ท่านดำรงค์เดินเข้ามาในตัวบ้านของลูกชาย ที่เขามาวันนี้เพราะลูกสาวคนเล็กบอกว่าพี่ชายทำตัวแปลกๆ ทักมาทีไรก็งานยุ่งตลอดทั้งที่บริษัทไม่ได้มีอะไรวุ่นวายแถมเขายังไม่ค่อยไปทำงานด้วย ตอนเย็นก็ไม่กลับบ้านกินข้าวกับครอบครัว เขาจึงต้องมาหาสาเหตุและก็พบว่าลูกชายติดผู้หญิงอยู่
"ท่านดำรงค์ สวัสดีครับ"
อิทธิผู้ช่วยของลูกชายโค้งตัวเคารพนายใหญ่ เขายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยทักทายเช่นกัน
"สวัสดีดีอิทธิ ไม่เจอกันนานเลย"
"ผมไปต่างจังหวัดบ่อยครับท่าน นี่ก็เพิ่งได้อยู่กรุงเทพไม่กี่วันเอง"
"งั้นเหรอ.."
ดาวินที่เดินไปหยิบของมาก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ ไว้คิดว่าพ่อจะมาหาถึงที่บ้านแบบนี้
"คุณพ่อ! มาได้ยังไงครับ"
เขามองท่านอย่างระแวงกลัวว่าท่านจะมาจับผิดมากกว่าเป็นห่วง ผู้เป็นพ่อเดินไปนั่งลงตรงโซฟาก่อนจะเอ่ยถามลูกชายเสียงเรียบ
"เย็นนี้พ่อจะจัดปาร์ตี้ที่บ้านกับครอบครัวของเจ้าวิลล์ น้องบอกว่าเรางานยุ่งมีธุระเท่าที่เห็นก็ไม่มีอะไรนี่"
ดาวินอ้ำอึ้งอย่างไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เขาหันไปขอความช่วยเหลือจากอิทธิเขารีบหลบสายตาทันทีเพราะไม่อยากมีส่วนร่วมในการโกหกท่าน
"คือผม... เอ่อ"
เขาเริ่มมีสีหน้าที่เครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน คนเป็นพ่อมองลูกชายด้วยสีหน้าจริงจังมากเขาแค่อยากให้ลูกชายสารภาพออกมา เด็กที่ชื่อวาวาก็ดูน่ารัก มารยาทดีมากเท่าที่เห็น ไม่เห็นจะต้องมาปิดบังเขาที่เป็นพ่อเลย เขามีเหตุผลมากพอที่จะไม่ขัดขวางลูกชายหรอก เขาทำเพื่อครอบครัวมาเยอะแล้วสมควรที่จะมีความสุขเป็นของตัวเองบ้าง
"ไม่ต้องอ้างว่างานยุ่งกับพ่อ เย็นนี้เราต้องไปทานข้าวกับครอบครัว แล้วก็พาแม่หนูวาวาไปด้วยสิ"
ดาวินตาโตอย่างตกใจ ไม่คิดว่าพ่อจะได้เจอวาวาแล้วแถมยังรู้สึกชื่ออีก
"พ่อเจอวาวาแล้วเหรอครับ"
ดาวินยิ้มเขินเล็กน้อยเมื่อคนเป็นพ่ออมยิ้มแบบนั้น แสดงว่าแอบไปสอบถามกันมาแล้วสินะ เขาก็ลืมไปเลยว่าเธออยู่หน้าบ้านใครเข้ามาก็คงเห็น
"เจอแล้ว สวยดีนะพูดจาน่ารักเชียว ถึงสิบแปดหรือยังแกอย่ามาพรากผู้เยาว์แถวนี้นะพ่อไม่อยากเป็นข่าว"
"พ่อ! วาวายี่สิบห้าแล้วครับไม่ใช่เด็ก"
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องหาวิธีมาอธิบายเรื่องนี้ แสดงว่าท่านโอเคไม่ว่าอะไรกับการที่เขาพาวาวามาที่บ้าน
