อีกกี่นาทีต่อมาสราวลีก็วางโทรศัพท์พร้อมกับยิ้มกว้างทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเอ่ยบอกข่าวดีให้หญิงสาวทั้งสองคนทราบ
‘ลูกค้าตกลงยอมจ่ายค่ะ โอ๊ย...ลีแทบจะไม่เชื่อเลยว่าจะมีใครใจป้ำยอมจ่ายเงินสี่แสนกับแค่คืนเดียว’
‘พอแล้วยายลีไม่ต้องดีใจโอเวอร์ ลูกค้าชื่ออะไรเป็นพวกค้ายาหรือเปล่าถึงได้มีเงินมากมายขนาดนี้’
เจ๊ยาต่อว่าลูกน้องก่อนจะเอ่ยพึมพำออกมาด้วยความสงสัย
‘ลีคิดว่าไม่น่าใช่พวกค้ายานะคะ เพราะลูกค้าที่ลีโทรไปหาเขาบอกว่าเจ้านายเขาเป็นชีคที่ประเทศ...เอ่อ...ประเทศอะไรก็ไม่รู้จำได้แต่ว่ารานส์ๆ นี่แหละค่ะ ประเทศเขารวยบ่อน้ำมันค่ะ และเจ้านายเขาก็เป็นประมุขเป็นเจ้าของประเทศ ลีคิดว่าเงินแค่นี้คงจะเป็นแค่เศษเงินของพวกเขา’ สราวลีเอ่ยบอกตามข้อมูลที่ซักถามกับลูกค้ามาอย่างคร่าวๆ เท่าที่ฝ่ายโน้นจะยอมเผยออกมา
‘ทำไมเจ๊กับพี่ลีเรียกค่าตัวให้พริ้นซ์มากจังเลยคะ’ หญิงสาวอดที่จะเอ่ยถามถึงจำนวนเงินมหาศาลไม่ได้
‘เจ๊เรียกเผื่อให้หนู สามแสนเอาไปใช้หนี้ไอ้เสี่ยประกิจให้หมดส่วนที่เหลืออีกหนึ่งแสนพริ้นซ์เอาไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลแม่และก็เอาไว้เป็นทุนในการประกอบอาชีพ’
เจ๊ยายิ้มบางๆ ให้หญิงสาวก่อนจะกวักมือเรียกให้อีกฝ่ายขยับเข้ามานั่งใกล้ชิดตนเองมากยิ่งขึ้น
‘เงินสี่แสนที่ได้เจ๊จะให้พริ้นซ์ทั้งหมด แต่พริ้นซ์ต้องสัญญากับเจ๊ว่าจะทำครั้งนี้แค่ครั้งเดียว เจ๊ไม่อยากให้หนูต้องมาแปดเปื้อนคาวราคีเหมือนเจ๊กับยายลี”
วิริยาเปล่งเอ่ยขอคำมั่นสัญญาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย เพราะนางหลงเดินทางผิดมาตั้งแต่ต้นทำให้ไม่อาจหวนกลับคืนได้นอกจากจะเดินต่อไปโดยไม่ลืมทำความดีเพื่อเป็นการชดเชยส่วนที่เลวร้ายของตนเอง
‘พริ้นซ์...หนูต้องบอกเรื่องนี้กับแม่หนูน่ะ เจ๊อยากให้แม่หนูเขาได้ละอายใจสำนึกผิดที่ทำให้ลูกสาวแสนสวยราวกับตุ๊กตาเจียระไนต้องมาแปดเปื้อนเพราะนาง’
ปิณฑิราสะอื้นร้องไห้ออกมาเบาๆ ขณะที่ยินคำพูดของเจ๊ยา เธอก้มลงกราบบนหน้าตักของหญิงหม้ายวัยค่อนคนที่ไม่ยอมหักเงินเธอแม้แต่แดงเดียว
‘พริ้นซ์ให้สัญญากับทุกสิ่งที่เจ๊ยาขอมา พริ้นซ์จะบอกแม่...บอกให้แม่รู้ว่าเพราะการพนันทำให้พริ้นซ์ต้องขายตัวเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ให้แม่’
หญิงสาวเอ่ยคำมั่นสัญญาด้วยใบหน้าและน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวอย่างตัดสินใจดีแล้ว มือบางยกขึ้นเช็ดคราบน้ำตาออกมาจากใบหน้า เธอจะไม่ร้องไห้ให้กับความสาวที่กำลังจะสูญเสียไป เพราะนี่คือสิ่งที่เธอจะทำได้เพื่อเป็นการตอบแทนมารดาที่เธอรัก
วิริยาเอื้อมมือไปกอบกุมใบหน้างดงามชวนหลงใหลไว้พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเจือแววเอ็นดู
‘พริ้นซ์...หนูฟังเจ๊น่ะ หนูเป็นเด็กดี เป็นเด็กที่กตัญญูต่อบุพการี เมื่อสูญเสียสิ่งที่ห่วงแหนมาตลอดทั้งชีวิตของวัยสาวไปแล้วอย่าได้คิดถึงมันอีก ผ่านพ้นคืนนี้ไปแล้วก็ให้มันแล้วไป รุ่งเช้าหนูก็จะเป็นพริ้นซ์คนเดิม เป็นเจ้าหญิงที่สวยสดงดงามอยู่ในใจของใครหลายๆ คนตลอดไป’
ปิณฑิราเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงพร้อมกับโผเข้าไปกอดเจ๊ยาผู้ใจดีไว้แน่น
‘ค่ะเจ๊ยา พริ้นซ์จะไม่คิดถึงมัน พรุ่งนี้พริ้นซ์จะเป็นพริ้นซ์คนเดิมจะทำตัวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น’
