สิ่งที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่าก็คือ สภาพของพ่อกับแม่ ช่วงที่ผ่านมาคงทำให้ท่านทั้งสองคนลำบากไม่น้อย จากผู้ดีกลายสภาพมาเป็นเพียงคนตกอับ ท่านคงรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ไม่ได้ ตัวเธอเองก็เหมือนกัน เธอจะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นไร ดังนั้นเมื่อผละห่างจากอกของมะลิ รัมย์สุดาก็เดินเข้าห้องใหญ่ไปเงียบๆ นัยน์ตาพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาเฝ้ามองคนเป็นพ่อเป็นแม่ แล้วเดินไปใกล้ๆ ท่าน จับมือท่านทั้งคู่เอาไว้แน่น
“พ่อคะ...แม่คะ...หยาดฟ้าขอโทษ...ขอโทษที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างพ่อกับแม่ ในวันที่พ่อกับแม่ลำบาก...” พูดออกมาแล้วก็ต้องสูดหายใจเข้าปอดลึก ข่มเสียงสั่นเครือเอาไว้ “แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมารักษาพ่อกับแม่ให้หายเป็นปกติ และก็จะทำทุกอย่างให้ครอบครัวเรากลับมาเหมือนเดิม เราจะมีเงินมีทอง มีที่ยืนในสังคมนี้ จะไม่มีใครกล้าดูถูกและเหยียดหยาม เราจะต้องมีที่ยืนในสังคม...คุณเอกสิทธิ์ ฤทธิกรวดี และคุณนายสุดา ฤทธิกรวดี จะต้องกลับมามีเกียรติยศและชื่อเสียงเหมือนเดิม หนูจะไม่ปล่อยให้ใครมาดูแคลนครอบครัวของเราเด็ดขาด...หนูสัญญาค่ะ”
กล่าวกับท่านทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นเพียงเท่านั้น ปลายนิ้วเล็กก็เกลี่ยเช็ดน้ำตาให้เหือดหายไปจากดวงหน้า เธอไม่ใช่เด็กสาวผู้อ่อนแอ จะมัวมานั่งร้องห่มร้องไห้ให้ได้อะไรขึ้นมา เธอคือคุณหนูหยาดฟ้า รัมย์สุดา ฤทธิกรวดี ไฮโซสาวสุดสวยของเมืองไทย ซึ่งใครๆ ต่างก็อิจฉาในความสมบูรณ์พร้อม...แม้ชีวิตจะพลิกผันกลายเป็นคนมีแต่ตัว เธอก็จะไม่ยอมให้ใครมาหัวเราะเยาะได้หรอก
ดังนั้นเพียงก้าวออกจากห้องใหญ่ของบ้านได้ หญิงสาวก็ร้องถามป้ามะลิ ซึ่งยังคงยืนร้องไห้อยู่เงียบๆ “ป้าคะ คุณทนายจะมาเมื่อไร”
“พรุ่งนี้เช้าค่ะคุณหนู”
“ก็ดีค่ะ บอกให้เขารีบมาเร็วๆ ด้วยนะคะ เพราะหยาดฟ้ามีเรื่องจะให้เขาจัดการ และต่อไปนี้...ป้าก็เลิกร้องไห้เลิกเสียใจสักที ไม่ต้องเสียดายอะไรทั้งนั้น เพราะสิ่งที่หยาดฟ้าอยากได้จากป้าก็คือ ขอให้ป้าดูแลคุณพ่อคุณแม่ให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องบ้านและค่าใช้จ่ายอื่นๆ หยาดฟ้าจะเป็นคนจัดการเอง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ หยาดฟ้าจะไม่ยอมให้ใครมาไล่เราออกจากบ้านหลังนี้เด็ดขาด บ้าน ฤทธิกรวดีจะต้องอยู่ตลอดไป และเราเท่านั้นที่เป็นเจ้าของค่ะ” กัดฟันกล่าวด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจังแค่นั้นก็เดินเร็วๆ กลับเข้าห้องทันที มาถึงก็ได้แต่เหลือบมองข้าวของทุกชิ้นภายในห้อง แม้ทุกอย่างภายในบ้านจะถูกเปลี่ยนแปลง แต่ภายในห้องของเธอก็ยังคงเหมือนเดิม...ที่มันเป็นแบบนี้คงเป็นเพราะพ่อกับแม่ไม่ยอมแตะข้าวของของเธอ คงต้องการให้เธอได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เป็นคุณหนูหยาดฟ้าผู้สวยสง่า ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อกับแม่กลับมายืนในจุดเดิมให้ได้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ทุกคนทั่วประเทศก็จะต้องจดจำไว้ว่า ตระกูล ฤทธิกรวดีคือไฮโซมั่งคั่งร่ำรวย หาได้ตกอับเหมือนอย่างที่เป็นในเวลานี้ไม่!
