Chapter 9 ฉันไม่ได้เป็นขโมย
“สั่งออกไปให้ถอนสมอออกเรือได้เป้าหมายคือมาเลเซีย ส่วนนายสองคนนะเอ็ดเวิร์ดกับวูล์ฟ นายมากับฉัน”
คนสนิทของนายบ่อนสั่ง การ์ดร่างยักษ์เจ้าของชื่อสองคนรีบขยับตามทันที แม้ธนัชย์จะตัวเล็กตามชาติพันธ์ชาวไทยของเขา แต่ฝีมือและฝีเท้าหนักหนายิ่งกว่าฝรั่งมังค่าหลายคนเสียอีก เห็นเป็นคนขี้เล่นสนุกสนานแบบนี้ใครอย่าได้ประมาทเพราะวูล์ฟเคยลองมาแล้ว
“นายสองคนไปพาตัวผู้หญิงคนนั้นมาหาฉัน” ธนัชย์หันมาสั่งการ์ดทั้งสอง ซึ่งวูล์ฟกับเอ็ดเวิร์ดรีบผละไปทันที
เรือกำลังเริ่มเคลื่อนตัว การเทียบท่าครั้งนี้ทำให้พวกเขาได้เงินไปหลายสิบล้าน ธนัชย์อดที่จะยิ้มกริ่มไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาจะบาปหรือเปล่าที่ทำแบบนี้ การเป็นคนไทยในสายเลือดทำให้บางครั้งเขาเองก็ไม่สบายใจนักที่ต้องมาทำงานเหมือนจุดไฟล่อแมงเม่าแบบนี้ แต่ปากท้องมันยังเรียกร้องขออาหาร เพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางเลือกมากนัก
ชายหนุ่มคิดว่าเขาโชคดีที่ได้มาเจอกับวินเซนโซ ธนัชย์กำลังเรียนปีสุดท้ายด้านเทคโนโลยีที่อินเดีย มีครั้งหนึ่งเพื่อนชาวอินเดียชวนไปเที่ยวชมเรือสำราญลำใหญ่ เขาได้พบกับวินเซนโซที่นั่น เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทำให้เขาได้ทำงานกับเจ้าของเรือลำงามและทำงานมาจนถึงทุกวันนี้
ชายหนุ่มเลี้ยวเข้าห้องตัวเอง ป่านนี้เจ้านายเขาจะกล่อมลูกแกะแสนสวยได้หรือยังไม่รู้ เขาต้องเอาเพื่อนเธอมาเก็บเอาไว้ก่อน
ธนัชย์ยังไม่อยากเสี่ยงเข้าไปกินลูกปืนเจ้านายตอนนี้แน่ บรั่นดีชั้นเลิศกำลังถูกรินใส่แก้ว เมื่อร่างบอบบางถูกผลักเข้ามาหาเขา
“โอ๊ย!! ทำไมต้องทำรุนแรงด้วย แล้วนี่พวกแกจับฉันมาทำไม” ไตรตรึงษ์แผดเสียงลั่น ตาคมขำทอประกายวาววับเข้าใส่สองหนุ่มร่างยักษ์
ธนัชย์อมยิ้ม ลูกน้องเขากำลังหิ้วปีกสาวน้อยเข้ามา เธอดิ้นรนเตะถีบพัลวัน นี่ขนาดโดนจับตัวแม่เจ้าประคุณยังไม่มีทีท่าว่าจะกลัวสักนิด
“ออกไปเถอะเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ชายหนุ่มที่เดินออกมาจากบาร์เครื่องดื่มขนาดเล็กทำให้ไตรตรึงษ์หันกลับมามองด้วยตาเขียวปั๊ด เธอถูกโยนลงบนโซฟาหนาตัวใหญ่แล้วเจ้ายักษ์สองคนนั้นก็ออกไป
“นายต้องการอะไร”
“ผมต้องถามคุณมากกว่าสาวน้อยว่าต้องการอะไร” ธนัชย์ถามถ้วยสำเนียงชัดถ้อยคำที่ทำให้สาวเจ้าปากอ้าตาค้าง
“คุณพูดไทยได้”
“ก็ผมคนไทยก็ต้องพูดไทยได้สิ” ธนัชย์ตอบพลางยิ้มกว้าง เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าคมขำ “แล้วตกลงเธอต้องการอะไรถึงได้เที่ยวเดินซอกแซกไปทั่วเรือแบบนี้”
“คือ...ฉันตามหาคนค่ะ” ไตรตรึงษ์รีบบอก ใจมากว่าครึ่งเมื่อได้รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนไทย
“ไม่มีใครอยู่บนเรือลำนี้แล้ว ทุกคนพากันลงจากเรือไปหมดแล้วล่ะสาวน้อย”
คนสนิทนายบ่อนใหญ่เดาเรื่องได้ทันที เธอคงมาตามหาเพื่อนรักของเธอนั่นเอง ตาคมแพรวพราวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่จริง ฉันหาน้ำหวานจนทั่วแล้วไม่มี ฉันไม่ได้ต้องการมาลักขโมยอะไรของคุณนะ”
“เชื่อยาก”
“ฉันพูดจริงนะปล่อยฉันไปเถอะ” ไตรตรึงษ์พยายามทำเสียงให้อ่อนหวานเข้าไว้ ความจริงแล้วเธอกลัวจะแย่ แต่พอคนตรงหน้าพูดภาษาไทยได้ความกลัวมันก็ลดระดับไปมากพอที่จะทำให้เธอกล้าอ้อนวอนเขา
