Chapter 1
“ปารวี ปภากุล” ชายหนุ่มเอ่ยชื่อนั้นออกมาเบาๆ รีบคว้าแฟ้มงานที่มีชื่อนั้นกางออก แม้เขาไม่รู้จักเจ้าของชื่อ แต่แน่นอนว่าเขารู้จักนามสกุลนี้เป็นอย่างดี
นามสกุลของน้องเขยที่เขาเกลียดเข้าไส้ เขาเกลียดที่หมอนั่นกล้าหักหน้าเขากลางงานแต่งงาน แล้วก็เยาะเย้ยที่ในที่สุดมันก็ได้น้องสาวสุดหวงของเขาไป และแน่นอนว่าครั้งนี้ คนเจ้ากี้เจ้าการส่งเจ้าหล่อนมาคงหนีไม่พ้นน้องเขยตัวร้าย หวังจะมาแทรกซึมเอาคนมาที่ไร่ ไม่มีทางเสียละที่เขาจะลืมความแค้นง่ายๆ
เขาวางแฟ้มลงบนโต๊ะ ทั้งที่ไม่ถูกนักที่จะเรียกมันว่าวาง เพราะแฟ้มประวัติของหญิงสาวร่วงลงไปกองกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
“อะไรของนายวะธามส์” เสียงของก้องหล้าทักขึ้นมา พร้อมกับหยิบเอกสารบนพื้นขึ้นมาดู เจ้าของไร่รีบดึงกลับทันที
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ฉันทำหล่นน่ะ เรื่องคนงานไปถึงไหนแล้ว” ชายหนุ่มตอบกลับเพื่อน และเปลี่ยนเรื่องไปทันที ปรับสีหน้าเกรี้ยวกราดเมื่อครู่ให้เรียบสนิทดังเดิม
“ฮือ...ก็มีบางส่วนที่เป็นพนักงานระดับปฏิบัติงาน ฉันรับเข้ามาบางส่วนแล้ว ส่วนพนักงานระดับหัวหน้างาน การตลาดและนักเคมี Technical Perfumer กับ Creative Perfumer หรือนักปรุงกลิ่น ฉันอยากให้นายดูด้วยตัวเอง นัดสัมภาษณ์ทั้งหมดวันจันทร์ ฉันว่าจะบอกแกพอดี ”
“อืม...ดีเหมือนกัน นายนัดคนมาเยอะหรือเปล่า แต่ว่าฉันรับเมธาวีเพื่อนของรษามาช่วยงานด้านการตลาด แต่ก็แล้วแต่นายนะ ว่าจะให้ช่วยที่โรงงานหรือไร่ชา แต่ฉันเคยเปรยกับอานินไปตั้งแต่ก่อนเราทำโรงงานแล้วว่าจะหาคนไปช่วยแบ่งเบาเรื่องการตลาดกับเอกสาร”
“ฉันว่าให้ไปช่วยที่ไร่ชาน่าจะดีกว่า ฉันเคยบอกน้องไปตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าจะให้ไปช่วยไร่ชา ช่วงนี้ฉันก็ยุ่งมากไม่ค่อยได้เข้าไปดูเท่าไร งานที่โรงงานฉันพอรับมือไหว ส่วนเรื่องรับพนักงาน...คนสมัครเข้ามาส่วนมากจะอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นสวนใหญ่ และมีปัญหาเรื่องการเดินทางมาเชียงรายเยอะเหมือนกัน แต่ฉันก็แจ้งไปแล้วว่าทางเราจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดให้ แล้วนี่ก็แฟ้มทั้งหมด...นายเอาไปดูก่อน” ก้องหล้าบอกพร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารให้เพื่อนที่รั้งตำแหน่งเจ้านายไปด้วย
“อืม...ดี ขอบใจนายมากนะก้อง...แล้วเรื่องบ้านพักที่จะรองรับพนักงานพร้อมนะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว หรือว่านายจะไปดูอีกทีก็ได้นะ เผื่อว่านายมีอะไรอยากจะเพิ่มเติมหรือแก้ไขได้ทันก่อนที่โรงงานจะเปิด”
