“ว่าอะไรนะคะ!”หญิงสาววัย 30 ต้นๆ เอ่ยถามเสียงสูงกลับไป
“เธอได้ยินไม่ผิดหรอก ทั้งหมดตรงหน้านี่คือเอกสารแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับการเลิกจ้างและแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายเงินค่าชดเชย ค่าบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยพิเศษที่ต้องถูกเลิกจ้างโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าให้พนักงานทราบ รับไปสิ”สตรีวัยกลางคน ยื่นซองขาวที่อยู่ตรงหน้าให้เจ้าหล่อนรับไป
หญิงสาวก้มลงมองซองขาวที่บรรจุเอกสารการเลิกจ้างงานตรงหน้าด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความเสียใจที่ถูกเลิกจ้างอย่างเห็นได้ชัด มือเรียวสวยหยิบซองตรงหน้าขึ้นมาพร้อมดึงเอกสารภายในขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดก่อนจะหยิบแคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย ระบุตัวเงินที่เธอจะได้รับหลังจากถูกเลิกจ้างตามกฎหมาย
จำนวนเงินหลักแสนที่ระบุเป็นตัวเงินพอจะทำให้เธอใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง เพราะไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรจึงจะหางานได้อีก กว่าจะได้งานทำเป็นพนักงานเล็กๆ ในบริษัททัวร์แห่งนี้ก็ใช้เวลาเป็นปีกว่าจะได้ และนี่อะไรเธอทำงานได้เพียงสองปีเศษกลับต้องถูกเลิกจ้างอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เหตุผลสั้นๆ ที่ระบุเอาไว้ในเอกสารคือเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทต้องลดภาระต้นทุนโดยการปรับโครงสร้างพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
“บริษัทเลิกจ้างพนักงานกี่คนคะ นอกจากวาดแล้วยังมีคนอื่นที่ถูกเลิกจ้างเหมือนที่หนูกำลังโดนไหม”หญิงสาวเอ่ยถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“เดือนนี้เลิกจ้าง 3 คนในส่วนงานที่ไม่จำเป็น เช่นตำแหน่งเลขานุการ ให้ฝ่ายธุรการทำหน้าที่แทนทั้งหมด ทุกคนที่อยู่ในตำแหน่งที่บอกถูกเลิกจ้างทั้งหมดในเดือนนี้ ส่วนเดือนหน้าก็ไม่รู้ว่าจะเป็นตำแหน่งไหนที่ถูกเลิกจ้าง เธอไม่ต้องเสียใจไปหรอกปานวาด อายุยังน้อยหางานใหม่ได้ไม่ยากหรอก แต่พี่สิถูกเลิกจ้างจะหางานใหม่ไม่มีที่ไหนรับแล้วเพราะแก่เกินเยียวยาแล้วละ”สตรีวัยกลางคนเอ่ยพร้อมถอนหายใจออกมาเบาๆ
ปานวาดได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะยกมือไหว้โดยมิได้กล่าวถ้อยคำใดๆ ออกมาอีกเลย เธอเดินออกจากห้องฝ่ายบุคคลด้วยความรู้สึกที่มืดแปดด้านไปหมด ถ้าเธอมีชีวิตเดียวก็ไม่ต้องห่วงอะไรแต่มันไม่ใช่แบบนั้นในเมื่อยังมีน้องสาวตัวน้อยๆ อีกหนึ่งคน
พ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตเพราะประสบอุบัติเหตุเมื่อ 3 ปีก่อน ทำให้หญิงสาวที่ขณะนั้นกำลังเรียนระดับปริญญาโทอยู่ชั้นปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ เกือบจะเรียนไม่จบเพราะต้องทำงานเพื่อเลี้ยงตัวเองและน้องสาวซึ่งไม่สามารถเดินได้เพราะผลจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น
