[5]
รักที่ถูกลืม
ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้ เงินต่างหากที่จะทำให้เราอยู่รอด และแม้จะปลอบตัวเองด้วยถ้อยคำสวยหรูแค่ไหน แต่มันก็ยังละอายใจ เตชิณยังป่วยไม่หาย และเธอ ได้เงินมาเพราะความทรงจำของเขามันหายไป
การลังเลของเธอเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น ก่อนที่ความจำเป็นจะบีบบังคับให้ต้องเลือก แต่ช่างเถอะ มันจบแล้ว เธอได้เงินมาแล้ว สุดท้ายความกตัญญูที่มีต่อมารดาก็ทำให้เธอต้องหักหลังความรักที่มีต่อเตชิณ
เที่ยงเศษๆ มินตราหิ้วกระเป๋าที่มีเงินสองแสนเข้าบ้านมา หวังว่าแม่คงยังไปไม่ถึงโรงพัก เธอไม่อยากไปที่นั่น เธอต้องรีบกลับคอนโดฯ เพื่อเก็บข้าวของ รถมอเตอร์ไซค์ของพี่สาวยังจอดอยู่ แสดงว่าแม่ก็คงยังอยู่บ้าน เธอสาวเท้าก้าวเข้าไป ไม่มีใครอยู่ตรงโถงกลางที่ค่อนข้างคับแคบ มีเสียงคนคุยกันอยู่ในครัว เธอเลยก้าวตรงไป
“นังมินมันจะหาได้เหรอแม่ เงินตั้งสองแสน”
“เออน่า มันหาได้แน่ คราวที่แล้วมันยังหาได้เลย”
“แต่มันเยอะนะ” มารีท้วงคนเป็นแม่ นั่งทาเล็บมือเล็บเท้าอยู่ ไม่ได้ร้อนอกร้อนใจในเรื่องพี่ชายกับพ่อเลี้ยงเลย
สาลี่ยกจานข้าวผัดมาวางลงตรงหน้าลูกสาว ทั้งยังรินน้ำมาให้ บริการลูกคนกลาง ที่นานทีจะให้เงินใช้สักครั้ง และแม้จะให้เพียงเล็กน้อย สาลี่ก็ยังสรรเสริญว่าลูกคนนี้ดีนักหนา ดีไม่แพ้ลูกชายคนโต
“มันหาได้แน่ คุณเตอะไรนั่นน่ะ บ้านรวยจะตาย มันอุตส่าห์ได้ไปอยู่กับเขา เขาก็ต้องเอ็นดูมันบ้าง”
“ฮั่นแน่ แม่คิดอะไรอยู่ จะให้มันจับคนรวยทำผัวว่างั้น”
“ถ้าจับได้ก็ดีสิวะ ฉันจะได้สบายไปทั้งชาติ”
“เฮ้อ...นังมินนี่ก็น่าเห็นใจอยู่นะ มันทำเพื่อแม่ขนาดนี้ ทำไมแม่ไม่รักมันเลย ฉันละสงสัยจริงๆ”
“รักกับผีน่ะสิ หมอดูบอกว่ามันเป็นตัวกาลกิณี”
“แล้วแม่ก็เชื่อ?”
“เออสิวะ! หมอดูบอกให้ฉันทำแท้ง แต่พ่อเอ็งขอไว้ และพอมันคลอดออกมา พ่อเอ็งก็ถูกรถชนตาย ฉันเลยต้องลำบากออกไปทำงานเป็นแม่บ้าน ตั้งแต่มันเกิดมาฉันนี่จ๊นจน! มันเป็นตัวกาลกิณีแท้ๆ”
สาลี่ทำท่าแค้นเคืองเมื่อเอ่ยถึงลูกคนสุดท้อง ตักข้าวผัดเข้าปากอย่างกระแทกกระทั้น
“แม่ก็ว่าไปนั่น เราเคยรวยด้วยเหรอ”
“นังนี่! หุบปากไปเลยนะ อย่าขัดได้ไหม!”
