เมื่อหลินตงหนิงพาสองแม่ลูกบ้านชุนมาถึงก็เดินตรงมาหลังบ้านที่ทุกคนทำงานกันอยู่
“เจียวเจียวพี่พาชุนเผิงกับป้าชุนมาแล้ว” หลินตงหนิงบอกกับน้องสาว
“สวัสดีค่ะป้าชุน พี่ชุนเผิง พี่รองบอกแล้วใช่ไหมคะว่าฉันต้องการให้มาช่วยทำของส่งร้านคุณจ้าว”
“บอกแล้ว แต่ว่าป้าและชุนเผิงอาจจะช่วยได้แต่ตอนที่ไม่มีงานที่กองพลน้อยเท่านั้นนะ หรือไม่ก็คนใดคนหนึ่ง” เธอรู้ดีว่ากองพลน้อยให้แต่ละบ้านส่งคนอย่างน้อย หนึ่งคนมาทำงาน หากว่าจะทำงานกับเจียวเจียวก็ทำได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น
“เรื่องนั้นป้าไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวฉันส่งรายชื่อป้ากับพี่ชุนเผิงให้กับคุณจ้าว เขาจัดการให้ ตอนนี้พ่อ แม่ พี่รอง และพี่สามีก็ไม่ต้องทำงานที่กองพลน้อยแล้ว เมื่อเช้านี้คุณจ้าวมาเอารายชื่อไปแล้วค่ะ ถ้าป้าตกลงพรุ่งนี้ฉันจะฝากชื่อป้ากับพี่ชุนเผิงไปกับลูกน้องของคุณจ้าวค่ะ”
“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นป้าตกลง ดีใจจริงๆ ที่มีงานทำแล้ว ป้าจะได้เก็บเงินให้อาเผิงแต่งงานซะที” ป้าชุนรู้ดีว่าบ้านเธอนั้นยากจน ไม่มีหญิงสาวบ้านไหนอยากแต่งกับลูกชายของเธอ
“แม่ผมไม่รีบหรอก หากว่าพอมีเงินแล้วก็มีหญิงสาวอยากจะแต่งงานด้วย ผมยอมไม่แต่งด้วยหรอกหรือไม่ก็ให้ตงหนิงแต่งก่อนแล้วกันผมค่อยแต่งทีหลัง” เขายังไม่อยากที่จะแต่งงาน ไม่รู้จะรีบไปทำไม
“เฮ้ย นายอย่าโยนมาฝั่งนี้สิ แม่กับเจียวเจียวยิ่งอยากจะให้ฉันแต่งงานอยู่” หลินตงหนิงสะดุ้งโหยงเมื่อสหายโยนเรื่องนี้มาให้เขา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่าทำยังกับกลัวผู้หญิงไปได้ ยังไงนายและฉันก็ต้องแต่งงานอยู่ดี แต่ว่าตอนนี้เนื้อคู่ของฉันยังไม่เกิด นายเลยต้องแต่งไปก่อน” ชุนเผิงเอ่ยหยอกสหาย
“ตกลงทั้งสองคนรับปากแล้วนะคะ ที่นี่เข้าง่ายออกยากนะฉันบอกไว้ก่อน” หลินเจียวเจียวแกล้งขู่
“ได้ป้ารับปาก อาเหิงก็ทำด้วยเหมือนกันถ้าเจียวเจียวบอกว่าคุณจ้าวจัดการเรื่องงานที่กองพลได้ป้าก็ไม่มีปัญหา”
จากนั้นทั้งหมดก็ช่วยกันทำงาน ถึงแม้ว่ายอดสั่งซื้อจะเยอะ แต่เมื่อมีคนช่วยกันทำมากขึ้นเวลาทำงานจึงไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่
หลินเจียวเจียวคิดว่าอยากจะทำเตาอบขนมสักสองเตาที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า เธอเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งที่เธอหยิบออกมาจากห้างสรรพสินค้าเพื่อที่จะอ่านในยามว่าง และมันก็ไม่ต่างจากยุคของเธอสักเท่าไหร่ เผื่อเธออาจจะทำขนมแบบใหม่ส่งคุณจ้าว เธอเคยเห็นในหนังสือสอนทำขนมมันมีหลายอย่างมากที่ไม่ต้องใช้วิธีนึ่ง แต่ใช้เป็นการอบแทน หลินเจียวเจียวคิดว่าหากเธอทำขายเธอจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกมาก เพราะตัวเธอเองอยากให้ทุกคนที่เชื่อมั่นเธอและทำงานกับเธอนั้นร่ำรวยไปพร้อมกัน เธอไม่อยากที่จะเห็นคนที่ดีกับเธอนั้นลำบากอีกต่อไป
