บัญญัติ 10 ประการของมาเฟีย ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2007 ชาวซิซิเลียนได้ออกมาแฉบัญญัติ 10 ประการของมาเฟียโดยบอสมาเฟียนามว่า Salvatore Lo Piccolo ให้สาธารณชนได้รับทราบ ด้วยเกียรติของมาเฟีย ซึ่งมีหัวข้อดังต่อไปนี้
1.ห้ามเปิดเผยตัวตนกับศัตรู มันเป็นกิจที่บุคคลที่สามพึงกระทำ
2.อย่าสนใจภรรยาของเพื่อน
3.อย่าให้ตำรวจจับได้
4.ห้ามไปเที่ยวผับและคลับ
5.พึงระลึกเสมอว่าการเป็นมาเฟียต้องเรียกใช้งานได้เสมอ แม้ว่าภรรยาของตนจะต้องคลอดลูกก็ตาม
6.ตำแหน่งเป็นสิ่งที่พึงเคารพ
7.ภรรยาต้องได้รับการดูแลด้วยความเคารพ
8.หากถูกถามต้องตอบแต่ความจริงเท่านั้น
9.เงินของผู้อื่นหรือครอบครัวของผู้อื่นห้ามนำไปใช้เป็นการส่วนตัว
10.คนที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ คนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อครอบครัว คนเลวที่ไม่มีศีลธรรมรวมไปถึงคนร่วมรักเพศ ห้ามเข้ากลุ่มมาเฟียโดยเด็ดขาด
ราฟาเอล ซิวีลิอาโน่ อ่านบัญญัติ 10 ประการของมาเฟียจากหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วเผลอหัวเราะออกมา เขาเรียนรู้เรื่องนี้ตั้งแต่จำความได้เพราะเขาเป็นลูกชายของริคาโด้ ซิวีลิอาโน่ แต่ในยุคนี้ไม่ค่อยมีใครเคร่งครัดกับบัญญัตินั่นแล้วแม้กระทั้งตำรวจยังอยู่ข้างพวกเขาด้วยซ้ำไปแล้วจะกลัวไปทำไมว่าอย่าให้ตำรวจจับได้
“ขออนุญาตครับคุณราฟาเอล” สุรัตก้าวเข้ามาอย่างเงียบๆ แต่เขารู้ว่าบอสหนุ่มรู้จังหวะการเคลื่อนไหวของเขาเป็นอย่างดี “กาแฟครับ”
ราฟาเอลพยักหน้ารับและปรายตามองกาแฟที่ส่งกรุ่นไอตรงหน้า ครู่ต่อมาสุรัตก็ส่งแฟ้มเอกสารให้เขาเอื้อมมือมารับอย่างรอคอยเพราะที่เขาบินข้ามน้ำข้ามทะเลมานอกจากจะพาเถ้ากระดูกของแม่กลับมาแล้ว ยังต้องจัดการงานบางอย่างให้เสร็จสิ้นลง
“การกว้านซื้อที่ดินบนเกาะไม่มีปัญหาใช่ไหม” เขาเอ่ยถามขณะไล่สายตาบนหน้ากระดาษ
“ครับ ตัวแทนของเราเข้าไปเกลี่ยกล่อมจนซื้อมาได้เกือบทั้งหมดแล้ว”
“ทำไมมันง่ายนักล่ะ ใช้กำลังหรือใช้เงิน”
“ทั้งสองอย่างละครับ”
สุรัตหัวเราะในลำคอเห็นบอสหน้าอ่อนไม่คิดว่าจะรู้ทันกันแบบนี้ เขาเคยพบราฟาเอลตั้งแต่ยังเด็ก เพราะทุกปีเขาต้องมารายงานความเรียบร้อยกิจการในไทยของตระกูลซิวีลิอาโน่ในงานวันเกิดของท่านริคาโด้ แม้ว่าสาขาในเมืองไทยจะไม่ใหญ่โตหรือมีชื่อเสียงเทียบเท่าที่อื่น แต่ธุรกิจที่นี่ก็สร้างเม็ดเงินจำนวนไม่น้อยและไม่น่าแปลกใจที่จะได้ยินว่าท่านริคาโด้ต้องการสร้างแหล่งฟอกเงินแห่งใหม่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นี่
