบบนี้ไปทำอะไร
เพื่อนรักสามคนที่นั่งดื่มด้วยกันตั้งแต่ค่ำจนเกือบเที่ยงคืน เหล้าหมดไปทั้งสิ้นสามขวด แต่ก็ยังไม่สามารถคลายความทุกข์ที่อยู่ในใจของน่านน้ำได้
แล้วจะทุกข์เรื่องอะไรล่ะ ก็แค่ผู้หญิงที่มีวันไนท์สแตนกับเขาแค่ครั้งเดียว ขนาดเธอยังบอกว่าเราไม่ได้คุ้นเคยหรือสนิทสนมกันเลย แล้วทำไมเขาจะต้องมาแบกรับเรื่องพวกนี้เอาไว้เพียงคนเดียวด้วย
น่านน้ำขับรถกลับบ้านด้วยอาการมึนเมา ดวงตาคู่คมปรือลงเล็กน้อยแต่ก็ยังพอครองสติให้พาตัวเองขับรถกลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย ตลอดทางที่ขับมาหัวสมองบ้าๆ ก็ได้แต่ขบคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าจะคิดให้ได้อะไรขึ้นมา ขนาดผู้หญิงยังไม่คิดหนักเท่าเขาเลย
เมื่อห้ามความคิดในหัวไม่ได้ ก็ทำได้แค่ต่อว่าตัวเองที่ดันคิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว
หลังจากลงจากรถน่านน้ำก็ขึ้นไปบนห้องของตน พลางคิดถึงเรื่องคืนนั้นและจำได้ว่าเธอลืมเสื้อคลุมเอาไว้บนรถของเขา น่านน้ำจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อตัวนั้นออกมา
ในขณะที่แพรวาก็ยังนอนไม่หลับจึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถหน้าจอดูอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วเสียงก๊อก ก๊อก ก็ดังมาจากชั้นล่างของบ้านอยู่หลายครั้งจนหญิงสาวสะดุ้งตกใจหันไปมองนาฬิกา นี่มันเที่ยงคืนสี่สิบนาทีแล้ว ดึกดื่นป่านนี้ใครกันที่มาเคาะประตู คงไม่ใช่ขโมยหรอกใช่ไหม
ความกลัวปรากฏขึ้นพร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่เต้นโครมครามไปด้วยความตื่นกลัว แต่ความกล้าที่มีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ก็บอกให้เธอลองลงไปดูที่ชั้นล่าง
แพรวาลุกออกจากเตียงนอน ค่อยๆ ก้าวเท้าลงบันไดด้วยน้ำหนักเท้าที่เบาที่สุดเพื่อไม่ให้คนด้านนอกรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวภายในบ้าน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก… เสียงเคาะดังขึ้นเป็นระยะ แต่ก็ไม่มีเสียงเรียกหรือแสดงตัวว่าเป็นใครกันแน่ที่มาบ้านของเธอเอาป่านนี้
แพรวาย่องไปยื่นอยู่ข้างประตู ด้านข้างเป็นหน้าต่างที่มีผ้าม่านปิดเอาไว้อยู่ จึงได้แอบมองผ่านช่องของผ้าม่าน หามุมเพื่อให้เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู
ก๊อก ก๊อก…
“น่านน้ำ” เมื่อเห็นบุคคลต้องสงสัยแพรวาก็ขมวดคิ้วมุ่นเผลอเรียกชื่อออกมาเสียงเบา
เขามาทำไมในเวลาที่ดึกขนาดนี้ แล้วในมือนั้นคงไม่ใช่เสื้อที่เธอลืมเอาไว้ใช่ไหม หัวสมองกำลังประมวลผลจากภาพที่เห็น ผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าประตูถือเสื้อตัวหนึ่งที่เหมือนกับเสื้อคลุมของเธอที่ลืมเอาไว้ไม่มีผิด ลักษณะท่าทางเหมือนคนที่ดื่มมาอย่างหนัก น่านน้ำคิดจะทำอะไรของเขากันแน่
ขณะที่คิดอยู่ ปากก็ได้ไปไวกว่าความคิด
“นายมาทำไม” และก็ได้ถามอีกฝ่ายผ่านบานประตูที่ขวางกั้นเขาและเธอเอาไว้
“เปิดประตูให้หน่อยสิ ผมเอาเสื้อมาคืน” น่านน้ำตอบด้วยน้ำเสียงยานแบบคนเมา
“เอาห้อยไว้ตรงลูกบิดนั่นแหละ” แพรวาตอบคนเมา ไม่รู้ว่าจะมาคืนเสื้ออะไรเวลานี้ หรือว่าเมาจนลืมดูเวลา
“ไม่ เปิดประตูให้ผมหน่อย ผมแค่จะคืนเสื้อ”
คนเมาพูดไม่รู้เรื่อง แพรวาจึงยืนนิ่งชั่งใจอยู่นานนับนาที จะเปิดหรือไม่เปิดดี ในขณะที่หัวก็ยังไม่ทันที่จะคิดให้ดี มือของเธอก็ดันยื่นไปเปิดประตูให้เขาแล้ว
อยากจะบ้าตาย พอดื่มมาแล้วชอบใจกล้าแบบนี้ทุกที
“เอาเสื้อมาสิ” แพรวายื่นมือออกไปรับเสื้ออย่างขอไปที พร้อมกับเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ไม่ได้รับแขกอะไรมาก เพราะมันไม่ใช่เวลาที่เขาจะหาเรื่องมาหาเธอในเวลานี้
แต่ไม่รู้ว่าเธอคิดถูกหรือคิดผิด เพราะนอกจากน่านน้ำจะไม่ให้เสื้อกับเธอแล้ว เขายังเดินเข้ามาในบ้านจนเธอต้องก้าวถอยหลังเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ จากนั้นน่านน้ำก็หันหลังไปปิดประตู