อุบัติเหตุในครั้งนั้นคร่าชีวิตพ่อและแม่ของเธอไปพร้อมกัน เพราะพ่อของเธอหลับในเนื่องจากตรากตรำทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน ทำให้เกิดอุบัติเหตุอันน่าสลดเกิดขึ้นและยังทำให้น้องสาวที่มีอายุ 14 ปีในขณะนั้นกระดูกสันหลังหัก
ทำให้แม่สาวน้อยไม่สามารถเดินได้แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะรักษาให้หายและกลับมาเดินได้อีกครั้ง ถ้ารักษาอย่างถูกวิธีกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โชคยังดีที่ปานวาดเรียนเทอมสุดท้ายใกล้จบแล้ว จึงทำให้เรียนจบออกมาอย่างหวุดหวิด
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอต้องต่อสู้ชีวิตเลี้ยงตัวเองและน้องสาวมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะพ่อและแม่ของเธอไม่มีอะไรทิ้งไว้ให้เลย
นอกจากบ้านหลังน้อยใน อ.บางเสร่ ที่อยู่ในจังหวัดชลบุรี สองคนพี่น้องอพยพย้ายถิ่นฐานจากเมืองกรุงกลับสู่ภูมิลำเนาเดิมของพ่อและแม่ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าห้องในเมืองหลวง มาอาศัยบ้านของตัวเอง แม้จะไม่ใหญ่โตโออ่าแต่ก็คือสิ่งมีค่าในชีวิตที่พ่อและแม่เหลือทิ้งไว้ให้กับเธอและน้อง
หยาดน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าก่อนจะหลั่งรินร่วงหล่นลงสู่พื้นปานวาดได้แต่สะกดกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ภายในไม่ให้ผู้ใดได้ยินเสียงร่ำไห้ของเธอในขณะที่กำลังเดินไปตามท้องถนน ร่างระหงเดินไปเรื่อยเปื่อยจุดหมายปลายทางนั้นก็คือ บ้านหลังน้อยที่เธออาศัยอยู่กับน้องสาวเพียงลำพังสองคน
บ้านจันทร์กระจ่าง
บ้านหลังน้อยสไตล์โมเดิร์นแบบชั้นเดียว ปลูกบนเนื้อที่ 150 ตารางวา ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ล้อมรอบด้วยต้นไม้นานาพรรณและดอกไม้ส่งกลิ่นหอมโรยรื่นนานาชนิด มีบ่อเลี้ยงปลาสวยงามขนาดย่อมประดับอยู่ภายในสวนข้างบ้านยามเมื่อยล้าจากการทำงาน ก็นั่งมองหมู่ปลาเวียนว่ายไปมาและดูเพลิดเพลินผ่อนคลายความตึงเครียดในชีวิตประจำวันรวมถึงการทำงานได้เป็นอย่างดี
บ้านหลังดังกล่าวปลูกขึ้นสำหรับ 5 ชีวิตเพื่ออยู่อาศัย มันลงตัวได้อย่างเหมาะเจาะมากเลยทีเดียว ทว่าในยามนี้มีเพียงสองชีวิตที่หลงเหลืออยู่อาศัยอยู่ภายในบ้านหลังนี้เท่านั้น มีเพียงปานวาดและทอรุ้ง สองพี่น้องจากตระกูลจันทร์กระจ่างที่หลงเหลืออยู่ในรุ่นสุดท้าย
“โอโห่! พี่วาดทำไมวันนี้กับข้าวเยอะแยะเลย มีแต่ของโปรดหนูทั้งนั้น”แม่สาวน้อยถามพี่สาวด้วยความดีใจอย่างไร้เดียงสาเมื่อเห็นอาหารเย็นวันนี้ อุดมสมบูรณ์กว่าทุกวันที่ผ่านมา
“ก็วันนี้พี่ได้เงินพิเศษจากที่ทำงานมา ก็เลยทำอาหารโปรดที่รุ้งชอบไงละจ๊ะ อย่ามัวแต่ถามอยู่เลย รีบทานสิกับข้าวเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ”หญิงสาวบอกน้องพร้อมตักข้าวที่เพิ่งสุกส่งกลิ่นหอมกรุ่นตลบอบอวล
สาวน้อยรับจานข้าวด้วยความดีใจพร้อมกวาดสายตาไปที่อาหารตรงหน้าพร้อมเอ่ยขึ้น
“ท่าทางมือนี้คงจะแพงมากเลยใช่ไหมพี่วาด ปูผัดผงกะหรี่ กุ้งเผา ของสดอาหารทะเลที่รุ้งชอบ ผลไม้ ขนม แน่นจนเต็มตู้เย็นไปหมดเลย กว่าจะทานหมดใช้เวลาเป็นเดือนหรือเปล่าก็ไม่รู้พี่วาดได้เงินพิเศษมาเยอะเลยเหรอคะ”น้องสาวตัวน้อยเอ่ยถามด้วยความสงสัยระคนใคร่รู้