“ก็มันจริงนี่ แม่ก็แค่หาที่ลงนั่นแหละ พอมันไม่หือไม่อือ พอมันยอมแม่ แม่เลยโทษมันได้เต็มที่ คอยดูเถอะ ถ้ามันทนไม่ไหวแล้วหนีไป แม่แย่แน่ ใครจะหาเงินให้แม่ใช้”
“นั่นน่ะสิ เฮ้อ...ฉันละเบื่อจริงๆ เบื่อความจนนี่เต็มทนแล้ว”
คนที่ยืนฟังอยู่นอกประตูเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไป ทุกลมหายใจของเธอ แม่คือทุกสิ่ง แต่สำหรับแม่ เธอก็แค่ตัวกาลกิณี คือคนที่เกิดมาแล้วทำให้พ่อตาย คนที่ทำให้บ้านจนลง น่าตลกนะ เพราะเธอจำไม่ได้เลยว่าไปทำเรื่องพวกนั้นตอนไหน และมันน่าเจ็บใจ ก็ตรงที่แม่เลือกฟังคำของหมอดู แต่แม่ไม่เคยฟังลูกคนนี้เลย
เธอขยับเข้าไปยืนใต้กรอบประตูห้องครัว น้ำตาไหลอาบหน้า มันทนไม่ไหว มันไหลออกมาเอง
“นังมิน!? เอ่อ...” คนเป็นแม่อึกอักอ้ำอึ้ง ทำหน้าไม่ถูกเมื่อมินตราดันมาได้ยินทุกอย่างเข้า “แกนั่นแหละ ชวนฉันคุย”
สาลี่โทษลูกคนกลาง มารีส่ายหน้าพรืด
“แม่นั่นแหละ อย่ามาโทษฉันนะ”
สองแม่ลูกเถียงกันด้วยเรื่องก่อนหน้า มินตราแข็งใจเดินเข้าไปหา นั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกที่มีสก็อตเทปปะทับรอยแตกจนแทบจะกลบความเก่าของมัน มือน้อยเช็ดน้ำตาที่ย้อยลงปลายคาง มันเจ็บปวดทรมานจนไม่มีแม้แต่เสียงจะตัดพ้อต่อว่า ได้แต่ล้วงเอาเงินออกมาจากกระเป๋า
“แม่ๆๆ เงินแม่เงิน!” มารีบอกแม่อย่างตื่นเต้น
“เออๆ เห็นแล้วน่า โอ...มินลูก แม่ว่าแล้วต้องหามาได้ ลูกสาวแม่เก่งที่สุด”
พอได้ยินคำหวานจากปากมารดา มินตราก็ได้แต่แค่นยิ้ม แม่รีบรับเอาเงินไปนับ ไม่ถามด้วยซ้ำว่าเธอเอามาจากไหน แม่สนใจแค่เงินที่อยู่ในมือเท่านั้น
“ครบไหมคะ”
“เออ...ครบๆๆ ขอบใจนะลูกนะ แม่จะรีบเอาเงินไปประกันตัวเจ้าพวกนั้น จะได้กลับบ้านเราซะที”
“แม่! แบ่งฉันบ้างสิ”
มารีร้องขอ สาลี่ถลึงตาใส่ รีบหอบเอาเงินแล้วเผ่นเข้าห้อง มารีตามแม่ไปให้ไว ด้วยอยากได้ส่วนแบ่ง ในครัวเล็กๆ ที่ค่อนข้างรก เลยเหลือแค่มินตรา เธอลุกตามออกมา ไปยืนอยู่หน้าห้องที่ประตูแง้มไว้
“แม่”
“เออ...ว่าไง”
“มินไปก่อนนะ”
“เออๆ จะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว”
น้ำตาใสๆ ล้นออกจากดวงตา มันไหลอาบหน้าเพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร
“แม่...ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“เออ...อะไรของมันวะ ไปดูซินังเมย์”
“ดูอะไรล่ะแม่ ไม่ต้องสนใจมันหรอก เอาเงินมาสิแม่ ขอฉันสักพันได้ไหม!”
“ไม่ได้! เดี๋ยวไม่พอ เอ๊ะ! อย่าหยิบไปสิ เอามา!”
เสียงมารดาเอ็ดอึงพี่สาว ดังห่างออกไปทุกที มินตราก้าวออกมาจากบ้านเช่าที่เธออยู่มาตั้งแต่เล็ก เธอกำลังอาลัยอาวรณ์ทั้งที่บ้านหลังนี้ไม่เคยมอบความสุขให้เธอเลย แต่ก็อย่างว่า อย่างน้อยเธอก็ยังได้เรียกผู้หญิงคนหนึ่งว่าแม่ ได้เรียกคนเห็นแก่ตัวสองคนว่าพี่สาวพี่ชาย
แต่ว่า...นับตั้งแต่วันนี้ไป ครอบครัวใหม่จะมีแค่เธอ แค่เธอ...คนเดียว