ก้องหล้าเดินไปย่อตัวลงนั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง
“เหนื่อยหน่อยนะไอ้ก้อง ช่วงนี้ฉันยุ่งมากไม่ได้มาช่วยแกเท่าที่ควร” พ่อเลี้ยงธามส์บอกเพื่อนรักที่พ่วงตำแหน่งผู้จัดการโรงงานและเป็นคนสนิทที่สุดของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกธามส์...เหนื่อยหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าถ้าเราเห็นงานมันออกมาดี น้องรษาจะมาทำงานหรือยังล่ะ” ก้องหล้าตอบกลับไปโดยที่ไม่ละสายตาจากงานตรงหน้า ไม่วายที่จะถามถึงรษาที่บอกจะมาช่วยงาน ผัดผ่อนมาเป็นปี
“อีกไม่นานหรอก...คราวนี้ฉันจะทำให้รษามาช่วยงานให้ได้” พ่อเลี้ยงหนุ่มบอกอย่างหนักแน่น ตั้งแต่เรียนจบรษาก็ขอผลัดมาเรื่อยๆ จะเกิดเรื่องและแต่งงาน แต่คราวนี้เขาต้องแยกรษาให้กลับมาอยู่ไร่ให้ได้
“แกไม่ต้องห่วงงานทางนี้หรอก ฉันดูแลได้ ถ้าน้องรษายังไม่พร้อมก็ยืดออกไปก่อนได้” ชายหนุ่มละสายตาจากงานตรงหน้าหันมาบอกเพื่อนให้ได้คลายกังวล
“ไม่ได้หรอก ยิ่งมาได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี นายก็รู้ว่าฉันเกลียดหมอนั่นจะตาย”
“นายยังไม่ลืมอีกหรือ...น้องรษาก็แต่งงานไปแล้ว แกจะจงเกลียดจงชังเขาทำไมนักหนา” ก้องหล้าบอกเสียงเบื่อหน่าย เขาพูดเรื่องนี้มานับปี แต่เพื่อนก็ไม่มีวี่แววจะลบลอยความแค้นลงสักนิด ทั้งที่น้องเขยแสนเกลียดของเขาก็ดูแลน้องสาวเขาเป็นอย่างดี
“ฉันมีธุระในเมือง ต้องรีบไปนะ” พ่อเลี้ยงธามส์เปลี่ยนเรื่องพร้อมกับขยับตัวลุกแล้วก้าวออกจากโต๊ะทำงาน
“นายไม่ได้นัดใครนี่” ก้องหล้าถามอย่างแปลกใจ ปกติเขาไม่เห็นว่าพ่อเลี้ยงธามส์จะยอมออกจากไร่ หากไม่มีธุระจำเป็นหรือนัดกับลูกค้ารายสำคัญ และส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนไปแทนเสียมากกว่า
“ฉันก็จะไปคุยกับรษาให้รู้เรื่องนั่นแหละ”
ก้องหล้าพยักหน้ารับแกนๆ เขารู้ดีว่าศึกแย่งสาวน้อยนามว่ารษาจะไม่ยอมจบง่ายๆ พี่ชายก็หวงแสนหวง ส่วนน้องเขยก็ไม่ลดลาวาศอกลงสักนิด
หลังจากก้าวพ้นกรอบประตู ธามส์ก็ยกแฟ้มในมือขึ้นมองอย่างเจ้าเล่ห์ ในใจเหมือนจะปริแตกด้วยความดีใจ ชายหนุ่มซ่อนยิ้มร้ายเอาไว้ข้างใน ในที่สุดโอกาสของเขาก็มาถึง คราวนี้ไอ้ปรินทร์จะได้ลิ้มรสความปวดร้าวเหมือนอย่างเขาสักที
พ่อเลี้ยงหนุ่มล้วงมือต่อโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทอีกคนพร้อมกับเดินออกไปที่รถ...
