“ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ” ผู้หญิงคนที่ผมมองเดินเข้ามาขอนั่งด้วย มองไกลๆว่าสวยแล้วแต่มองใกล้ๆอย่างตรงนี้แม่งสวยกว่าเดิมอีกและยังแต่งตัวโครตแซ่บ
“เชิญครับ” ผมตอบกลับไปทันทีพร้อมกับผายมือเป็นการอนุญาตให้เธอนั่งลง
“ไม่ชวนเพื่อนมานั่งด้วยกันหรอครับ” เป็นไอ้เปอร์เพื่อนของผมพูดขึ้น จริงๆมันชื่อคอปเปอร์แต่ชื่อมันยาวไปพวกผมเลยเรียกมันแค่เปอร์
“พอดีแค่เข้ามาทักทายเฉยๆค่ะ” เธอตอบคำถามไอ้เปอร์เสร็จก็หันมาทางผม
“ชนแก้วกันหน่อยไหมคะ” พูดจบเธอก็ยกแก้วที่ถือมาด้วยขึ้นตรงหน้าผม
“ยินดีครับ” ผมตอบไปทันทีพร้อมกับหยิบแก้วชนกับเธอ
ต้องพูดว่าชนกับแก้วของเธอสินะ
แต่ถ้าชนกับเธอได้ก็ยินดี
เคร้ง !
“พริกไทยนะคะเรียกพริกเฉยๆก็ได้”
“ขุนทัพครับ เหมือนเราจะเรียนที่เดียวกันใช่ไหม” เพราะผมเองก็คุ้นๆหน้าเธออยู่แล้ว
บวกกับเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาด้วยว่าพริกไทยเด็กคณะเดียวกันที่อยู่ปีสองแซ่บไม่เบา พึ่งจะเคยเจอจังๆก็วันนี้แหละ แซ่บอย่างที่เขาว่าจริงๆ
“คงใช่มั้งคะ เพื่อนบอกมาอยู่แต่พริกไม่ค่อยคุ้นหน้าพวกพี่สักเท่าไหร่เหมือนไม่เคยเห็น” ไม่คุ้นหน้า ไม่เคยเห็น ใช้คำนี้เลยหรอไม่ได้หลงตัวเองนะครับแต่พวกผมเป็นที่รู้จักกันในหมู่สาวๆ
“พริกไม่ค่อยสนใจใครเท่าไหร่หรอกค่ะแต่วันนี้ดันมาสนใจพี่ขุนทัพซะได้” เธอพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับยกเหล้าขึ้นดื่ม
“ใจตรงกันจังเลยนะครับพี่ก็คิดเหมือนกับน้องพริก”
“แล้วทำไมไม่เข้ามาทักให้เร็วกว่านี้ละครับ” ประโยคนี้ไม่ใช่ผมที่เป็นคนถามแต่เป็นไอ้เบย์เพื่อนของผมอีกคนถามขึ้น
“พอดีเมื่อกี้พริกเห็นพี่ขุนทัพมีคนนั่งด้วยเลยไม่อยากเข้ามาขัดจังหวะและตอนนี้เหมือนเธอจะเดินกลับมาแล้วพริกไปก่อนดีกว่า” ประโยคแรกเธอพูดกับไอ้เบย์ส่วนประโยคที่สองเธอพูดพร้อมหันมามองหน้าผม
ผู้หญิงที่เธอว่าก็น่าจะเป็นเด็กที่ผมเรียกมาเพราะถ้าหากไม่มีสาวมาคอยชงเหล้าให้ ก็เหงาแย่ถูกไหมละครับ แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนใจแล้วเพราะผมอยากได้คนที่กำลังจะเดินออกไปมากกว่า
“ไม่นั่งด้วยกันก่อนหรอครับ” ผมพูดขึ้นทันที
“พอดีพริกเกรงใจเขา” เธอตอบกลับมาทันทีก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับก้มลงมากระซิบข้างหู