รัมย์สุดานำพาตัวเองมานั่งนิ่งอยู่บริเวณปลายเตียง ดวงตากลมโตกวาดมองไปโดยรอบ น้ำตาที่เธอคิดว่าอดกลั้นมันเอาไว้ได้กลับไม่เป็นเช่นนั้นอีก เมื่อเวลานี้เริ่มไหลลงมาไม่ขาดสาย แม้อยู่ลำพังจะร้องไห้ออกมาราวกับฝนห่าใหญ่ แต่ยามอยู่ต่อหน้าพ่อ แม่ หรือคนอื่นๆ เธอจะไม่มีวันให้ใครเห็นรอยน้ำตาเป็นเด็ดขาด เฝ้าบอกตัวเองให้เข้มแข็งอยู่นาน ก็ค่อยๆ เช็ดน้ำตาทิ้งลวกๆ ก่อนจะเดินไปรื้อกล่องสมบัติส่วนตัวภายในตู้ เปิดออกแล้วทอดสายตามองเงินปึกใหญ่ กับเครื่องเพชรเครื่องทองอีกหลายชิ้น ถ้าเอาไปขาย คงจะพอใช้รักษาพ่อกับแม่ได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายในบ้านก็น่าจะพออีกด้วย
ดังนั้นจึงกวาดเอาข้าวของมีค่าทั้งหมดใส่กระเป๋า เธอคงต้องขายมันเพื่อมาจุนเจือครอบครัว และต่อไปก็คงต้องหางานทำ ไม่ใช่เป็นสาวน้อยปริญญาตรีที่เอาแต่เที่ยวไปวันๆ อีกแล้ว หมดเวลาของการใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมายเสียที กระชับกระเป๋าเอาไว้ได้ก็ร้องเรียกหาป้ามะลิ เมื่ออีกฝ่ายก้าวเข้ามาก็ยิ้มเนือยๆ ให้
“หยาดฟ้ามีเรื่องรบกวนป้าค่ะ”
“มีอะไรหรือคะคุณหนู...” หญิงมากวัยกำลังมองหน้าคุณหนูตัวน้อยๆ ของบ้านด้วยความสงสาร ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับคนที่ดีพร้อมอย่างคุณหนูของนางด้วย “บอกป้ามาเถอะค่ะ ป้าพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อคุณหนู”
เรียวปากอิ่มเม้มแน่น แล้วเลื่อนกระเป๋าให้ “ป้าช่วยเอาของทุกอย่างในนี้ไปขายให้หยาดฟ้าหน่อยนะคะ เงินที่ได้มาป้าหักค่าแรงได้เลย ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ใช้จ่ายภายในบ้าน แล้วก็เอาไว้จ่ายค่ารักษาคุณพ่อกับคุณแม่ หลังจากนั้นถ้าขาดเหลืออย่างไร หยาดฟ้าจะรีบหามาเพิ่มให้ หยาดฟ้าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านฤทธิกรวดีกลับมาเป็นเหมือนเดิมค่ะป้า”
“คุณหนู...” มะลิได้แต่เรียกเสียงสั่นเครือ
“ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องแสดงความเสียใจหรืออะไรทั้งนั้น ป้าจำไว้นะคะว่าสิ่งที่หยาดฟ้าต้องการจากป้าก็คือ กำลังใจและขอให้ป้าดูแลพ่อกับแม่ของหยาดฟ้าให้ดีที่สุดเท่านั้น เพราะหลังจากตกลงกับคุณทนายในวันพรุ่งนี้ หยาดฟ้าคงต้องไปหางานทำ เรื่องในบ้านคงต้องฝากให้ป้าเป็นคนจัดการ...หยาดฟ้าฝากทุกอย่างไว้กับป้านะคะ”