“ปล่อยไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้เรือกำลังออกจากท่า เสียใจด้วยนะสาวน้อยที่เธอต้องร่วมทริปเดินทางไปกับเราแล้วล่ะ หึหึ” ธนัชย์บอกยิ้มๆ แต่คนฟังตาโต
สาวน้อยไตรตรึงษ์รีบวิ่งตรงไปยังหน้าต่างเรือด้วยท่าทางร้อนรนขณะที่ชายหนุ่มหน้าคมคายจิบบรั่นดีมองตามอย่างสบายใจ
จากที่เห็นในวงจรปิดว่าสวยแล้วตัวจริงของเธอกลับยิ่งดูสวยกว่าสวยคมขำและติดจะแก่นๆ ไปสักนิด ธนัชย์คิดขำๆ
“ไม่นะ”
ไตรตรึงษ์ส่ายหน้าไปมาพลางส่งเสียงคราง เขาพูดจริง เรือกำลังลอยห่างจากเกาะภูเก็ตออกไปเรื่อยๆ
“ฉัน...ฉันจะกลับบ้าน”
“ไม่ได้หรอกครับคุณผู้หญิง ฉันคงปล่อยเธอไปไม่ได้หรอกนะ ใครจะไปรู้ว่าเรื่องที่เธอพูดนั่นน่ะจริงหรือเปล่า อีกอย่างเราคงไม่สามารถลอยเรือกลับไปส่งเธอได้เพราะฉะนั้นเธอต้องไปกับเรา” ชายหนุ่มสรุปยิ้มๆ ไม่มีท่าทีเดือดร้อนสักนิด
ไตรตรึงษ์เม้มปากแน่น แบบนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่อง สาวน้อยตัดสินใจเผ่นโผนไปที่ประตูแต่เธอซึ่งยืนอยู่กลับเร็วน้อยกว่าคนที่นั่งจิบเหล้าอย่างสบายอารมณ์เมื่อครู่
ธนัชย์รวบเอวบางก่อนจะตวัดร่างเธอขึ้นบ่าอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ด!! ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ฉันจะกลับบ้าน”
“ไม่ได้”
มือเล็กๆ ทุบตีหลังเขามั่วไปทุกที่แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ เขารู้แต่เพียงว่าไม่สามารถปล่อยให้เธอกลับไปตอนนี้ แม้จะรู้แก่ใจว่าที่เธอพูดมานั้นเป็นความจริง
ร่างบอบบางแต่นุ่มเนื้อและหอมกรุ่นถูกโยนลงบนที่นอนกว้าง โดยมีเขายืนมอง ใบหน้าคมติดจะยิ้มด้วยซ้ำเมื่อเห็นท่าทางกลัวลนลานของสาวน้อย
“อยู่ในนี้เรากำลังเดินทางสู่มาเลเซีย ถ้าทำตัวดีๆ ฉันจะปล่อยเธอกลับบ้านโอเคมั้ยจ๊ะคนเก่ง”
“ไม่ ฉันจะกลับตอนนี้เดี๋ยวนี้ ไอ้บ้า”
“จุ๊...จุ๊...พูดไม่เพราะเลยนะ ฉันว่าเธออยู่เฉยๆ แล้วทำตัวตามสบายดีกว่านะ”
“ไม่มีทาง”
ไตรตรึงษ์ร้องออกมา ความกลัวยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อพูดยังไงอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่ฟัง เธอถลาลงจากเตียงเพื่อหนีเขาก่อนที่เรือจะยิ่งห่างออกไปไกล เธอต้องลงจากเรือให้ได้
ธนัชย์เริ่มฉุนขึ้นมาบ้างเมื่อมาเจอความดื้อรั้นของสาวน้อย ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะหงุดหงิดอะไรง่ายๆ แต่เมื่อต้องมาคอยวิ่งไล่จับกับสาวน้อยแบบนี้มันไม่สนุกนัก
เอวคอดถูกรวบอีกครั้งทั้งที่ไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ไตรตรึงษ์จึงหันมาทุบตีทำร้ายพลางส่งเสียงกรีดร้องลั่น
“เงียบนะ”
ธนัชย์พาร่างดิ้นรนล้มลงไปบนที่นอนกว้างหนานุ่มของเขา แรงกระแทกทำให้สาวน้อยต้องยกมือกุมที่ท้องด้วยความจุก ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาแล้วต้องทะลึ่งพรวดขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าที่ลอยอยู่เหนือตนเอง
“แก...”
ดวงตากลมโตลุกวาบ แม้จะกลัวอยู่มาก แต่การจะให้ยอมทนรับชะตากรรมมันไม่ใช่วิสัยของไตรตรึงษ์เลยจริงๆ
หญิงสาวผลักร่างหนานั้นเต็มแรง กระโจนไปทางประตูความชุลมุนจึงเกิดขึ้น ธนัชย์รวบเอวคอดนั้นไว้กระชากให้ลอยกลับมา
“ปล่อยนะ มาจับพวกฉันทำไมไอ้พวกบ้า ... พวกโจรห้าร้อย...ปล่อยเดี๋ยวนี้”