"ยินดีต้อนรับสู่ไร่ขุนเขาไม้งามครับ" คนที่มายืนรับฉันหน้าปากทางเข้าไร่เอ่ยอย่างเป็นมิตร ทว่าสีหน้าเขาเรียบเฉย
"ดูแลพ่อเลี้ยงให้ดีนะมีน อย่าทำให้พ่อเลี้ยงลำบากใจ พ่อเป็นห่วงมีนนะลูก" พ่อพูดเหมือนห่วงใย แต่ฉันไม่ได้รู้สึกว่าท่านห่วงฉัน ที่ท่านห่วงคงจะเป็นหน้าตาตัวเอง และกลัวฉันทำให้ว่าที่สามีไม่พอใจ แล้วท่านจะพาลเดือดร้อนไปด้วย แค่นั้นมีแค่นั้นจริง ๆ
"ค่ะ มีนรักพ่อนะคะ" รู้ทั้งรู้แต่ฉันก็ยังเดินเข้าไปสวมกอดพ่อ แม้จะรู้ว่าท่านไม่รัก แต่ฉันก็ยังรู้สึกโหยหาความรักจากท่านเพื่อหล่อเลี้ยงหัวใจตัวเอง
"พ่อก็รักมีนนะลูก ไปเถอะเดี๋ยวพ่อเลี้ยงจะรอนาน" พ่อยิ้ม คล้ายกลัวทางนั้นรอนานแล้วท่านจะเดือดร้อนละมั้ง
เมื่อเป็นแบบนี้ฉันจึงขึ้นรถมากับคนงานในไร่ของว่าที่สามี พ่อส่งได้แค่ปากทางเข้าไร่ เพราะไร่ขุนเขาไม้งามปิดให้บริการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยวชมไร่หรือเข้าพักโฮมสเตย์ ไร่เพิ่งปิดเมื่อตอนพ่อเลี้ยงขุนเขาเกิดอุบัติเหตุ ตั้งแต่นั้นมาพ่อเลี้ยงขุนเขาก็ยังไม่สั่งเปิด
และคำสั่งเด็ดขาดคือคนนอกห้ามเข้ามา พ่อจึงมาส่งได้แค่ตรงนั้น ที่ปากทางเข้าไร่
ซึ่งพอเอาเข้าจริง ๆ ที่ว่าเป็นปากทางเข้าไร่นั้นกว่าจะถึงไร่ชาไม่ใช่ใกล้ ๆ เลย ต่างจากทางเข้าไร่ของย่าจ๋า
"คุณได้ใบตรวจสุขภาพมาด้วยใช่ไหมครับ" คนขับถาม
"ค่ะ ฉันปกติดีทุกอย่าง" ฉันยื่นซองให้เขา ก่อนพ่อจะพาฉันมาที่นี่พ่อพาฉันเข้าเมืองเพื่อรอตรวจร่างกายที่ไปตรวจไว้เมื่อสามวัน ก็คือหลังจากฉันรับปากจะแต่งงานตกเย็นพ่อก็พาฉันไปตรวจร่างกายทันที
เกิดข้อสงสัยบางอย่างฉันจึงเอ่ยถามคนขับรถ "ถ้าห้ามคนนอกเข้าแบบนี้ แล้วงานแต่งงานจะจัดยังไงคะ"
"งานแต่ง?" คนขับหันมาทำหน้างุนงง
"ทำไมเหรอคะ ฉันเข้าใจอะไรผิดไปเหรอ" ก็พ่อบอกฉันมาแบบนั้นนี่นา แต่ทำไมคนขับถึงทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่อง รู้สึกใจไม่ดีแล้วนะ
"คงมีการสื่อสารผิดพลาดมั้งครับ เดี๋ยวคุณรอฟังจากปากพ่อเลี้ยงเลยดีกว่า จะได้ฟังคำตอบที่ชัดเจน" คือสิ่งที่คนขับรถบอก
"..." ชัดเจนงั้นเหรอ ถ้าไม่แต่งงานแล้วให้ฉันมาทำไม จากที่ว่าไม่กลัว ตอนนี้ฉันเริ่มจะกลัวขึ้นมาแล้วสิ
จากนั้นทุกอย่างตกอยู่บนความเงียบ ฉันได้แต่นั่งทบทวนถึงการตัดสินใจที่เหมือนจะผิดพลาด มีนาเอ๊ย ชีวิตนี้มีความสุขดีอยู่แล้วแท้ ๆ ถ้าไม่ใจอ่อนให้กับพ่อคงไม่ต้องมาลุ้นว่าจะพบเจออะไรแบบนี้ ดีนะที่ทั้งชีวิตไม่เคยรักผู้ชายคนไหน ไม่งั้นคงได้อาลัยอาวรณ์กันน่าดู