“คุณหนู...” นางเรียกด้วยตาแดงๆ พอถูกโผเข้ามากอด น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็หลั่งไหลอาบแก้ม นางขอเพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ต่อไปจะไม่ร้องห่มร้องไห้เช่นนี้อีก
แม้จะสั่งตัวเองให้เข้มแข็งสักปานใด รัมย์สุดาก็ยังร้องสะอึกสะอื้นออกมาอย่างห้ามไม่ไหว กอดมะลิอยู่นานพอควรนั่นแหละถึงได้ผละห่างแล้วเช็ดน้ำตาให้คนอายุมากด้วยปลายนิ้ว “ป้ากลับไปพักเถอะนะคะ หยาดฟ้าก็จะพักเหมือนกัน”
“ป้าทำกับข้าวไว้ให้แล้ว คุณหนูหิวคุณหนูก็ลงไปกินนะคะ เดี๋ยวป้าจะไปดูคุณท่านกับคุณผู้หญิงก่อน”
“ค่ะป้า...ฝากพ่อกับแม่ด้วยนะคะ”
กระซิบเบาๆ เพียงเท่านั้นก็หันหลังให้ พอได้อยู่คนเดียวอีกครั้งก็เอาแต่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี จะทำงานหาเงินน่ะหรือ ไม่รู้อีกกี่ปีกี่ชาติ บ้านฤทธิกรวดีถึงจะกลับมามั่งคั่งเช่นเดิม แต่จะปล่อยให้บ้านนี้ถูกยึด ถูกขายทอดตลาดตกไปเป็นของคนอื่นละก็ ไม่มีวันเสียล่ะ เธอจะทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านยังคงเป็นของครอบครัว วันข้างหน้าจะไม่มีใครต้องออกจากบ้านหลังนี้อีกเป็นเด็ดขาด
ผ่านมาร่วมครึ่งชั่วโมงเรือนร่างระหงยังคงเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้อง พยายามใช้สมองอันน้อยนิดเท่าทีมีขบคิดถึงวิธีการแก้ปัญหาให้คลี่คลาย แต่เมื่อมองไม่เห็นทางออกก็ได้แต่ล้มตัวลงนอนอย่างคนสิ้นแรง พลิกซ้ายพลิกขวา แขนเรียวขาวยกก่ายเกยหน้าผาก หมดเวลาไปเกือบค่อนคืนนั่นแหละถึงได้ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วเพ่งมองโทรศัพท์มือถือแทบไม่กะพริบตา
บางทีคงต้องขอให้คนที่ฉลาดเป็นกรด และมีความคิดเจิดจรัสกว่าใครในผองเพื่อนเป็นคนช่วยแก้วิกฤตครั้งนี้ เพราะเธอคงไม่สามารถแก้ไขได้เอง ดังนั้นจึงคว้าโทรศัพท์แล้วกดโทร. ออกไปไกลในอีกทวีปของโลก รอสายไม่นานน้ำเสียงเจื้อยแจ้วอันคุ้นหูก็ดังเล็ดลอดเข้ามา ดังนั้นจึงรีบเรียกเพื่อนด้วยเสียงที่บังคับไม่ให้สั่น
“เดหลี...”