"ก็ดูเด็กเกินไปแต่ถ้าไม่สิบแปดก็โอเคแล้ว แกสามสิบสามปีแล้วนี่ริอาจกินเด็กเหรอไง แล้วแม่หนูวาวาทำงานอะไรล่ะสวยแบบนั้นอย่าบอกนะว่าแอร์สายการบินแกนะ"
ท่านดำรงค์มองลูกชายอย่างต้องการคำตอบ เขายิ้มแห้งก่อนจะนั่งลงข้างๆแล้วเอ่ยเสียงอ่อน
"ครับ วาวาเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินผมเอง พ่อว่าเป็นยังไงบ้างครับคนนี้"
เขาเอ่ยถามพ่ออย่างขอความเห็น จะได้รู้ว่าผู้ใหญ่มองเธอยังไง ถ้าพ่อโอเคบอกว่าผ่านเขาจะได้ลุยไปเลย
"ก็น่ารักดีแต่ดูเด็กไปหน่อย แต่ว่ามารยาทและการเข้าสังคมน่าจะเหมาะสมกับเรานะพ่อว่า คำพูดคำจาเหมาะกับการทำงานบริการ พ่อไม่ติดอะไรนะแล้วทำไมถึงไม่พาไปรู้จักครอบครัว พามาซ่อนไว้ที่บ้านแบบนี้ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลย"
คนเป็นพ่อเอ่ยเชิงตำหนิ ถ้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงรู้คงจะรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เหมือนก่อนหน้านี้ที่ลูกสาวของเขาไปอยู่บ้านผู้ชายโดยที่เขาไม่รู้
"ไม่ใช่อย่างนั้นครับพ่อ คือผมกับวาวาเรายังไม่ได้คบหากันจริงจัง ก็เลย..."
"แล้วพามาที่บ้านแบบนี้เนี่ยนะ ทำแบบนี้ผู้หญิงเสียหายหมด"
คนเป็นพ่อเอ่ยเตือนลูกชาย เขาอยากจะให้ดาวินเป็นสุภาพบุรุษมากกว่านี้ พามาบ้านแต่มาบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันแบบนี้ใครมาเห็นแม่หนูวาวาคงถูกมองไม่ดีแน่นอน
"คือวาวาเขากำลังเปิดใจให้ผมแต่ว่ายังไม่ยอมคบหากับผมจริงจัง น้องคงจะยังไม่ค่อยแน่ใจในตัวผมเท่าไหร่ แต่ผมรักจริงนะถ้าพ่อโอเคผมจะได้ลุยเลย"
ท่านดำรงค์มองลูกชายก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ถ้าลูกรักและอยากได้มาเป็นคู่ชีวิตมีหรือที่คนเป็นพ่อจะขัดขวาง
"ก็ตามใจสิ หนูวาวาก็น่ารักดีพ่อไม่ขัดขวางอะไร งั้นเย็นนี้พาน้องไปที่บ้านใหญ่ พาไปรู้จักครอบครัวก่อนอายุน่าจะไล่เลี่ยกับดาหวันไม่มากนัก น่าจะคุยกันถูกคอ"
"ครับ เย็นนี้ผมจะพาวาวาไป"
ดาวินยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ถ้าพ่อไฟเขียวเขาก็จะลุยเต็มที่ไม่รีรอแล้ว ถึงวาวาจะอยู่ในวัยที่จะได้เรียนรู้กับคนมากมายแต่เขาอายุมากแล้วซึ่งไม่สามารถรอได้อีกต่อไป
"อืม งั้นพ่อกลับแล้ว ทำงานเสร็จก็ไปช่วยน้องจัดสวนดอกไม้สิ"
