เป็นภาพชินชาสำหรับที่นี่...คนงานในไร่เองก็เคยเห็นอาการที่เธอเป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง เพราะเธอถือว่าเป็นเธอคนโปรดของผู้จัดการ และเป็นเพื่อนของน้องสาวเจ้าของไร่
ผู้จัดการหนุ่มใหญ่หันกลับมายิ้มให้สองสาว จังหวะที่อันวาเดินเข้ามาพอดี ธนินเรียกอันวาให้เข้ามาหา
“อันวา!”
ชายหนุ่มเดินตรงมาที่ผู้จัดการ โค้งให้สองสาวที่ยืนอยู่น้อยๆ เขารู้จักรษาแต่ไม่เคยได้พูดคุย
“นี่อันวาผู้ช่วยคนสนิทของอา ถ้าติดขัดอะไรก็บอกเขาก็แล้วกัน วันนี้อาต้องไปก่อนนะ ต้องไปพบลูกค้าข้างนอก ตามสบายนะ...” ผู้จัดการหนุ่มใหญ่ผายมือแนะนำอันวาที่ยืนอยู่ไม่ไกลมาก ตบไหล่ปารวีเบาๆ
“ค่ะ...ขอบคุณค่ะคุณอา”
“ฝากสอนงานด้วยนะอันวา...” ผู้จัดการหันไปสั่งอันวา
“ครับผู้จัดการ”
ธนินเดินออกไปได้สักครู่สองสาวก็ได้ยินเขาพูดกับเมธาวี
“ส่วนเธอ...เมธาวี..เธอไปกับฉัน ฉันจะพาเธอไปพบลูกค้าคนสำคัญของฉัน” พูดจบเขาก็เดินนำออกไปทันที ปล่อยให้เมธาวีวิ่งตามออกไปอย่างร้อนรน
หลายวันผันผ่านที่สองสาวเริ่มเรียนรู้งานและเก็บข้อมูลจากอันวาทีละส่วน จนวันนี้เกือบครบทุกอย่างในส่วนของไร่ชา ทั้งที่จะมีเมธาวีมาคอยป่วนทุกวัน แต่ทั้งสองก็เรียนรู้งานได้ดี
“รษาว่า...วันนี้เราพักก่อนดีกว่าค่ะ” รษาบอกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าล่วงเลยเวลาไปมาก และปารวีก็ยังติดพันงานที่เธอดูค้างอยู่
“ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน พรุ่งนี้เราค่อยมาเริ่มกันใหม่ เรื่องข้อมูลเราก็ได้ครบแล้ว เหลือแค่เก็บตัวอย่าง” อันวาสำทับอีกแรง ปารวียิ้มให้สองหนุ่มสาวที่มองเธออยู่อย่างอ่อนโยน
“ก็ได้ค่ะ”
“รษาจะทำมันออกมาได้จริงๆ ใช่ไหมพี่รวี” รษาบอกด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม งานที่เธอตั้งใจเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
“จริงสิคะ ถ้าพ่อเลี้ยงรู้พ่อเลี้ยงคงจะดีใจมาก” ปารวีบอกลูบผมพี่สะใภ้อย่างอ่อนโยน ถึงจะเป็นพี่สะใภ้...แต่ด้วยวัยของเธอที่ห่างกับรษาหลายปี รษาขอเรียกหญิงสาวว่าพี่แทน
“รษาขอบคุณพี่รวีมากเลยนะคะ...รษามีความสุขมากเลย มีพี่ก็เหมือนไม่มี...พี่ธามส์ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงสักคนก็ว่าได้ ทำแต่งาน พูดออกมาทีผู้หญิงแตกกระเจิงหนีหายไปหมด ไม่รู้ว่าชาตินี้รษาจะมีโอกาสได้เห็นหน้าพี่สะใภ้กับเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้”