“พี่ใหญ่ ฉันอยากให้ทำเตาอบให้หน่อย เอาสักสองเตาไว้ที่หลังบ้านนี่แหละ พี่ช่วยทำให้หน่อยได้ไหม”
“ได้สิ แต่ว่ามันหน้าตาเป็นยังไงละ เราสามารถบอกหรืออธิบายได้ไหม” ซ่งฮ่าวหยูถามถึงสิ่งที่น้องสะใภ้ต้องการ
“นี่ไงแบบนี้ ฉันเจอหนังสือเล่มนี้ตอนที่เข้าไปในตลาดมืด แล้วยังมีหนังสือสอนทำอาหารและขนมอีกด้วยนะ ฉันดูว่ามันน่าสนใจเลยซื้อกลับมา” หลินเจียวเจียวบอกถึงที่มาเพราะไม่อยากให้ใครถามไปมากกว่านี้ จากนั้นก็เอารูปให้พี่สามีและคนอื่นๆ ดู
“อืม ไม่ยากและวัสดุอุปกรณ์ก็หาได้ง่ายมาก เดี๋ยวพี่ขึ้นเขาไปหาก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ตามลำธารมาทำฐานให้ก่อนดีกว่า วันนี้ไม่มีงานอะไรแล้วนี่ทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว” ซ่งฮ่าวหยูมองจากภาพมันไม่ยากเท่าไหร่แถมยังมีคำอธิบายที่อ่านแล้วก็พอจะเข้าใจอีก เมื่อเห็นว่าตัวเองว่างแล้วจึงคิดที่จะเริ่มหาวัสดุอุปกรณ์
“แล้วเราไม่ต้องทำจากอิฐหรือว่าจากปูนเหรอพี่ใหญ่” หลินเจียวเจียวคิดว่าต้องใช้สองอย่างนี้เป็นวัสดุหลัก
“ไม่ต้องเราอาหินก้อนใหญ่มาเป็นฐานแล้วใช้ดินแทนปูนดีกว่าพี่ว่าหากเราอบขนมมันจะหอมกว่าไหม”
“จริงด้วยพี่ งั้นเอาตามที่พี่ว่าแล้วกัน” หลินเจียวเจียวเธอทำไม่เป็นหรอกไม่รู้ว่าอะไรดีกว่ากัน จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ใหญ่ไป
วันเวลาของหลินเจียวเจียวก็หมดไปกับทำของส่งและทำขายที่ตลาดนัด จนตอนนี้เวลาก็ผ่านมา หนึ่งเดือนแล้วหลังจากที่ทำสัญญากับคุณจ้าว เธอก็ยังคงทำเป็นไปซื้อของเข้ามาวันเว้นวัน รวมถึงต้องออกไปส่งของให้กับอ้ายหลินด้วย ตอนนี้ลูกๆ ของเธอรวมทั้งหลานสาวทั้งสองคนมีเนื้อขึ้นจนหน้าฟัดไปหมด แม้แต่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ด้วยเช่นกัน เอาเป็นว่าทุกคนที่อยู่กับเธอล้วนอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นกันทุกคน
แต่ละคนนั้นล้วนมีรอยยิ้มที่ใบหน้ากันทั้งนั้น ไม่มีใครที่ต่อให้ยิ้มแย้มแต่มีความเศร้าหลงเหลืออยู่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ส่วนแม่สามีและลูกสะใภ้สุดที่รักนั้นมีบ้างที่มาด้อมๆ มองๆ แต่เมื่อเห็นว่าคนอยู่กันเต็มบ้านก็ไม่กล้าที่จะเข้ามา
