"ไปห้องน้ำหน่อยได้ไหมคะ..." หญิงสาวท้วงทักเมื่อเริ่มล้าและรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำกะทันหัน ชายหนุ่มที่กำลังกอดเธอและโยกตัวไปตามจังหวะพยักหน้ารับคำขอแต่โดยดี
"พี่ไปด้วย..." เขากระซิบข้างหูเพราะเสียงดนตรีมันกลบดังกระหึ่ม
"ห้องน้ำผู้หญิงนะคะ"
"ก็ไปเป็นเพื่อนไง พี่รอหน้าห้องน้ำนะ"
"..." เมื่อถูกคะยั้นคะยอดังนั้นก็จำต้องตามใจเขาอีก รู้สึกว่าอัศม์เดชแทบจะสิงเธออยู่แล้วในแต่ละวัน ไม่ว่าทำอะไร ยื้อย่างไปทางไหนก็ตาม
หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับเขาฉีกกฎคุณหมอผู้อารี มีวินัย มาดเนี๊ยบ เงียบขรึม...ราวกับนี่คือคนละคน เป็นเพลย์บอยในร่างอวตารอีกมุมหนึ่งของเขา
ปากทางเข้าห้องน้ำผู้หญิงอือออไปด้วยสาวๆ อัศม์เดชจึงขอตัวออกไปสูบบุหรี่ด้านนอกรอให้อัญญดาทำธุระเสร็จจึงค่อยตกลงกันว่าจะต่อหรือจะกลับ ใจของหญิงสาวนั้นเธอไม่ใคร่อยากสถิตอยู่ในที่นี้นานนักหรอก เพราะรู้สึกหูอื้อและอ่อนเพลียมากแล้ว
ห้องน้ำที่นี่ค่อนข้างสะอาดหากเทียบกับผับหลายแห่งซึ่งเธอเคยไปออกบูธ เพราะมีแต่บรรดาคนมีระดับมาใช้บริการ กลิ่นคลีนทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อยหนึ่งหลังจากทนอยู่ในผับซึ่งแออัดพอสมควร
สักพักเธอก็กลับออกมาเดินไปหาอัศม์เดชซึ่งคงยังอยู่ด้านนอก ระว่างทางเดินมีแสงสว่างนวล ผู้คนเดินผ่านประปรายเพราะห้องน้ำนี้อยู่ติดกับทางออกเล็กๆ ไว้ระบายถ่ายเทอากาศ ไม่ได้เป็นทางเข้าออกหลักๆ ของผับดังเช่นด้านหน้าและด้านหลัง
"คิดถึงคุณหมอจังเลยค่ะ...ไม่ได้แวะไป...อื่ม ให้ 'ฉีด' ยานานแล้ว..." เสียงหวานพร่าคลุมเครือผ่านพัดเข้าหูทันทีเมื่อเท้าน้อยย่างเข้าไปเกือบสุดทางออก ใจสาวสั่นระรัวขมวดคิ้วเข้าหากันและกลั้นหายใจอัตโนมัติ ไม่อยากนึกเดาสิ่งที่ได้ยิน และกำลังจะเห็น...