รษาเผลอเล่าเรื่องราวของพี่ชายไปด้วยน้ำเสียงทอดเนือย ทว่าอีกคนกลับตั้งใจเก็บรายละเอียด ทั้งที่อยากรู้มากไปกว่านั้น แต่ก็ไม่กล้าถามต่อ
“พ่อเลี้ยงเป็นผู้ชายนี่คะ คนที่คุมคนงานผู้ชายนับร้อยได้อย่างนั้น คงจะชินมากกว่า...สักวันคงมีผู้หญิงที่เข้าใจตัวตนพี่ชายน้องรษาเองนั่นแหละ”
ปารวีตอบกลับไปตามความรู้สึกของตัวเอง และเธอเองก็กำลังทำความเข้าใจกับตัวตนของเขาอยู่...เธออยากรู้ว่าความปากร้ายของเขาจะต้านความดีของเธอได้นานสักแค่ไหน
“ขอบคุณแทนพี่ธามส์ด้วยนะคะ ผู้ชายอย่างพี่ธามส์น้อยคนนักที่จะเข้าใจ”
ปารวียิ้มอ่อน
“พี่รวีสัญญากับรษานะคะ รษาไม่อยากให้พี่ธามส์ตราหน้าว่าไม่ได้เรื่อง ยิ่งต้องแบ่งเวลากลับไปที่โรงแรม คนไม่เก่งอย่างรษาก็ยิ่งกลัวจะทำไม่สำเร็จ”
“พี่สัญญาว่าจะตั้งใจทำให้เต็มที่ค่ะ จะยอมให้โครงการของพี่สะใภ้พังได้อย่างไร พี่ปรินทร์จะมาว่าเอาได้สิ”
“ถึงจะเหตุผลอะไรก็ตาม พี่รวีสัญญาแล้วนะคะ” รษาทวงสัญญาอีกรอบ
“ค่ะ...พี่สัญญา”
“พี่รวีใจดีที่สุด เรากลับกันเถอะค่ะ”
พ่อเลี้ยงธามส์เปิดอ่านสมุดบันทึกของหญิงสาวอีกครั้ง ตัวหนังสือเป็นระเบียบเรียงกันเป็นแถว หนึ่งเดือนที่ผ่านมากับคำสั่งลมๆ ที่ไม่ต้องการคำตอบของเขา
หากแต่ปารวีกลับทำได้ดีเกินคาด ทุกรายละเอียดที่ต้องรู้ในไร่กุหลาบมีข้อมูลอยู่ในบันทึกเล่มนี้หมด บางเรื่องเขายังคิดไม่ถึงว่าจะเป็นรายละเอียดที่ต้องรู้ ทุกตัวอักษรที่อยู่ในนั้นบ่งบอกถึงความใส่ใจ ความละเอียดรอบคอบและมีระบบจัดการในความคิด
ริมฝีปากของเจ้าของไร่หยัดยิ้มเล็กๆ มองตัวหนังสือแล้วพานนึกถึงใบหน้าคนเขียน หากเป็นวันเวลาทำงานตามปกติในคำสั่งของเขา ตอนนี้เธอคงกำลังอยู่ในแปลงปลูกสักแปลง และเขาก็สามารถหาเรื่องเดินผ่านไปตรงนั้นตอนไหนก็ได้
หากแต่วันนี้งานของเธอไม่ได้ขึ้นตรงกับเขาอีกต่อไป
พ่อเลี้ยงธามส์ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้เขาหาเรื่องกลับบ้านมาเอาเอกสารในตอนเที่ยงวัน แม้ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร แต่ในใจของเขากลับอยากเห็นเจ้าของตัวหนังสือเป็นระเบียบมากกว่า เพราะรู้ว่าสองสาวไม่ได้อยู่ที่สำนักงาน คงไม่พ้นอยู่บ้านเตรียมข้อมูลที่อุบเงียบอยู่สองคน