วันนี้หลินเจียวเจียวให้สามหนุ่มออกไปขายซาลาเปาส่วนเธอและพี่สะใภ้จะลองทำขนมกุยช่ายดูตามหนังสือสอนทำอาหาร เธอมองว่ามันไม่ยากและน่าจะขายได้ ตอนนี้อะไรที่ทำแล้วได้เงินทุกคนก็ยินดีที่จะทำกัน
“พี่ใหญ่ พี่รอง พี่ชุนเผิง วันนี้พี่ทั้งสามคนต้องไปขายของที่ตลาดนัดนะ ฉันจะลองทำขนมตัวใหม่ดู ถ้าหากอร่อยเราจะมีรายได้เพิ่มเข้ามาอีก”
“ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ว่าเจียวเจียวต้องแบ่งขนมที่ทำไว้ให้พวกพี่ด้วยนะ” หลินตงหนิงบอกกับน้องสาว เพราะเจียวเจียวทำอะไรก็อร่อยไปเสียหมดทุกอย่างจนตอนนี้เขารู้สึกว่าเสื้อผ้าของเขาจะคับแล้ว
“ได้สิฉันจะแบ่งไว้ให้ทั้งสามคนเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ตอนนี้พี่ชายทั้งสามคนกลายเป็นคนเห็นแก่กินกันหมดแล้ว ทำให้เธอนึกถึงพี่ใหญ่ของเธอเหลือเกิน เธออยากให้พี่ใหญ่กลับมาอยู่บ้าน ไม่อยากให้ทำที่โรงงานอีกแล้ว แม้ว่าสวัสดิการจะดีแค่ไหนแต่ต้องอยู่ห่างจากครอบครัว เธอคิดว่าวันหยุดครั้งหน้าของพี่ใหญ่เธอจะลองคุยดูเผื่อว่าพี่ใหญ่จะเห็นด้วย
เมื่อสามหนุ่มเข็นรถมาถึงตลาดก็เหมือนเดิมเช่นทุกครั้งคือจะมีชาวบ้านมายืนรอกันอยู่แล้ว ทั้งสามคนจัดร้านกันไม่นานก็เสร็จ ชาวบ้านต่อแถวเหมือนเดิมเพราะเจียวเจียวบอกว่าหากใครแซงคิวเธอจะไม่ขายให้คนนั้นอีก
“เอาละครับต่อแถวกันเช่นเคยนะครับ” ซ่งฮ่าวหยูบอกกับลูกค้าที่ทยอยเข้ามาต่อคิวซื้อ
“ของป้า ไส้เนื้อ สิบลูก เกี๊ยว สิบตัว ขนม นี่สิบชิ้น” ป้าหยูลูกค้าเจ้าประจำที่มาซื้อทุกครั้ง
“วันนี้ซื้อเยอะนะครับป้า” ซ่งฮ่าวหยูถามด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้ลูกๆ กลับมาบ้านป้าเลยอยากซื้อไปให้ลูกๆ ได้กิน”
“ของป้าได้แล้วครับ ผมแถมไส้ผักใส่ไปแล้วนะ วันนี้ป้าซื้อเยอะผมแถมขนมให้อีก สองชิ้น ขอบคุณมากนะครับ” ซ่งฮ่าวหยูรู้วิธีขายแบบนี้กับเจียวเจียว หากใครซื้อเยอะแถมไปนิดหน่อยก็ไม่ขาดทุน
“ขอบใจมาก ป้าไปก่อนนะครั้งหน้าเจอกัน” ป้าหยูจ่ายเงินพร้อมกับรับขนมและซาลาเปาไป
“พี่ฮ่าวหยูวันนี้พี่เจียวเจียวไม่มาเหรอ” ฟางรั่วซีถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่สาวเจียวเจียวของเธอไม่มา
“ใช่ วันนี้เจียวเจียวลองทำขนมตัวใหม่ เลยไม่ได้มานะ” ซ่งฮ่าวหยูตอบ
เขารู้จักเด็กสาวตรงหน้านี้ทั้งสองคน สองคนเป็นฝาแฝดและกำพร้าไม่มีญาติที่ไหน เลี้ยงชีพด้วยหาผักป่ามาขาย ทั้งสองคนนิสัยดี ไม่อย่างนั้นคนอย่างเจียวเจียวไม่คบหรือคุยด้วยแน่ ทุกครั้งที่ทั้งสองคนขายของหมดก็จะมาช่วยขายเหมือนเช่นวันนี้ เจียวเจียวเคยให้เงินแต่ทั้งสองคนไม่รับ ทุกครั้งเจียวเจียวเลยจะให้ซาลาเปากลับไปกินรวมทั้งเขาเองก็ให้ขนมกลับไปด้วย