‘จอมขวัญ’ภรรยาสาวอายุคราวลูกของริคาโด้ เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษแต่เติบโตที่อิตาลี่ เขารู้จักจอมขวัญตอนที่ไปหาท่านริคาโด้ เธอนั่งอยู่เพียงลำพังในสวนดอกไม้ท่าทางเรียบร้อยสงบเสงี่ยมจนน่าแปลกใจที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ทำให้ท่านริคาโด้ยอมเซ็นรับเป็นภรรยาคนที่สามอย่างออกหน้าออกตา แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยอยากเป็นที่รู้จักของใครนัก
อาจเพราะเป็นคนไทยเหมือนกันทำให้จอมขวัญเปิดใจพูดคุยกับเขาราวกับพี่น้อง ตอนนั้นเขาไม่รู้หรอกว่าหน้าท้องทีหนานูนนั่นมีสิ่งมีชีวิตรอถือกำเนิดในปีถัดมาเขาได้ยินข่าวว่าเธอคลอดลูกชายแต่ปีนั้นเขาถูกลอบยิงบาดเจ็บสาหัสจึงมิได้เดินทางมาเคารพท่านริคาโด้เช่นทุกปีแม้ในปีถัดไปเขาจะกลับไปอีกแต่ก็ไม่พบเธอได้ยินเพียงแค่ว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจึงไปพักฟื้นอีกเมืองและราวๆ เจ็ดปีต่อมาเขาก็ได้พบเด็กชายตัวน้อยที่มีบุคลิกแบบผู้นำแต่ดวงตาแสนอ่อนโยนในงานเลี้ยงวันเกิดของท่านริคาโด้
‘ชื่อของเราคือราฟาเอล นายชื่ออะไร’
‘ราเฟลเอล ทำไมไม่สุภาพอย่างนี่ละลูก ขอโทษนะคะคุณสุรัต แกถูกตามใจจนเคยตัว’
‘ลูกชายของคุณจอมขวัญหรือครับ’
‘ค่ะ ลูกของฉันกับริคาโด้’
เขายังจดจำความปวดร้าวในอกได้เป็นอย่างดี เพราะมันทำให้เขารู้ว่าเขาหลงรักผู้หญิของเจ้านายเข้าให้แล้ว แต่ถึงจะเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้เขาก็ยังคงเก็บความรู้สึกดีๆ ไว้ข้างในอย่างมิดชิด เขาไม่ค่อยได้พบจอมขวัญและลูกนักอาจเป็นเพราะตัวเขาเองเลี่ยงที่จะเจอ จนเมื่อราวๆ สี่เดือนที่แล้วที่บอสใหญ่เรียกเขาเข้าพบเพื่อคุยเรื่องกิจการที่เมืองไทยซึ่งท่านริคาโด้ตั้งใจจะส่งราฟาเอลมาดูแลนอกจากจะเป็นการฝึกฝนราฟาเอลแล้วยังการขยายอาณาจักรซิวีลิอาโน่อีกด้วย
ด้วยวัยสามสิบสามปีของราฟาเอล ซิวีลิอาโน่ดูจะผ่านอะไรต่ออะไรมาอย่างโชกโชน ราฟาเอลมีท่าทีนิ่งสงบและใบหน้าเย็นชาเดาอารมณ์ยากอยู่เสมอ แต่มีสิ่งเดียวที่ดูจะไม่เปลี่ยน แปลงจากวัยเด็กคือดวงตาคู่นี้ที่ซ่อนความอ่อนโยนไว้ซึ่งคงได้มาจากมารดาของเขาเอง และอีกสิ่งที่เดาได้ไม่ยากว่ามาจากบิดาก็คือชื่อเสียงความเป็นเพลย์บอยที่ควงสาวๆ ระดับดารา-นางแบบทั้งนั้น
“รถของฉันมาส่งหรือยัง” ราฟาเอลเอ่ยถามพลางลุกขึ้นยืน เขาโยนแฟ้มลงบนโต๊ะทำงานราวกับหนังสือพิมพ์ที่อ่านแล้ว“เรียบร้อยแล้วครับ แต่ผมยังไม่ได้จัดหาคนขับรถประจำตัวให้ท่าน”
“เรื่องนั้นไม่จำเป็น”
“แต่ท่านต้องมีคนค่อยติดตามนะครับ”