วิริยายิ้มบางๆ ตรงมุมปากด้วยความพึงพอใจเมื่อได้ยินน้ำคำตอบรับอย่างหนักแน่น นางเบือนหน้าหนีจากใบหน้าของเด็กสาวก่อนจะหันไปถามลูกน้องคนสนิท
‘ลูกค้านัดให้ไปพบที่ไหน’
‘ที่โรงแรม...ตอน 6 โมงเย็นค่ะ’ สราวลีเอ่ยถึงโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองกรุงพร้อมกับบอกเวลาที่ทางลูกค้านัดหมายไว้ด้วย
วิริยาเหลือบสายตามองเวลาบนนาฬิกาเรือนงามที่ประดับไว้ข้างฝาก่อนจะเอ่ยสั่งลูกน้องอีกครั้ง
‘อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเวลานัดแล้ว แกพาหนูพริ้นซ์ไปอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณแล้วก็หาชุดใหม่ให้หนูพริ้นซ์ใส่ด้วย เดี๋ยวฉันจะไปส่งหนูพริ้นซ์ที่โรงแรมเอง’
‘ไปหนูพริ้นซ์ เดี๋ยวพี่ลีจะชุบตัวหนูให้สวยพริ้งเอาให้แขกตกตะลึงไปเลย’
สราวลีเอ่ยกลั้วหัวเราะเพราะต้องการให้หญิงสาวที่เพิ่งทำงานนี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตได้คลายความตึงเครียดลงบ้าง
ปิณฑิราลุกขึ้นยืนพลางมองสบตากับเจ๊ยาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเดินตามแรงฉุดของสราวลีขึ้นไปบนบ้าน
วิริยามองตามหญิงสาวสองคนต่างวัยที่ก้าวขึ้นบันไดไปบนบ้านจนสุดสายตาก่อนจะเอนตัวพิงพนักโซฟาและเอ่ยพึมพำออกมาคนเดียวด้วยความหนักใจ
‘นี้เราคิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ที่ส่งกวางสาวอย่างหนูพริ้นซ์ไปเข้าปากเสือ’
17.50 นาฬิกา
10 นาทีก่อนที่จะถึงเวลาที่ทางลูกค้านัดหมายไว้ รถเก๋งคันกะทัดรัดของวิริยาตีวงเข้ามาจอดหน้าโรงแรมหรูหราชื่อดังใจกลางเมืองกรุง เด็กรับรถที่แต่งตัวด้วยชุดไทยรีบโค้งคำนับอย่างงดงามก่อนจะเปิดประตูรถออกกว้างให้แขกที่แวะเวียนมาที่โรงแรม
วิริยาเอื้อมมือไปจับมือบางนุ่มเนียนของหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับตนเองก่อนจะเอ่ยบอกและย้ำเตือนถึงเรื่องที่พูดกันไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
‘พริ้นซ์ หนูเข้าไปบอกประชาสัมพันธ์ว่ามาพบกับท่านชีคฟาซิซต์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์ น่ะเดี๋ยวพวกเขาจะพาหนูไปพบกับท่านชีคเอง’
‘ค่ะเจ๊ยา’
หญิงสาวรับคำเบาๆ ชื่อของคนที่กล้าจ่ายเงินถึงสี่แสนบาทเพื่อซื้อตัวเธอสะท้อนก้องเข้ามาในหัวสมองจนทำให้เธอมึนงงคิดอะไรไม่ออก
‘พริ้นซ์...หนูอย่าลืมน่ะ พรุ่งนี้หนูจะต้องเป็นพริ้นซ์คนเดิม’
วิริยากระชับมือบางไว้แน่น ถึงตอนนี้คนที่ลังเลช่างจิตช่างใจกลับเป็นนางเสียเอง
‘ค่ะเจ๊ยา พรุ่งนี้พริ้นซ์จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้หมด’
ปิณฑิราฝืนยิ้มให้ผู้มีพระคุณพร้อมกับรับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจากนั้นก็ก้าวลงจากรถด้วยฝีเท้าที่มั่นคง เธอยืนรอจนกระทั่งเจ๊ยาขับรถออกไปพ้นบริเวณด้านหน้าของโรงแรมแล้วจึงเดินเข้าไปในโรงแรมและตรงดิ่งไปที่เคาร์เตอร์ประชาสัมพันธ์
หญิงสาวเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นงดงามดุจนางในวรรณคดีที่กำลังก้าวเดินมั่นคงไปที่เคาร์เตอร์ประชาสัมพันธ์ได้หารู้ไม่ว่าเธอไม่อาจรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับเจ๊ยาผู้ใจดีได้ เพราะทันทีที่เธอบอกกับประชาสัมพันธ์หนุ่มว่ามาพบท่านชีคฟาซิซต์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์ ก็เท่ากับว่าจิตวิญญาณดวงเล็กๆ ของเธอได้ถูกชีคหนุ่มเจ้าแห่งทะเลทรายได้พรากออกไปจากกายโดยไม่มีวันได้หวนคืนกลับมาดังเดิม