“ถ้าเมื่อไหร่พี่ขุนทัพไม่มีเด็กค่อยติดต่อพริกมานะคะ” บอกได้คำเดียวกลิ่นตัวโครตหอม กลิ่นหอมเฉพาะตัวทำเอาผมอยากจะดมอีกครั้ง
“คนนี้โครตเอา” เสียงไอ้เบย์ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอเดินออกไป
“น้องเขากระซิบว่าอะไรไอ้ขุน” ไอ้ขุนที่มันพูดหมายถึงผมเองแหละครับจะมีแค่คนสนิทเท่านั้นแหละที่จะเรียกผมว่าขุนได้
“ไม่เสือก” ผมตอบกลับไปพร้อมกับหันไปมองเธอที่ตอนนี้เดินไปถึงโต๊ะแล้ว
“พี่ขุนทัพคะรอนานไหมคะ” เด็กที่ผมเรียกมาถามผมขึ้นทันทีเมื่อเธอเดินกลับมาที่โต๊ะ
“ไม่” ผมตอบกลับพร้อมกับยื่นเงินให้จำนวนหนึ่งซึ่งหมายความว่างานของเธอในค่ำคืนนี้จบลงแล้ว
“ไม่ไปต่อกันหรอคะ” เธอถามขึ้นทันที
“พอดีมีธุระ” จริงๆไม่ได้มีธุระอะไรหรอกครับแต่ธุระของผมคือคนที่พึ่งเดินออกไปเมื่อกี้ต่างหาก
“ไอ้ขุนมึงจะไปไหน” ไอ้เปอร์ทักขึ้นทันทีเมื่อผมลุกขึ้นจากโต๊ะ
“โต๊ะเธอคนนั้น” ผมตอบกลับไปทันทีพร้อมกับเดินออกมาโดยไม่สนใจไอ้เพื่อนสนิทสองตัวที่นั่งอยู่
“พอดีตอนนี้พี่ไม่มีเด็กแล้วน้องพริกสนใจไปต่อกับพี่ไหมครับ” จะหาว่าผมหื่นหรืออะไรก็ได้นะครับในเมื่อก่อนเธอออกมาเธอพูดแบบนี้ไว้เอง
“จริงหรอคะ”
“จริงครับ” ผมตอบกลับทันทีพร้อมถือวิสาสะนั่งลงข้างเธอ
“เอ่ยปากชวนแบบเพื่อนหนูแบบนี้ เสือใช่ไหมคะ” เพื่อนของเธอพูดขึ้นทันที
แก๊งนี้สวยทั้งแก๊งเลยสินะ ผู้หญิงสองคนสวยจัดเลยทีเดียวส่วนอีกคนที่เป็นก็ดูดีใช้ได้ ดูดีตามสไตล์เขานั้นแหละครับ
“ใครๆก็บอกว่าผมเป็นเสือ เสือที่ต้องการตะคุบเหยื่อ” อันนี้ผมไม่ได้พูดเองนะครับแต่หลายคนเขาพูด
ถ้าถามว่าเสือใช่ไหมก็ต้องตอบว่าใช่ครับเพราะผมยังคงชอบใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ ถ้ายังรักสนุกก็อย่าหาผูกมัดใคร
“พอดีว่าเหยื่อตัวนี้มันเด็ดเกินกว่าจะให้เสือกินเล่น” พริกไทยตอบกลับมาทันที นั่นทำให้รู้ว่าผมเจอของยากแต่ก็ไม่เป็นไรของยากๆก็เร้าใจไปอีกแบบ
“ถ้าแบบนั้นก็แย่เลยสินะครับ”
“แย่ยังไงหรอคะ”
“ถ้าไม่เป็นเหยื่อให้พี่ขย้ำแล้วน้องพริกจะเป็นอะไร” ผมถามขึ้นทันทีเพราะผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนตรงหน้าจะยากสักแค่ไหน
ก็อย่างที่บอกได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาเยอะก็คงไม่ยากขนาดนั้นใช่ไหมละ
“เป็นคนขย้ำพี่ขุนทัพแทนไงละคะ”