ท่านดำรงค์หลุดขำออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืน ดาวินเกาหัวแก้เขินเพราะกำลังถูกคนเป็นพ่อแซวอยู่ ท่านรู้ว่าเขาไม่ชอบอะไรที่อ่อนหวานแบบนั้น ซึ่งการทำสวนดอกไม้ไม่อยู่ในหัวแน่นอน
"พ่ออย่าแซวผมได้มั้ย"
"ก็มันน่าขำมั้ยล่ะ พ่อว่าบ้านนี้ไม่น่าจะเรียบแบบสไตล์แกแล้ว น่าจะออกหวานๆเหมือนในนิทานมากกว่า"
"ก็วาวาชอบแบบนั้นนี่ครับ ผมไม่อยากขัดน้องปล่อยให้จัดการเองนั้นแหละ"
"ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่สินะ"
ท่านดำรงค์ยิ้มขำก่อนจะอมยิ้มเดินออกไปทันที ดาวินถึงกับไปไม่เป็นคนอย่างเขาต้องมาเสียอาการเพราะผู้หญิงมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตนี้
"ท่าทางนายใหญ่จะชอบวาวานะครับ"
อิทธิเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม เขายักไหล่เล็กน้อยก่อนจะนั่งทำงานต่อจนเสร็จจะได้รับไปช่วยสาวน้อยปลูกดอกไม้หน้าบ้าน
ทางด้านของวาวาตอนนี้เธอทำไปได้ครึ่งทางแล้ว อาจจะเพราะว่ามีคนสวนและแม่บ้านมาช่วยจึงทำให้มันรวดเร็วมากกว่าทำคนเดียว
"หนูวาวาฉันกลับก่อนนะ"
วาวาหันไปมองท่านดำรงค์ เธอลุกขึ้นก่อนจะยกมือไหว้ท่านพร้อมรอยยิ้มกว้าง
"สวัสดีค่ะท่านดำรงค์ เดินทางปลอดภัยค่ะ"
"เย็นนี้เจอกันนะหนู"
เขาเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินขึ้นรถไปทันที วาวามองตามอย่างงุนงงไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของท่านเท่าไหร่ ดาวินที่ทำงานเสร็จก็เดินออกมาหาหญิงสาวทันที
"วาเหนื่อยมั้ย"
เขาถือน้ำส้มเย็นๆมาให้หญิงสาว วาวารับมาดื่มให้ชื่นใจก่อนจะหันไปถามชายหนุ่มอย่างมีคำถาม
"ไม่เหนื่อยค่ะ เมื่อกี้คุณพ่อของคุณวินบอกวาว่าเย็นนี้เจอกันนะหนู หมายความว่ายังไงเหรอคะ"
ดาวินยิ้มกว้างก่อนจะลูบผมหญิงสาวอย่างเอ็นดู
"คุณพ่อให้พาวาไปทานข้าวที่บ้านเย็นนี้นะ"
"หา!ไปทานข้าวที่บ้าน วาจะไปได้ยังไงคะไม่ได้สนิทสนมกับครอบครัวคุณวินเลยนะ"
"ก็ไปทำความรู้จักไง ในฐานะว่าที่สะใภ้ใหญ่ดีมะ"
หญิงสาวตาโตก่อนจะร้องออกมาเสียงหลง ว่าที่สะใภ้ใหญ่อะไรกันเธอยังไม่ได้เป็นซักหน่อย
"สะใภ้ใหญ่อะไรกันคะคุณวินนี่ ไหนบอกคุยๆกันไปก่อนไงคะ"
"ก็สำหรับวาคุยกันไปก่อน แต่สำหรับฉันเราสองคนคบกันแล้ว"
เขาอมยิ้มก่อนจะเดินไปดูสวนดอกไม้ของวาวา หญิงสาวมองตามชายหนุ่มใบหน้าในตอนนี้มีสีเลือดฝาด ความรู้สึกในตอนนี้คือเขินหนักมากจริงๆ
"คบกันแล้วอะไรเล่า คนบ้านี่! ยังไม่ได้ตกลงเลยนะ"