“ฉันขับรถเป็น” เขาเอ่ยเสียงเรียบ “เส้นทางในกรุงเทพผมก็ดูแผนที่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้ผมไปด้วย”
“ไม่จำเป็น” ราฟาเอลลุกขึ้นยืนจ้องเขม็งที่อีกฝ่ายแต่ไร้วี่แววว่าคนตรงหน้าจะแสดงความหวาดกลัวออกมา
“จำเป็นครับ” สุรัตพยักหน้าช้าๆ “เพราะผมคือคนที่รู้ว่าบ้านเกิดของคุณจอมขวัญ-แม่ของคุณราฟาเอลอยู่ที่ไหน”
ราฟาเอลสบถออกมาเป็นภาษาอิตาเลี่ยนอย่างหงุดหงิด ปกติมีแต่คนตามใจเขาไม่มีใครกล้าขัดใจเลยแม้แต่น้อยแค่มองตาก็กลัวกันหัวหดไปหมดแต่นี่ นายสุรัตอะไรนี่ดูท่าจะไม่มีความกลัวเขาเลยสักนิด
“แต่ฉันอยากไปคนเดียว” เขาสารภาพความจริงออกมา
“ผมจะขับรถไปให้...เมื่อถึงที่หมายผมจะให้ท่านอยู่ตามลำพังอย่างที่ต้องการครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้” ดูเหมือนเขาต้องยอมจำนนอย่างเสียไม่ได้
“ผมจะไปเตรียมรถอีกสิบห้านาทีเราจะเดินทางกันครับ”
ราฟาเอลพยักหน้ารับเนื่องๆ เขาผลุบหายเข้าไปจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เป็นแบบสบายๆ ง่ายๆ แต่ยังคงโทนสีเข้มขรึมอย่างที่สวมอยู่เป็นประจำราวกับชีวิตของเขาไว้ทุกข์ตลอดเวลา เขาเดินไปหยิบโกศเก็บอัฐิของมารดา ความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบายไหลเวียนอยู่ภายใน เขาไม่ได้ร้องไห้ในวันที่แม่เสียราวกับรับรู้มาตลอดว่าจะมีวันนี้สักวัน มารดาของเขาร่างกายอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไรยิ่งเมื่อให้กำเนิดเขาแล้วก็ยิ่งทรุดโทรมลงเรื่อยๆ แต่กระนั้นภาพที่เขาจดจำได้อยู่เสมอคือรอยยิ้มอ่อนโยนที่มารดามีให้เสมอและไม่เคยพูดถึงความเจ็บป่วยของตนเอง ซ้ำยังพูดอีกว่าเขาคือของขวัญที่พระเจ้าประทานให้แม้ว่าต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
ชายหนุ่มมองภาพตัวเองในกระจกเงาตรงหน้าเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้งแล้วเดินออกมาเพื่อขึ้นรถที่จอดรออยู่โดยมีสุรัตเป็นคนขับ ราฟาเอลบรรจงวางโกศเก็บอัฐิไว้ข้างตัวขณะที่รถหรูเคลื่อนออกจากใจกลางกรุงเทพฯขณะที่มองออกไปนอกรถเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
“ที่รักคุณอยู่ไหนคะ”
ราฟาเอลขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดกับเสียงที่ได้ยิน เขาถอนหายใจหนักๆ และเอ่ยอย่างไม่รักษาน้ำใจอีกฝ่ายตอบกลับไปทันที
“คาร่าผมเคยบอกแล้วว่า...”
“ก็คาร่าคิดถึงคุณนี่คะ” หญิงสาวชิงพูดก่อนและหัวเราะ “ตอนนี้คาร่ามาถึงสนามบินแล้วนะ”
“สนามบินไหน”
“ก็สุวรรณภูมิไงคะ” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก “คาร่าเคยบอกคุณที่ญี่ปุ่นแล้วไงว่าเราไม่จบกันแค่นี้หรอก”