มุมหนึ่งของร้านอาหารของเมืองเชียงราย เรือนริมน้ำโอบล้อมด้วยสวนดอกไม้ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้านหนึ่งเป็นระเบียงโล่งที่ยื่นออกไปชิดติดกับแม่น้ำเห็นแสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ประดับอยู่ตามราวระเบียงสะท้อนกับสายน้ำยามค่ำคืนที่ไหลเอื่อย ให้แสงสีสวยงามยามค่ำคืน แต่มันกลับไม่ลบเลือนความเดือดดาลในแววตาของพ่อเลี้ยงหนุ่มได้เลย มันเหมือนน้ำมันล่วงเลยจุดเดือดหลายองศา ทนรอต่อไปไม่ไหว นี่คือ...บทเริ่มต้นการแก้แค้นเอาคืนความเสียหน้าของเขา
“ว่าไงไอ้ธามส์...จมูกไวเชียวนะแก ฉันโฉบมาเชียงรายได้ไม่ถึงสองชั่วโมง ก้นยังไม่หายร้อนเลย...แกก็โทรตามฉันมานี่ มีอะไรด่วนนักหนาวะ” อิทธิพลถามพ่อเลี้ยงธามส์ เหมือนหงุดหงิดเต็มประดา
“แกแน่ใจนะว่าปรินทร์มันรักน้องสาวของมันมาก” อยู่ๆ พ่อเลี้ยงธามส์ก็เปิดฉากถามเพื่อนขึ้นมา อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้งที่อิทธิพลยังไม่ได้หย่อนก้นลงนั่งด้วยซ้ำ
“เอ๊ะไอ้นี่! เมื่อกี้ตอนคุยโทรศัพท์ก็บอกไปแล้ว แน่ใจสิวะ!...ฉันตามจีบน้องรวีมาเป็นปีๆ แล้วไอ้ปรินทร์มันตามหวงซะขนาดนั้น แกก็มัวแต่อยู่ในถ้ำห้องสมุดจะไปรู้เรื่องราวอะไรกับใครเขา”
“อือ...เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงได้มาถามแก”
“เออ! ว่าแต่แกไม่รู้จักหรือ...ไปเรียนฝรั่งเศสตั้งสองปีกว่าแกน่าจะได้เจอหน้าบ้างนะ คนไทยก็มีไม่กี่คน ปรินทร์น้องเขยแกกับน้องรวีอยู่ฝรั่งเศสตั้งแต่เด็ก แล้วตอนเราไปเรียนเขาก็เป็นรุ่นน้องของเราที่มหาวิทยาลัยนะ น้องเขาเรียนจบปริญญาตรีพอดี” อิทธิพลเล่ายาวให้เพื่อนฟัง พ่อเลี้ยงธามส์มีสีหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่งเหมือนจะจำได้
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ...จำไม่ได้หรอก ไม่ได้ใส่ใจใคร” ที่บอกเพื่อนไปไม่ได้ปดสักนิด เพราะเขามัวมุ่งแต่เรียนไม่ได้สนใจผู้หญิงแม้แต่คนเดียว
“ไอ้นี่! ประจำเลยแก ถามจริงๆ เถอะ ไปเรียนตั้งหลายปี แกรู้จักหรือจำใครได้นอกจากฉันหรือเปล่า” อิทธิพลเหน็บเพื่อน แต่พ่อเลี้ยงธามส์กลับไม่ยินดียินร้ายกับเพื่อนเท่าไร
“แกบอกแกเคยตามจีบ แล้วน้องสาวมันนิสัยเป็นยังไง” พ่อเลี้ยงธามส์ถามต่อ
“เก่งและสวยมาก ที่มหาวิทยาลัยน้องเขาทำกิจกรรมตั้งหลายอย่าง ว่าแต่แกถามทำไมวะ? แล้วที่แกเรียกฉันมา โทรตามยิกๆ เป็นเมียจิกผัวเนี่ย แกอย่าบอกนะ ว่าแค่จะมาถามเท่านี้ แต่แปลกใจว่ะ ทำไมอยู่ดีๆ แกหันมาสนใจผู้หญิงขึ้นมา มีเรื่องอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า....หรือว่า....” อิทธิพลค้างคำพูดได้แค่นั้น พ่อเลี้ยงธามส์ก็ปฏิเสธเสียงสูงสวนขึ้นมาก่อน โดยที่อิทธิพลอ้าปากค้างเหมือนมีอะไรจะพูดต่อ
“เปล่า! ไม่มีอะไรหรอกแค่ถามดู ที่นัดมาก็แค่อยากให้แกหานักเคมีให้หน่อย ฉันรู้ว่าแกรู้จักคนวงการนี้เยอะกว่าฉัน หลายปีมานี้ฉันมัวแต่ทำไร่ ปรับปรุงไร่ ไม่ค่อยรู้จัก หรือว่าแกสนใจมาทำงานกับฉันหรือเปล่า” พ่อเลี้ยงหนุ่มเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน
“ทำไมแกต้องปฏิเสธเสียงสูงขนาดนี้ ฉันว่าแกมีพิรุธนะเนี่ย” อิทธิพลจ้องหน้าเพื่อนอย่างค้นหา
“แกไม่ต้องมาจับผิดฉัน แล้วแกจะมาทำงานกับฉันหรือเปล่า...”
