“คนบ้า ปล่อยนะ อื้อ...” รัชภาคย์ขยำสะโพกของเธอเต็มแรง จับยกขึ้นให้ริมฝีปากร้อนได้ซอกซอนเข้าสู่กลีบกายสาว ปลายลิ้นตวัดลามเลียอย่างกระหาย สอดแทรกเข้าออกในโพรงนุ่มอันแสนคับแคบ ปิ่นแก้วครางไปด่าไปจนระทวย เขาใช้ลิ้นชำนาญการปลุกเร้าให้เธอสุขสมในเวลาอันรวดเร็ว
เสียงดูดกลืนน้ำหวานจากซอกกายสาวทำให้ปิ่นแก้วหน้าแดงจัด กระถดสะโพกหนีเมื่อเห็นเขาผละห่างจากส่วนนั้น เธอส่ายหน้าเมื่อเขาแยกขาเธอออกอีกครั้ง
“ไม่ไหวแล้ว” เขาพูดได้แค่นั้น รีบแทรกกายเข้ามาตรงหว่างขาของเธอ ประคองแก่นกายใหญ่โตเสียดสีกับกลีบผกากรองแสนสวย ปิ่นแก้วดิ้นหนีแต่ติดที่เขาล็อกสะโพกเอาไว้
“กรี๊ด!!! คนบ้า เจ็บนะ ไอ้เลว”
“เฮ้ย!” รัชภาคย์ร้องอย่างตกใจเมื่อเขาเสียบกายเข้าไปในร่างเธอพรวดเดียว แต่ความกระชับที่ตอดรัด และเยื่อพรหมจรรย์ที่ขาดสะบั้นทำให้เขาคาดไม่ถึง
“ฮือๆๆ คนเลว ถอยออกไปนะ” เธอร้องด้วยความเจ็บ
“ถอยไม่ได้แล้วล่ะคนสวย เอาเป็นว่าฉันจะเพิ่มเงินให้เธออีก หรือจะเอาเป็นรายเดือนดี อยู่กับฉันรับรองไม่ต้องทำงานงกๆ เป็นเลขาฯ ก็สบายไปทั้งชาติ” รัชภาคย์เสนอสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้เธอ เกิดมาก็เพิ่งนอนกับผู้หญิงบริสุทธิ์เป็นคนแรก ส่วนมากพวกหล่อนจะเป็นงานและร้อนแรงจนเตียงแทบลุกเป็นไฟ
“ไอ้บ้า ฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” เธอว่าเขาทั้งน้ำตา เกลียดขี้หน้าเขาที่สุด
“ตอนนี้คงยังไม่มีอารมณ์จะตกลงเรื่องเงิน หรือไม่ก็ยังคิดไม่ออก แต่สาวบริสุทธิ์แบบเธอ ฉันให้ไม่อั้น ตอนเมคเลิฟไปก็คิดไปแล้วกันว่าจะเอาเท่าไหร่ดี” เขายังยื่นข้อเสนอ ยิ้มยียวนให้เธอ
“ไอ้ อื้อ อ๊า...” จะด่าเขาแต่ด่าไม่ออก เมื่อเขาเริ่มขยับในกายเธอ
“จะด่าอะไรก็ด่าเลย มาถึงขนาดนี้แล้วไม่ต้องเล่นตัวหรอก แต่รอบนี้คุณแม่ใจดีจัง จัดผู้หญิงบริสุทธิ์มาให้” เขาก้มลงบดจูบริมฝีปากอิ่มหวาน ขยับสะโพกสอบฝังในร่างกายของเธออย่างเมามัน เธอตอดรัดจนเขาต้องนิ่วหน้า แล้วปากอิ่มนี่อีก หวานเหมือนน้ำผึ้งเดือนห้า เกิดมายังไม่เคยจูบผู้หญิงคนไหนได้หวานขนาดนี้มาก่อน
ปิ่นแก้วร้องไห้ส่ายหน้าไปมา เขาจึงผ่อนแรงเล็กน้อย เปลี่ยนเป็นจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน รัชภาคย์เลื่อนริมฝีปากลงดูดรวบอกอวบอิ่มของเธอ เพื่อเบี่ยงเบนความรู้สึกเจ็บปวดที่จะได้รับ แล้วเริ่มขยับเป็นจังหวะจะโคนแต่หนักแน่นทุกการขับเคลื่อนจนร่างสาวสั่นคลอน
“ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว จะร้องไห้ทำไมหนักหนา” เขาปลอบก็เหมือนไม่ปลอบ คล้ายตำหนิเธอเสียมากกว่า มือใหญ่ลากเลื่อนไปตามเนื้อตัว สัมผัสเธออย่างสนิทเสน่หา
“คุณไม่ใช่ฉัน ไม่เข้าใจหรอก คุณได้ประโยชน์นี่นา” เธอพูดเสียงสะอื้น มองเขาอย่างเกลียดชัง
“ก็บอกแล้วไงว่าจะจ่ายให้ไม่อั้น แล้วจะให้ทำยังไง ฉันเข้าไปในตัวเธอแล้วนะ จะให้ถอนตัวออกมาตอนนี้ มันไม่ทันแล้วล่ะ ให้ทำแบบนั้น ฆ่ากันซะดีกว่า” เขาพูดเหมือนโมโหนิดๆ ตามนิสัยไม่ชอบให้ใครขัดใจ
“คนรวยๆ แบบคุณคงชอบเอาเงินฟาดหัวคนอื่นสินะ” เธอว่าเขาเสียงสะอึกสะอื้น เกลียดเขาจับขั้วหัวใจ
“ก็ทำออกบ่อย เกิดมารวยแล้วมันดีนะจะบอกให้” เขายักคิ้วให้เธอ เป็นคนรวยแล้วมันดีจริงๆ นี่นา อยากได้อะไรก็ได้ แต่ไม่ทุกอย่างหรอกนะ เขาเองก็รู้ข้อนี้เหมือนกัน
“ถ้ารวยแล้วเลวแบบคุณ ฉันขอจนแต่เป็นคนดี...ดีกว่า” เธอยังเถียงเขาไม่ยอมหยุด
“ให้มันแน่ ฉันว่าตอนนี้เราอย่าเถียงกันเลยดีกว่า ดูเธอสิ ออกจะตอดรัดฉันไปทุกจังหวะ เวลาฉันขยับเข้าออกในตัวเธอ ผู้หญิงไม่เคยผ่านมือชายมันได้อารมณ์แบบนี้นี่เอง” เขาแหย่ให้เธอหน้าแดง ยิ่งเธอยากหนี... เขาก็ยิ่งอยากเอาชนะ อะไรที่เขาอยากได้เขาต้องได้
ปิ่นแก้วหน้าแดงจัดลามไปถึงใบหู ยิ่งเขาขยับเธอก็ยิ่งรู้สึกอับอายที่เผลอไผลไปกับเขาได้ง่ายดายขนาดนี้ เพียงแค่เขาสั่งเสียงทุ้มหวาน ดูดรวบอกอวบ บดจูบริมฝีปากอิ่ม เธอก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วมือของเขาก็เหมือนไฟ แตะต้องสัมผัสไปตรงไหนก็รู้สึกเหมือนโดนลวก มันร้อนและสะท้านจนสั่น ยะเยือก
ชายหนุ่มขยับสะโพกสอบหนักหน่วงขึ้น เสียงเนื้อกายที่กระทบกันกึกๆ ดังสะท้อนอยู่ในหูของคนทั้งคู่ ปิ่นแก้วร้องครางระงมไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอส่ายหน้าไปมาเมื่อความเสียวซ่านบังเกิด ยอมเปิดขากว้างให้เขากระแทกเข้ามาจนสุดเส้นทางรักครั้งแล้วครั้งเล่า
“เธอยอดเยี่ยมมากนะ” เขาเอ่ยชม
“อื้อ...” เธอส่ายหน้าเหมือนปฏิเสธ แต่ก็เหมือนยอมรับความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น
“ชื่ออะไรแล้วนะ” เขาเอ่ยถาม จำได้ว่าแม่บอกว่าปิ่นๆ อะไรสักอย่างก่อนเอารูปมาให้ดู บอกว่าน่ารักอย่างโน้นอย่างนี้
“ไม่บอก ฉันไม่อยากรู้จักคุณ”
“แน่ใจนะ” เขาพูดอย่างเป็นต่อ ขยับสะโพกสอบฝังในกายเธออย่างหน่วงหนัก ปิ่นแก้วอ้าปากค้าง ทั้งจุกทั้งเสียว ความเจ็บแปลบก็ตามติดมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“จะบอกหรือไม่บอก” เขาขู่เสียงพร่า มือหนาฟอนเฟ้นทรวงอกอวบของเธอไม่ยอมละห่าง สายตาอ้อยอิ่งอยู่กับริมฝีปากเต็มอิ่มแสนหวาน