“แล้วเราทั้งสองคนขายหมดแล้วเหรอ”
“หมดแล้วพี่วันนี้หาของได้น้อย” ฟางชิงอีคนน้องตอบ
“มาค่ะพวกเราช่วยขาย แต่ว่าพี่ชายทั้งสองคนนี้เป็นใครเหรอคะพี่ฮ่าวหยู” ฟางรั่วซีถามขึ้นเพราะเธอไม่เคยเห็นหน้า
“นี่ชื่อหลินตงหนิงเป็นพี่ชายของเจียวเจียว ส่วนนี่ชุนเผิงเป็นสหายของตงหนิงทั้งสองคนทำงานกับเจียวเจียวเหมือนกับพี่นี่แหละ”
“สวัสดีค่ะพี่ชาย ฉันชื่อฟางรั่วซีเป็นแฝดพี่ค่ะ” ฟางรั่วซียิ้มให้ทั้งสองคน
“สวัสดีค่ะพี่ชาย ฉันชื่อฟางชิงอีเป็นแฝดน้องค่ะ” หางชิงอีเองก็ไม่ต่างจากพี่สาวพูดด้วยรอยยิ้มเหมือนกัน
“ให้พวกเราช่วยนะคะ พี่เจียวเจียวอยู่เราสองพี่น้องก็มาช่วยขายอยู่แล้ว” ฟางชิงอีบอกกับสองหนุ่ม
หลินตงหนิงและชุนเผิงก็ถอยมาด้านหลังให้สองพี่น้องมาแทนพวกเขาที่ยืนอยู่ ฟางรั่วซีและฟางชิงอีต่างก็เรียกลูกค้าแถมยังมีเสียงพูดเจื้อยแจ้วกันอีกด้วย สร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าที่มาซื้อและชาวบ้านผ่านไปผ่านมา
ไม่นานของที่เตรียมมาขายก็หมดลง ซ่งฮ่าวหยูนั้นแบ่งไว้ให้สองพี่น้องเหมือนเดิมเหมือนกับที่เจียวเจียวน้องสะใภ้เขาให้กับทั้งสองคน สาวน้อยทั้งสองคนกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็ขอตัวไปเก็บของเพื่อที่จะกลับบ้าน เมื่อสาวน้อยสองคนพี่น้องจากไป สามหนุ่มก็เข็นรถกลับบ้านเพื่อจะไปกินขนมแบบให้ที่เจียวเจียวทำขึ้น
ตะเข็บชายแดนของประเทศ
“แต่ละคนดูดีดีนะ เราไม่รู้หรอกว่าฝั่งตรงข้ามจะหลบซ่อนอยู่ที่ไหน หากคิดว่าตัวเองอยากกลับไปหาครอบครัวก็อย่าได้ประมาทเด็ดขาด ถึงแม้ว่าพวกนายทั้งหมดจะเป็นมือดีที่สุดของหน่วยก็ตาม”
เฟยหลงพูดกับลูกน้องที่มาร่วมภารกิจครั้งนี้ หน่วยของเขาต้องมาตรวจตะเข็บชายแดนเนื่องจากมีรายงานว่า มีฝั่งตรงข้าวแอบบุกรุกเข้ามา
“ผู้พันระวัง!” ซ่งเฉินหยางตะโกนเรียก เมื่อเขาเห็นว่าศัตรูกำลังเล็งปืนมาทางผู้พัน
“ปัง ปัง ปัง”
“เฉินหยาง” เสียงผู้พันเฟยหลงตะโกนเรียกลูกน้องที่เอาตัวมารับกระสุนแทนตน
บ้านหลินเจียวเจียว
“เพล้ง!”
“เกิดอะไรขึ้นเจียวเจียว ไหนแม่ดูสิโดนตัวรึเปล่าลูก” จางย่าเจียวรีบเข้ามาดูลูกสาวเมื่อได้ยินเสียงถ้วยแตก
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ พอดีว่าถ้วยมันหลุดมือนะแม่”
หลินเจียวเจียวบอกกับแม่ แต่ใจเธอตอนนี้เต้นกระหน่ำมาก เธอรู้สึกใจไม่ดีไม่รู้เกิดอะไรขึ้น
แต่ตอนนี้ใจเธอกลับคิดถึงสามีที่ออกไปทำภารกิจ ‘หรือว่าพี่เฉินหยางจะบาดเจ็บ แต่ไม่ใช่ช่วงนี้นี่ อีกตั้งเดือนครึ่งไม่ใช่เหรอ หรือว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนไป’ หลินเจียวเจียวได้แต่พูดกับตัวเองในใจ
********************