ก้าวแรกที่เขาก้าวเข้ามาในบ้าน เขาก็รู้สึกได้ทันทีถึงความเงียบผิดปกติของบ้าน สายตาคมของเขาพยายามสอดส่ายสองสาวก็ไม่เจอ เขาเลือกที่จะเดินเลยเข้าไปในบ้าน โดยที่ไม่เอ่ยปากถามใครให้เป็นที่สงสัย และกลับออกไปเงียบๆ ด้วยความสงสัยเช่นกัน
วันต่อมาพ่อเลี้ยงธามส์ก็หาเรื่องกลับมาหาน้องสาวอีกครั้ง แม้ว่าจะใช้เรื่องงานเป็นข้ออ้าง แต่ในใจลึกๆ กลับคิดถึงใบหน้าคมเข้มกลิ่นกายหอมกรุ่นของอีกคนมากกว่า วันก่อนเขากลับมาบ้านก็ไม่เจอมาครั้งหนึ่งแล้ว
“แม่นิ่มยัยรษาไปไหนครับ” เมื่อเดินหาจนทั่วบ้านแล้วไม่มีแม้แต่เงาของสองสาว
“พ่อเลี้ยง กลับมาได้อย่างไรคะ” แม่นิ่ม แม่บ้านเก่าแก่ตกใจเล็กน้อยที่เห็นพ่อเลี้ยงธามส์กลับมาบ้านในตอนกลางวัน ทั้งที่ไม่เคยเห็นบ่อยมากนัก ยิ่งช่วงนี้งานเขายุ่งมากยิ่งน่าแปลกใจไปกันใหญ่
“ทำไมแม่นิ่มต้องตกใจด้วยครับ ยัยรษาไปไหน”
“คือ...คือ...คุณรษาไม่ให้บอก” แม่นิ่มอึกอัก ไม่กล้าบอกเพราะรษาสั่งไม่ให้บอก ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มระแวงมากขึ้น
“แล้วผมจะรู้เรื่องไหมครับ ยัยรษาไปไหน” เจ้าของไร่เสียงเข้มขึ้น
“แม่นิ่มไม่...ไม่ทราบค่ะ แต่...ออกไปกับคุณรวีทุกวัน” แม่บ้านเก่าแก่ตะกุกตะกักตอบ สีหน้าคนถามเครียดขึงขึ้น เหมือนเจ้าของมันกำลังใช้ความคิด
“โอเค” นายหัวหนุ่มพยักหน้าก่อนเดินออกไป
แสงแดดยามบ่ายคล้อยใกล้ค่ำ สาดส่องลงมากระทบทิวแปลงดอกไม้สลับสี ก่อให้เกิดแสงเงากระทบกลีบดอกที่ชูช่ออวดแสง มองจากระยะไกล เห็นเพียงริ้วคลื่นระยับสลับสีปกคลุมครึ่งหนึ่งของภูเขาลูกนี้ มุมสูงที่สุดของไร่มุมนี้ เป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์โดยรอบของไร่ปกรักได้อย่างกว้างไกล
ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มตัดกับกลุ่มเมฆขาวที่ลอยเกลื่อนอยู่เบื้องบน มีบ้างที่ลอยต่ำลงมาแทบจะปกคลุมสันเขาที่ยาวติดต่อกันไป นกกระจิบตัวจ้อยหลายตัวเตลิดบินด้วยความตกใจ เมื่อเมธาวีโผล่มาล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของพวกมัน
พ่อเลี้ยงธามส์ยืนครุ่นคิดอยู่กลางไร่อยู่เพียงลำพัง พลันสายตาก็มองเห็นปารวีเข้าเสียก่อน เข้าเตรียมที่จะขยับขาเดินออกไป แต่เสียงของเมธาวีก็แทรกเข้ามาทางด้านหลังเสียก่อน
“พี่ธามส์มาอยู่ตรงนี้เองนะคะ พักนี้งานยุ่งมากหรือคะ เมนี่ไม่ค่อยได้เจอหน้าพี่ธามส์เลย” เธอใช้น้ำเสียงอ่อนหวานทักทายชายหนุ่ม