"ผึ้งคิดถึงคุณหมอจริงๆ นะคะ แหม...ไม่สนใจกันบ้างเลย"
อัญญดาตัดสินใจเดินออกไปตามสัญชาตญาณ หัวใจเต้นระส่ำ รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวๆ ไม่รู้ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์ หรือเพราะเลือดลมในตัวฉีดพล่านไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ภาพที่เธอเห็น...อัศม์เดชยืนพิงกำแพงตรงกระถามต้นไม่พุ่มเตี้ยแค่สะเอว ขาข้างหนึ่งยกค้ำกับกำแพง มือข้างหนึ่งสอดล้วงในกระเป๋าอีกข้างก็ถือบุหรี่ ในขณะที่...ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังซบซุกอยู่กับแผงอกของเขา ทั้งตัวเหมือนจะทรุดฮวบ มันวูบวาบเจ็บปลาบไร้สาเหตุและควบคุมไม่ได้
"คุณหมอ...ใจดำกับผึ้งจริงๆ เลย คนเคยๆ กันแท้ๆ คืนนี้ไปส่งผึ้งได้ไหมคะ"
ผู้หญิงคนนั้นยังนัวเนียเคลียคลอ แม้อัศม์เดชจะไม่ได้แตะต้องหล่อนก็ตาม แต่ขาเรียวข้างหนึ่งก็สอดคร่อมไปกับท่อนขาแข็งแรงของเขา ถูไถผ่านกระโปรงสั้นเกือบเห็นแก้มก้นนั้นอย่างไม่นึกอายฟ้าดิน แม้ตรงนี้จะมีนักเที่ยวยืนคุยโทรศัพท์อยู่สองคนสามคน เจ้าหล่อนก็ไม่ได้แคร์ มือก็พลางแกะกระดุมเสื้อและซบใบหน้าเข้าหาลำซอกคอของเขา
"คุณมาคนเดียวเหรอ..." เขาถามแต่ไม่ก็ไม่ขยับหนี หรือแม้แต่จะแสดงท่าทีถอยห่าง หรือทำอะไรก็ได้ที่ไปจากหญิงสาวนางนั้น อัญญดาน้ำตาไหลพราก...บังเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นที่สุด อัศม์เดชไม่ได้อ่อนโยนเอาใจแต่กับเธอหรอก นิสัยเขาก็เป็นแบบนี้กับอิสตรีทุกนางนั่นแหละ
"มาคนเดียว...แต่จะกลับกับคุณ..." เธอตอบ แล้วก็ทำท่าจะจูบประกบริมฝีปากหนา แต่คุณหมอหนุ่มก็ยกบุหรี่ขึ้นสูบเสียก่อน พ่นควันโขมงจนอีกฝ่ายต้องก้มซบที่แผงอกแกร่งดังเดิมเป็นการหลบเลี่ยง
"ถ้างั้นก็คงต้องกลับคนเดียวเหมือนตอนมาแล้วล่ะ ขอโทษทีนะผมต้องเข้าไปข้างในแล้ว" เสียงทุ้มกล่าวนิ่งเนิบไม่ได้แสดงความไม่พอใจ หรือนึกอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะขยับตัวเตือนอีกฝ่ายในที
กึก.... เสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ได้ยินอยู่ในระยะห่างไม่มากนักทำให้ทั้งคู่หันไปมองตามสัญชาตญาณ อัศม์เดชถลาตัวออกจากอ้อมอกสาวงามในชุดดำทันควันเมื่อเห็นว่าเต็มๆ ว่าเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นคืออัญญดา และเธอกำลังหันหลังกลับวิ่งห่างออกไป สองเท้าก็เร่งตามทันที
"น้ำมนต์!!"
"คุณหมอ!! หมอเพชร!! อะไรกันคะ!" สาวสวยแทบหงายหลังล้มจากแรงผลักโดยที่คนตัวใหญ่ไม่นึกหันกลับมาชายตาแลแม้แต่น้อย เธอยืนกระทืบเท้าเร่าๆ มองเขาเลี้ยวเข้าไปยังทางเดินเข้าด้านในและหายลับไปพร้อมความงุนงงขุ่นเคือง
"น้ำมนต์!! นี่เดี๋ยวก่อนฟังพี่ก่อน!!" ข้อมือเล็กถูกคว้าดึงกระชากให้หยุดทันทีเมื่อเข้าถึงตัว อัญญดาไม่ยอมมองหน้าเขา แต่ผิวที่สัมผัสนั้นเย็นเฉียบจนเขาพ่นหายใจแรงๆ อย่างเครียดๆ
"กำลังเข้าใจผิดรู้ไหม"
"มันเป็นเรื่องส่วนตัวคุณหมอ หนูจะกลับแล้วล่ะ"
"อ้าว...มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ งั้นก็ไปเถอะน้ำมนต์คงจะง่วง"
"ไม่ค่ะ!!" ตาสว่างต่างหาก เธอสะบัดข้อมือทันที กลืนน้ำลายลงคอฝืดฝืน แล้วหันกลับเดินต่อไปไม่อยากในใจเขาอีก
"นี่น้ำมนต์ ฟังพี่ก่อน..."
"หนูไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ" ท่าทีของอัญญดาเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เขาสร้างบาดแผลให้เธอใหญ่หลวง จากนั้นก็ดูแลเยียวยา พอความรวดร้าวเริ่มเจือจางลางหาย กลับหวดซ้ำลงบนแผลเก่านั้นให้สดใหม่และปวดระบมยิ่งกว่าเดิม
"หมอเพชรคะ หมอเพชร!!!!" เสียงแหลมดังขานเรียกมาแต่ไกล อัศม์เดชส่ายหน้าด้วยความระอา เขาไม่ชอบเลยกับการต้องมานั่งแก้ปัญหาไร้สาระหาแก่นสารไม่ได้แบบนี้ แถมดูเหมือนว่าจะยิ่งเลวร้ายเข้าไปอีกเมื่อตัวแปรสำคัญกัดไม่ปล่อย
"คนรักของคุณหมอมาโน่นแล้วปล่อยหนูเถอะค่ะ..."
"คนรักอะไรที่ไหนกันเล่า โธ่...มานี่ก่อนเลย" เมื่อหาหนทางหลบเลี่ยงไม่ได้ เพราะอีกไม่กี่ก้าวร่างเฉิดฉายในชุดดำเกาะอกของอดีตคู่ขาก็คงตามมาทัน อัศม์เดชจึงผลักร่างของอัญญดาให้เข้ามาตรงทางเลี้ยวอย่างรวดเร็ว
"ทำอะไรคะ...ไปหาเขาสิ"
"ไปหาทำไมเล่า พี่จะอยู่กับน้ำมนต์" เสียงฝีเท้าของผึ้งเข้ามาใกล้ทุกที ผนวกกับนักท่องราตรีคนอื่นๆ เดินประปรายเข้ามา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจผลักประตูห้องเก็บของและดึงให้อัญญดาเข้าไปหลบในนั้นกับเขาเพื่อเคลียร์ความบาดหมาง
"คุณหมอ!" มือใหญ่สากหนาปิดประกบปากบางที่กำลังอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจในการกระทำของเขาไว้เสียก่อน
"จุ๊ๆ เงียบก่อน...ให้เขาไปก่อนพี่อยากจะอธิบายกับน้ำมนต์สองคน ไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วย"
"อื้อ!" มือหนึ่งกอดร่างเล็กที่ดิ้นขัดขืน อีกมือก็อุดปากเธอไว้กันเสียงร้องจะเรียกให้คู่ขาเก่ากลับมาซ้ำเติมความยุ่งเหยิงอีก ผิวเนื้อสัมผัสกับความชื้นเย็นตรงพวงแก้มก็พอนึกเอาออกว่าเกิดอะไรขึ้น
"น้ำมนต์..." เขากอดเธอไว้อย่างนั้น ดึงเข้าหาตัวเองที่พิงแพงแน่น สายตามองตรงช่องลมประตูเพื่อสำรวจความเป็นไปด้านนอก ไม่นึกว่าผึ้งจะตอแยเขาถึงขนาดนี้ทั้งๆ ที่ก็ขาดการติดต่อกันไปนานแสนนานแล้ว ความบังเอิญแท้ๆ นำพามาพบกันในค่ำคืนที่เขาและอัญญดาเริ่มจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทางที่ดีขึ้น
"เขาไปแล้ว..." เธอบอกเมื่อเห็นทุกอย่างด้านนอกเช่นเดียวกันกับคุณหมอหนุ่ม