“ก็พอสมควร มันเป็นเงินที่สุจริตได้มาจากการทำงานของพี่ บริษัทเขาให้มาเพราะผลจากการทำงานที่ผ่านมาสองปีกว่าก็เลยได้เยอะหน่อย”ปานวาดบอกน้องสาวแต่ไม่อธิบายอะไรมากเพราะเด็กสาวอายุเพิ่งได้ 17 ปีคงจะยังไม่เข้าใจ ก่อนจะเอ่ยสำทับขึ้น
“อีกอย่างช่วงนี้พี่ว่างจะคอยดูแลรุ้ง ไม่ปล่อยให้อยู่บ้านตามลำพังกับป้าสาลี่อีกต่อไปแล้วนะ ดีนะที่มีป้าสาลี่มาคอยดูแลตอนที่พี่ไม่อยู่ไปทำงาน ถ้าพี่มีเงินมากกว่านี้เมื่อไรจะขึ้นเงินเดือนให้แกสักหน่อย ช่วงนี้พี่จะอยู่กับรุ้งจนกว่าจะหางานใหม่ได้”หญิงสาวบอกน้องของเธอและนั้นทำให้น้องสาวตัวน้อยไม่วายที่จะถามกลับไปตามนิสัยของเด็กสาวช่างพูดและช่างถาม
“ทำไมพี่วาดต้องหางานใหม่ทำด้วยละคะ ในเมื่อพี่ก็มีงานทำอยู่แล้วหรือว่าไม่ทำงานที่เดิมอีกแล้วเหรอ”เด็กสาวพูดพร้อมตักข้าวใส่ข้าวปากรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย
“ใช่จ๊ะพี่ไม่ทำงานกับที่เดิมแล้วจะหางานใหม่ทำ ที่มีเงินเดือนสูงกว่านี้จะได้มีเงินซื้ออะไรให้รุ้งทานและมีเงินรักษารุ้งด้วยไงละจ๊ะ”
แม่สาวน้อยกำลังตักข้าวเข้าปากหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“รุ้งจะกลับมาเดินได้อีกเหรอคะพี่วาด คนพิการแบบหนูยังมีโอกาสรักษาให้หายอีกเหรอคะ”ทอรุ้งเอ่ยถามเสียงเบา
หญิงสาวมองใบหน้าน้องสาวซึ่งตอนนี้ย่างเข้าสู่วัยสาวเต็มตัว ทอรุ้งน้องสาวของเธอช่างเป็นสาวน้อยแสนสวยหน้าหวานเสียนี่กระไร แต่เหตุใดจึงช่างโชคร้ายยิ่งนักกลายเป็นคนพิการตั้งแต่อายุยังน้อย
“คุณหมอบอกพี่ว่า เคสของรุ้งเป็นเพราะประสบอุบัติเหตุทำให้กระดูกสันหลังหัก แต่โชคดีที่ไม่ทับเส้นประสาทถ้าเรามีเงินค่ารักษาเพื่อทำการผ่าตัด รุ้งจะกลับมาเดินได้อีกครั้งจ๊ะ
“จริงเหรอพี่วาด!”เด็กสาวเอ่ยออกไปด้วยความดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วค่ารักษาของรุ้งที่จะทำให้กลับมาเดินได้แพงมากไหมพี่วาด”เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
ปานวาดมองใบหน้าของน้องสาวที่ถามราคาค่าผ่าตัดกับเธอ เงินที่จะใช้รักษาให้น้องสุดที่รักกลับมาเดินได้อีกครั้งก็สูงลิบลิ่ว แต่โอกาสที่จะกลับมาเดินได้ก็มีโอกาสเกิน 50% เลยทีเดียวเนื่องจากน้องสาวของเธออายุยังน้อยนั้นเอง จึงเป็นการง่ายในการรักษากับการเชื่อมต่อของข้อกระดูกที่เสียหายไป
“ ล้านห้า!”หญิงสาวบอกค่าผ่าตัดก้อนโตให้กับน้องสาวได้ล่วงรู้
“หะ! ล้านห้า!”แม่สาวน้อยแทบจะสำลักข้าวตาย เมื่อได้ยินตัวเลขค่าผ่าตัดสูงลิบขนาดนั้น
“โอ๊ย! ถ้ามันจะต้องใช้เงินมากขนาดนั้น และต้องทำให้พี่วาดลำบากหาเงิน รุ้งขอเป็นแบบนี้แหละเอาเงินค่ารักษามาใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นดีกว่าพี่วาด หนูเสียดาย”แม่หนูน้อยบอกพี่สาวสุดที่รักกลับไป
“แต่พี่ไม่เสียดายทอรุ้ง ถ้าต้องแลกด้วยอนาคตที่ดีและสุขภาพที่เป็นปกติเหมือนคนทั่วไปของรุ้ง พี่ยอมทุกอย่างไม่ว่าจะต้องทำอย่างไงก็ตาม หากมีโอกาสพี่จะรีบไขว่คว้ามันมาและจะรักษาน้องสาวของพี่ให้ได้ เธอจะต้องได้กลับมาเดินอีกครั้ง”หญิงสาวบอกน้องของเธอด้วยน้ำเสียงและแววตาที่มุ่งมั่น จนทำให้คนเป็นน้องรับรู้ได้ถึงความรักและความเป็นห่วงจากพี่สาวของเธอ