“ปะ...ปิ่นแก้ว” เธอตอบเสียงกระท่อนกระแท่น หอบหายใจถี่ยิบ ไม่บอกเขาก็อัดกระแทกเข้ามาจนเธอแทบจมหายกับโซฟา คนอะไรป่าเถื่อนที่สุด ได้แต่ต่อว่าเขาอยู่ในใจอย่างโมโห
“ก็แค่นั้น เรียกฉันว่าคุณภาคย์ทุกครั้งที่ฉันกระแทกเข้าไปในกายเธอ มันได้อารมณ์ อ๊า... ชะมัด” เสียงของเขาแหบพร่าเหลือเกิน
“อื้อ...ไม่” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ
“งั้นอยากให้ฉันทำแรงๆ เธอชอบแบบซาดิสม์ใช่ไหม” เขาไม่เพียงขู่แต่กระแทกกายเข้าหาเธอเป็นจังหวะรุนแรงไร้อย่างความปรานี
“ยะ... ยอมแล้ว คุณภาคย์ อย่าแรงสิคะ ปิ่นเจ็บ” เธอพูดเสียงสั่น น้ำตาไหลอาบแก้ม ปากบวมเจ่อเพราะโดนเขาบดจูบอย่างรุนแรง
“เจ็บเหรอ ขอโทษนะ ก็เธอดื้อ...” รัชภาคย์จูบซับน้ำตาให้ มือที่กุมสะโพกข้างหนึ่งเลื่อนไปสัมผัสที่ปุ่มกระสันกลางกาย ขยี้เบาๆ จนเธอร้องครางเสียงหลง ริมฝีปากอิ่มที่เผยออย่างยั่วยวนทำให้เขาอดใจไม่ไหวบดจูบลงไปเต็มรัก
รัชภาคย์ขยับสะโพกถี่รัวจนส่งเธอไปถึงสวรรค์ เขาตามติดควบจังหวะอีกไม่กี่ครั้งก็ตามเธอไปติดๆ ก่อนที่เสียงหอบจะดังประสานกันจนเป็นปกติ
“ออกไปจากตัวฉันได้แล้ว” เธอพูดอย่างเย็นชา เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่อยากจะมองหน้าสุขสมของเขา เพราะมันทำให้เธอเสียใจไม่หยุดหย่อน
“ได้ฉันเป็นผัวอย่างเมามันแล้วจะทิ้งกันง่ายๆ เหรอ” เขาพูดยียวนกวนประสาท รู้สึกถูกใจเธอมากกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา แต่ไม่ถึงกับรักหรอกนะ เขาไม่คิดรักใครง่ายๆ ในใจของเขายังมีราชาวดี หญิงสาวที่เขารักอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเธอจะมีครอบครัวไปแล้ว เขาก็ยังตัดใจไม่ได้สักที
“คุณ!” เธออยากจะด่าเขาอีกแต่พูดไม่ออก ผู้ชายบ้าอะไร พูดออกมาได้น่ารังเกียจที่สุด
“อ้าว... หรือว่าไม่จริง เมื่อกี้เห็นคราง โอ้ว... อ๊า... ลั่นห้องไปหมด” เขาทำหน้ายียวน
“เพราะคุณมันคนทุเรศ” ปิ่นแก้วอยากจะกัดเขาให้หูขาดนัก
“ฉันทุเรศยังไงไม่ทราบ” เขาจำต้องถอดถอนออกจากกายเธอ ถุงยางอนามัยที่คว้ามาสวมอย่างรวดเร็วถูกถอดทิ้งอย่างไม่ไยดี
“คุณมันประสบการณ์เยอะนี่” เธอพูดอย่างช้ำใจ
“ฉันไม่เถียง ประสบการณ์ฉันเยอะเชียวล่ะ” เขายักไหล่ผิวปากอย่างอารมณ์ดี กวาดสายตามองเรือนร่างเนียนละอียดตรงหน้าอย่างวาบหวาม
“ยี้... น่ารังเกียจ”
“รังเกียจฉัน ระวังจะรักฉันเข้าสักวัน ฉันไม่ชอบให้ใครมาท้าทาย ยิ่งบอกว่าไม่ ฉันก็ยิ่งอยากจะเอาชนะ” เขามองดวงตาท้าทายของเธออย่างนึกสนุก