"งอนพี่?..." ถามทั้งที่ยังกอดด้านหลังร่างเล็กเอาไว้
"งอนทำไมคะไม่ได้เป็นอะไรกัน"
"อ้อ...แล้วที่นอนด้วยกันทุกคืนล่ะ" เสียงทุ้มแย้งไม่ค่อยพอใจนัก
"ถ้ายังไม่หยุดดูถูก หนูจะย้ายออกจากบ้านจริงๆ ด้วยนะคะ จะฟ้องศาลเลย ให้คุณหมอเป็นบุคคลต้องห้าม ห้ามเข้าใกล้ ห้ามเกี่ยวข้องกันอีก"
"เรื่องนิดๆ หน่อยๆ น้ำมนต์อย่างี่เง่าได้ไหม พี่ทำดีกับน้ำมนต์ ยอมน้ำมนต์มาตลอด ทำไมไม่ยอมฟังกันบ้าง พี่กับเขาไม่ได้เป็นอย่างที่น้ำมนต์เห็น"
"หนูไม่ได้สนใจค่ะ ช่างมันเถอะ..." ทั้งๆ ที่ใจมันประท้วงว่าจะให้คิดยังไงกับภาพๆ นั้น ในเมื่อคลอเคลียเบียดแทบจะแทรกสิงกันอยู่แล้ว
"ก็แค่เคยคบกัน ทักทายกันธรรมดา ผึ้งเขาเมามันไม่มีอะไรเลย"
"ค่ะ...น้ำมนต์เข้าใจแล้วกลับกันดีกว่า น้ำมนต์ขอไปนอนบ้านเพื่อนนะคะพรุ่งนี้ไม่มีเรียนด้วยเดี๋ยวคุณหมอไปส่ง ที่...อุ๊บ!..." ยังไม่ทันพูดจบประโยคด้วยซ้ำและโดยไม่ทันระวังตัวเธอก็ถูกเขาเหวี่ยงพลิกกลับให้ไปพิงผนังแทน และตัวเขาก็กางแขนค้ำคร่อมเธอไว้ ประกบจูบกลีบปากช่างเจรจานั้นเสียด้วยความไม่ชอบใจ
ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าของนักท่องราตรีเดินขวักไขว่...และเสียงเรียกหาของผึ้งที่ยังวนเวียนตามตัวอัศม์เดช เหมือนเธอคนนั้นจะไม่ยอมแพ้ลดราวาศอกเอาเสียเลย
"ไปอยู่ไหนนะหมอเพชร...หึ...กว่าจะได้เจอตัวไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะเนี่ย" ผึ้งหัวเสีย เริ่มเมื่อยเพราะเดินไปเดินมาหลายรอบแล้วก็ยังไม่เจอตัวคนที่ต้องการหา ทั้งที่เมื่อครู่เห็นหลังไวๆ อยู่แท้ๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีใครหน้าไหนฉกผู้ชายที่เธอกำลังคร่อมอยู่ไปต่อหน้าต่อตา
หญิงสาวนั่งลงตรงเก้าอี้สำหรับบริการลูกค้าซึ่งวางอยู่เป็นจุดๆ โดยทั่ว ตรงทางแยกไปห้องเก็บของสำหรับทำความสะอาด
กึก!! "เอ๊ะ...เสียงอะไรน่ะ" เธอเงี่ยหูฟังเสียงอะไรบางอย่าง เมื่อแน่ใจว่าอาจจะหูฟาดหรืออาจเป็นพวกหนูมาวิ่งว่อนแถวๆ นี้ก็ได้ มือเล็กเรียวแต่งเล็บด้วยสีฉูดฉาดล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าถือแล้วแชทคุยกับเพื่อนที่กำลังสนุกอยู่ด้านในของผับ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเมาเข้าให้แล้ว อยากนักสูดอากาศสบายๆ สักครู่