“หยาดฟ้า...ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ ได้ข่าวว่ามาเที่ยวที่อิตาลี ไม่เห็นแวะมาหาเราบ้างเลย”
อิสตรี แฟรงค์เฟิร์ส สาวน้อยวัยยี่สิบสี่ลูกครึ่งไทย-อิตาลีกระเง้ากระงอดเพื่อนรักมาตามสาย
“รู้ไหมว่าเราแอบน้อยใจ”
“เราไปหาเดหลี แต่ที่บ้านบอกว่าเดหลีบินไปฮ่องกง เราก็เลย...”
“อ๋อ...”
คนต้องบินตามบิดาไปทำธุระได้แต่ยอมรับเสียงอ่อยๆ “ขอโทษจ๊ะ...เราสองคนเลยอดเจอกันเลย แต่ช่างเถอะ สักวันเราก็ต้องได้เจอกันจริงไหมจ๊ะ”
“จ้ะ”
รัมย์สุดาตอบรับด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยังไม่รู้เลยว่าจะเล่าเรื่องที่บ้านให้เพื่อนรักรับรู้ดีหรือเปล่า จึงเอาแต่ถอนใจเงียบๆ ผ่านไปอึดใจใหญ่จนได้ยินเสียงเพื่อนรักตะโกนลั่นเข้ามาในหูนั่นแหละถึงได้สะดุ้งตื่นจากภวังค์
“เอ่อ...ว่าไงจ๊ะ”
“เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมน้ำเสียงไม่ดีเลย”
“คือว่าเรา...” แม้จะข่มความเสียใจเอาไว้แค่ไหน แต่เธอก็ทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย
“รัมย์สุดา ฤทธิกรวดี ไฮโซสาวสุดแซบหายไปไหนแล้วจ๊ะ เงียบไปแบบนี้ดูไม่เหมือนหยาดฟ้าเลยนะ”
“เรามีเรื่องให้เดหลีช่วย...” พูดออกมาแล้วก็สูดหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังอย่างละเอียด หลังจากเล่าจบก็ได้แต่กลั้นหายใจ “เราไม่ต้องการให้เดหลีช่วยเรื่องเงินหรอกนะ เราแค่อยากหางานทำ...งานที่ได้เงินเดือนเยอะๆ เราต้องการฟื้นฟูบ้านฤทธิกรวดีให้ได้ภายในสามเดือน หกเดือน มากสุดก็หนึ่งปี”
คนอยู่อีกฟากโลกกำลังเป่าปากอย่างอ่อนใจ “เรามีเงินนะหยาดฟ้า เราให้หยาดฟ้าได้นะ หยาดฟ้าจะเอาสักร้อยล้านก็ได้”
“ไม่จ้ะ ขอแค่เดหลีหางานให้ทำเท่านั้นก็พอ”
“เอาตรงๆ เลยนะ ไม่มีงานที่ไหน จะทำรายได้ให้เราได้มากภายในสามเดือนหกเดือนหรอก ต่อให้เอาไปลงทุนกับอะไรสักอย่าง ก็อาจได้ไม่คุ้มเสียเลยด้วยซ้ำ เรารู้ว่าหยาดฟ้ามีความรู้ มีการศึกษาที่ดี เป็นคนเก่ง คนฉลาด แต่ว่า...มันก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะหาเงินเป็นร้อยๆ ล้าน เอาอย่างนี้ไหม...เราจะไปปรึกษาคุณพ่อ ขอให้ท่านช่วย...”
“อย่าเลยจ้ะ เราไม่อยากรบกวนท่าน”
แม้จะรู้ว่าบิดาเพื่อนรักก็ร่ำรวยไม่ใช่น้อย แต่จะให้แบกหน้าไปรบกวนก็รู้สึกเกรงใจ อีกอย่างถ้าท่านให้เงินจำนวนนั้นมาแล้ว จะเอาเงินจากที่ไหนไปคืนท่านได้ “ขอบคุณมากนะเดหลี...แค่ให้คำปรึกษากับเราก็ดีมากแล้วจ้ะ แต่เราจะไม่ยอมแพ้หรอกนะ เราจะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ จะไม่มีใครกล้าหยามเหยียดว่าฤทธิกรวดีเป็นไฮโซอับจนเด็ดขาด”
เพราะรู้จักและเล่าเรียนด้วยกันมาหลายปี เดหลี อิสตรี แฟรงค์เฟิร์ส จึงพยายามหาทางช่วยเพื่อนรัก หล่อนยังมองไม่ออกจริงๆ ว่าหยาดฟ้าจะหาเงินจำนวนมากได้จากที่ไหน แต่ไม่กี่นาทีถัดมานัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนก็เหลือบไปเห็นนิตยสารเล่มโต นักธุรกิจหนุ่มที่อวดท่วงท่าสง่าบนปกนั้น กำลังทำให้สาวน้อยแสนซุกซนคลี่ยิ้มมีเลศนัย มันคงจะมีวิธีนี้เพียงวิธีเดียวเท่านั้นกระมัง ที่จะช่วยเพื่อนรักได้
“หยาดฟ้า...ยังอยู่หรือเปล่า” รีบร้องเรียก เมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาก็รีบกระตุกยิ้มว่า “เราอยากให้หยาดฟ้าบินมาหาเราที่อิตาลีโดยเร็ว เรามีวิธีที่จะทำให้ฤทธิกรวดีกลับมามั่งคั่งเช่นเดิมแล้วจ้ะ”
“วิธีอะไรหรือ...”
ได้แต่ร้องถามเพื่อนรัก รู้สึกใจชื้นขึ้นมากเหลือเกิน
“เอาไว้มาถึงก็รู้เองจ้ะ รีบๆ มานะ แล้วเราจะจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้”
ได้ยินเพื่อนรักบอกเพียงเท่านั้น รัมย์สุดาก็ก้มมองโทรศัพท์ในมือด้วยความไม่เข้าใจ แต่ด้วยความเฉลียวฉลาดของอิสตรี เธอเชื่อว่าเพื่อนรักคงมีวิธีช่วยเหลือจริงๆ ตอนนี้ใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความกังวลจึงเริ่มมีรอยยิ้มจางๆ อนาคตแสนริบหรี่กำลังมีแสงสว่างในปลายอุโมงค์ปรากฏ เมื่อพอจะมีหนทางหลุดพ้นจากความอับจนจึงตัดสินใจอาบน้ำและพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ยังต้องเจออะไรอีกมาก ดังนั้นจึงต้องตั้งสติและเข้มแข็งให้มากๆ
แม้จะสั่งร่างกายให้พักผ่อน แต่ดึกสงัดแล้วดวงตากลมโตก็ยังคงเบิกโพลงอยู่ในความมืด เมื่อไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ ช่วงขาเล็กเรียวก็นำพาตัวเองก้าวมาหยุดอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ของบิดามารดา เปิดเข้าไปไฟภายในห้องก็สว่างพึ่บพั่บ จึงเอาแต่ทอดสายตามองหน้าของพ่อกับแม่ ซึ่งท่านหลับสนิทอยู่บนเตียง ทุกอย่างก็ยังคงดูเหมือนเดิมไม่ผิดจากเมื่อสามเดือนก่อนเลยสักนิด สิ่งที่แตกต่างไปมากก็คือรูปร่างอันซูบผอมของท่านทั้งสองคน ตอนนี้จึงได้แต่เดินไปหยุดบริเวณปลายเตียง มือน้อยๆ จับปลายเท้าของบิดามารดาเอาไว้