Chapter 6 คนข้างกายร้ายที่สุด

1224 Words
Chapter 6 คนข้างกายร้ายที่สุด สิตาพรตาเบิกกว้าง เธอชอบดูมาก แต่ไม่คิดว่าบนเรือลำนี้จะมีการแสดงเวทีด้วย “คณะนี้เขามีชื่อมากเลยนะในอังกฤษ ทางเรือเขาจัดแค่รอบเดียวเพื่อตอบแทนให้กับผู้ที่มาเที่ยวน่ะ พรุ่งนี้เรือเขาจะออกจากท่าแล้ว” “ดีเลยค่ะ เราไปกันเลยไหมคะ” “อย่าเพิ่งจ้ะ น้ำหวานทานน้ำส้มให้หมดแก้วก่อนนะ” สิตาพรจึงรีบดื่มน้ำส้มจนหมดแก้ว เพื่อจะได้รีบไปกับน้าสาว ไม่ได้มีบ่อยครั้งนักหรอกที่วาสิฐีจะดีกับเธอแบบนี้ น้าสาวอาจไม่ได้ดุด่าตบตี แต่เธอจะนิ่งเฉยมากกว่า อาจเพราะสองน้าหลานไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่ด้วยกันจึงทำให้ไม่สนิทกัน สิตาพรคิดแบบนั้น เธอเรียนโรงเรียนประจำตลอด ปิดเทอมถึงได้กลับบ้านสักครั้ง “ไปเถอะจ้ะ” วาสิฐีส่งยิ้มให้ ถ้าสาวน้อยจะได้สังเกตสักนิด เธออาจจะเห็นว่ามันน่ากลัวมากกว่าอบอุ่น วาสิฐีพาหลานสาวเดินลัดเลาะไปตามส่วนต่างๆ ผ่านห้องมากมาย ห่างจากเสียงอึกทึกของห้องโถงกลางจนเข้าสู่ความเงียบสงบ ด้านที่ทั้งสองเดินมาไม่ค่อยมีผู้คนนัก สาวน้อยสิตาพรมองไปรอบๆ อย่างอดไม่ได้ “ทางนี้เหรอคะ น้ำหวานว่าห้องจัดแสดงมันไม่ใช่ที่เราเคยไปกันเหรอ” “ทางนี้แหละจ้ะ อันนี้สำหรับแขกพิเศษ ลูกตาลเขาไปรอเราแล้วนะ” วาสิฐีรีบบอกเมื่อหลานสาวทำเสียงสงสัย ยิ่งย่างเท้าเข้าไปใกล้ห้องใหญ่ที่นายบ่อนตัวร้ายบอกเอาไว้ ใจเธอก็ชักจะเต้นถี่รัวเหมือนกัน จังหวะนั้น สิตาพรเซน้อยๆ เมื่ออยู่ดีๆ ก็มึนหัวขึ้นมา แถมยังตาลายจนมองทางเดินไม่ชัด ตาพร่าไปหมดจนต้องคว้าผนังห้องใกล้ๆ พยุงตัวเอาไว้ “น้ำหวานเป็นอะไรไป” วาสิฐีรีบเข้ามาประคองหลานสาว ถามอย่างห่วงใย ทั้งที่รู้แก่ใจว่าสิตาพรเป็นแบบนี้เพราะอะไร “น้ำหวานเวียนหัวค่ะ อยู่ดีๆ ก็เป็น” สาวน้อยพยายามสะบัดหัวไล่ความง่วงงุนแบบปัจจุบัน แต่ยิ่งก้าวขาเธอยิ่งออกอาการสะลึมสะลือมากขึ้น “ไหวไหมเนี่ย น้าว่าเราพักสักหน่อยดีกว่านะ อยู่ดีๆ ทำไมเป็นแบบนี้นะ ไม่สบายหรือเปล่า” วาสิฐีบ่นเบาๆ ขณะเปิดประตูห้องๆ หนึ่ง พยุงหลานสาวเดินตรงไปที่เตียงนอนขนาดใหญ่หลังจากผ่านห้องที่ถูกจัดไว้สำหรับพักผ่อนด้านหน้า “ง่วงจัง” สิตาพรพูดเบาๆ สติเธอวูบหายทันทีที่นอนลงบนที่นอนหนานุ่ม ฝ่ายผู้เป็นน้าสาวยืนมองหลานสาวด้วยอาการสะท้อนในหัวใจ ความรู้สึกผิดมันเริ่มกัดกร่อนใจเธออีกครั้ง “น้าขอโทษนะน้ำหวาน” วาสิฐีรีบผละห่างก่อนที่เธอจะเปลี่ยนใจด้วยความรู้สึกผิด มันไม่ใช่แค่หน้าตาแต่รวมถึงชีวิตของเธอและชาติชายด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รักใคร่ใยดีอะไรในตัวสามีคนนี้นัก แต่เขาก็ยังมีประโยชน์ในเรื่องเส้นสายจากผู้มีอิทธิพล การเสียสละสิตาพรครั้งนี้ไม่ทำให้เธอเสียประโยชน์แม้แต่น้อย วินเซนโซเดินเอื่อยเฉื่อยกลับมายังห้องพักกว้างของตนหลังจากเห็นชาติชายกับวาสิฐีลงจากเรือไปแล้ว ใจเขามันเต้นโลดแรงเพียงแค่ไม่เห็นหน้าสาวน้อยคนนั้น ใช่...