“ไม่เลย...ไม่ต้องมาชวนให้ยาก ช่วงนี้กำลังอภิรมย์กับสาวๆ ที่เมืองกรุง จะให้เป็นฤๅษีเฝ้าดอย หมกอยู่ในไร่ในป่า อย่างแก อย่างไอ้ก้อง ไม่ไหวหรอก สักวันแกสองคนคงได้กินกันเอง แล้วฉันก็กลัวสาวเจ้าหนีไปกับคนอื่น” คำเย้าสุดท้ายอย่างไม่ตั้งใจของเพื่อนทำให้ใบหน้าของพ่อเลี้ยงธามส์หม่นลง อิทธิพลรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เขาคงพูดแรงไปจริงๆ สะกิดโดนแผลสดหมาดๆ ของเพื่อนหนุ่มอย่างจัง
“ฉันขอโทษว่ะ ไม่ได้จะตอกย้ำแผลของแกเรื่องคุณมุกนะ ส่วนเรื่องคนที่แกให้ช่วยหาฉันจะหาให้ก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องของฉันกับคุณมุกมันผ่านมาแล้ว เธอก็มีครอบครัวไปแล้ว พูดมากสามีเขาจะหาว่าฉันยังรักเมียเขาอยู่”
“เออ...” อิทธิพลครางในลำคอ หันมาถามเพื่อนอีกครั้ง
“ว่าแต่แกมีอะไรกับฉันอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มี...ฉันจะได้ไปหาสาวสักที...เวลาฉันมีค่า...ที่แกลากฉันมาก็ผลาญเวลาอันมีค่าของฉันมากแล้ว”
“เออ...พ่อคนเนื้อหอม...แกไปเถอะ...แล้วโทรหาฉันก็แล้วกัน ฉันฝากเรื่องงานด้วย ไม่ใช่เจอหน้าสาวแล้วลืมนะ ห้ามเด็ดขาดนะโว้ย”
“เออน่ะ เดี๋ยวจัดการให้ ไม่ต้องห่วง ไปแล้วโว้ย” อิทธิพลเดินหันหลังออกไป ยกมือบอกโดยไม่ได้หันกลับมามอง
หลังจากแยกจากเพื่อน...พ่อเลี้ยงธามส์ก็แวะไปหาน้องสาวที่โรงแรมปางวิมาน ใจอยากเห็นหน้าเหยื่อในเกมแค้นของตัวเองเต็มที แต่ทว่าขาของเขาก็ต้องชะงักก้าวค้าง
หญิงสาวยืนกอดอกมองดอกไม้อยู่ในเขตโรงแรมหรู ผู้หญิงที่ใจเขาสั่งให้เกลียดตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าด้วยซ้ำ..
ชายหนุ่มกวาดสายตามองรอบๆ ก็เห็นว่าพื้นที่ตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของน้องสาวและน้องเขย และพื้นที่บริเวณนี้ก็เป็นเขตที่เจ้าของโรงแรมหวงห้ามให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมคางสากอย่างครุ่นคิด
‘หรือว่าจะเป็นคนนี้...ปารวี ปภากุล’ ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้ นึกถึงคำพูดของเพื่อนสนิทของเขาบอกว่าเป็นน้องสาวที่ปรินทร์รักมาก รู้อย่างนั้นพ่อเลี้ยงธามส์ก็ก้าวขามาตามแรงดึงดูด...เดินมาหยุดตรงหน้าหญิงสาว มองสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยที่อีกคนไม่รู้สักนิด เพราะมัวแต่ชื่นชมความงามของดอกไม้ตรงหน้า
ความพาลที่มีอยู่กับน้องเขยทำให้ชายหนุ่มมองหญิงสาวแง่ลบเหมือนเดิม การแต่งตัวธรรมดาที่หลายคนก็แต่ง แต่พอมาอยู่บนตัวหญิงสาวชายหนุ่มกลับคิดว่าเธอแต่งตัวเหมือนอยากยั่วผู้ชาย พาลไปถึงบิดาของเธอที่เพิ่งเสียชีวิตลง ชายหนุ่มไล่สายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ความรู้สึกแรกของคนถูกมองไม่ค่อยชอบใจนัก มันเป็นสายตาของความเหยียดหยาม ทั้งที่เพิ่งเจอกัน