ใจเขามันเต้นแรงเพราะรู้ว่าเธอกำลังรอให้เขามาขย้ำกลืนกิน ป่านนี้เธอคงนอนรอเขาอยู่บนเตียงแล้ว ชายหนุ่มบังคับตัวเองให้ช้าเข้าไว้ ทั้งที่ใจจริงอยากจะปรี่รี่เข้าหา แต่พอบอกกับตัวเองว่าเธอไม่หนีไปไหน เขาจึงไม่เร่งรีบ เธอมาอยู่ในกำมือเขาแล้วนั่นเอง ชายหนุ่มพาตัวเองมาหยุดหน้าเตียงนอนขนาดใหญ่ ลูกแกะตัวน้อยยังหลับไหลอยู่บนนั้น ผมยาวสลวยของเธอกระจายไปบนหมอนล้อมกรอบใบหน้าสวยใส สายตาเจ้าเล่ห์กวาดไปตามใบหน้านวลผ่องสีชมพูระเรื่อ เธอกำลังหลับตาพริ้ม ริมฝีปากอิ่มเต็มสีชมพูอ่อนๆ มันช่างน่าทาบริมฝีปากลงไปเหลือเกิน เขาชักอยากรู้ว่ามันจะหอมหวานอ่อนนุ่มเหมือนที่ตาเห็นหรือเปล่า นายบ่อนหนุ่มกวาดสายตาต่อไประเรื่อยไปตามต้นคอระหง คอเธอเล็กเหลือเกินนี่ถ้าเขาจูบแรงๆ คอเธอจะหักรึเปล่านะ เขาคิดอย่างขำๆ ผิวกายขาวผ่องเป็นยองใยที่หายวับไปกับเสื้อยืดตัวนั้น ทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงมันทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปได้เลย แม่คุณเอ๊ย...นี่แค่ยี่สิบนิดๆ ทรวดทรงเธอมันยังขนาดนี้ วินเซนโซรู้สึกว่าลมหายใจตัวเองติดขัด เสื้อยืดตัวนั้นมันปิดนวลเนื้อได้หมดก็จริงแต่ ความอวบอิ่มที่ดุนดันออกมานั่นมันคงปิดไม่ได้ นี่ถ้าเธอใส่เสื้อตัวหลวมกว่านี้ก็คงจะดี ชายหนุ่มลอบผ่อนลมหายใจเมื่อพยายามไล่สายตาลงมาตามแนวชายโครง สายตาเขาโลมเลียมาจนถึงสะโพกมน เรียวขาเพรียวยาวที่โผล่พ้นจากกางเกงขาสั้น มันดูเรียบเนียนจนเขาอยากสัมผัสจริงๆ วินเซนขยับเข้าไปใกล้ร่างที่นอนอยู่บนเตียงกว้าง ถ้าตื่นขึ้นมาเธอจะว่ายังไงบ้างนะ คิดแล้วชายหนุ่มก็ยิ้มเหยียดๆ ถึงน้าสาวของลูกแกะของเขา คนเราก็แบบนี้รักตัวกลัวเสียชื่อ ห่วงหน้าตามากกว่าหลานของตัวเองด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเริ่มปลดกระดุมเสื้อของตัวเองลงมาสามสี่เม็ด เผยให้เห็นแผงอกล่ำสันสีแทนประปรายด้วยไรขน ตาคมดุยังจับจ้องอยู่ที่ร่างบอบบาง เป็นวินาทีเดียวกับที่สาวน้อยลืมตาตื่นขึ้น... สิตาพรยกมือกุมหัวปวดแทบระเบิดของตน หลังจากสามารถปรับโฟกัสจอภาพเข้าที่ สาวน้อยก็กวาดสายตาไปตามเพดานห้องเป็นอันดับแรก ไล่เรื่อยจนมาหยุดที่เรือนร่างหนากำยำของชายคนหนึ่ง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ฉายแววหวาดหวั่นตื่นกลัว เมื่อมองสบกับเขา ทำให้ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ “คุณ...” สิตาพรแทบช็อก เธอจำเขาได้แน่ ผู้ชายที่เข้ามาทักเธอกับเพื่อนวันก่อน ผู้ชายที่ปล้นจุมพิตแรกในห้องฟังเพลง และเขา...เจ้าของเรือลำนี้ วินเซนโซ อัจไบร์จาร์ “สวัสดีสาวน้อย” เขาบอกเสียงทุ้มด้วยภาษาอังกฤษ สิตาพรรีบลุกขึ้น ถอยกรูดไปจนชิดหัวเตียง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเขาทำไมมาอยู่ที่นี่ “คุณเข้ามาทำไม” “นี่มันห้องนอนฉัน” “ห้องคุณ!!!” สาวน้อยรีบลนลานลงจากเตียงไปยืนอีกด้าน วินเซนโซมองตามอย่างไม่เดือดร้อน หน้าคมดุของเขาติดจะยิ้มด้วยซ้ำเมื่อเห็นท่าทางลนลานนั่น สิตาพรไม่ยอมละสายตาจากเขา ท่าทางคนตรงหน้าไม่ชวนให้ไว้ใจสักนิด สาวน้อยคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า เธอเดินมากับน้าสาวแล้วก็วูบไปจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD