ผู้กองนภพีท์ไม่ตอบรับคำของลูกน้อง สิ่งที่เขาทำในขณะนี้คือการกัดฟันกรอด กำการ์ดแต่งงานในมือแน่น ก่อนจะเดินออกจากบริเวณดังกล่าว ตรงไปยังลานจดรถ เพราะรู้ว่านาทีนี้เขากำลังควบคุมพายุโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในตัวเขาแทบจะไม่ได้แล้ว
พลทหารพิรัลนิ่งเงียบตลอดทาง ขณะขับรถพาเจ้านายหนุ่มไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ แต่กระนั้นก็ลอบมองใบหน้าถมึงทึง ดวงตาลุกวาบของเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักอย่างที่สุด
‘เฮ้อ...สงสัยว่าบ้านจะพังก็คราวนี้นี่แหละ’
ทางด้านของผู้กองนภพีท์ ได้แต่จ้องมองการ์ดแต่งงานที่ยับย่นไม่เหลือสภาพเดิมด้วยดวงตาแข็งกร้าว กัดฟันดังกรอดๆ ตลอดเวลาที่มองตัวอักษรสีทองซึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า
“แพศยา!”
เสียงสบถลั่น พร้อมกับการทุบกำปั้นไปบนประตูรถยนต์ก่อให้เกิดเสียงดังลั่นรถ ทำเอาพลทหารพิรัลถึงกับแอบกลืนน้ำลายลงคออีกเฮือกใหญ่ ไม่กล้าเอ่ยพูดอะไรออกมาในขณะนี้ นอกจากจะรีบเหยียบคันเร่งพารถยนต์ราคาแพงไปถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ให้เร็วที่สุด
การจราจรในชั่วโมงรีบเร่งก่อนพระอาทิตย์จะตกดินแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้รถติดอยู่บนทางด่วนนานเกือบสองชั่วโมง และตลอดเวลานั้นพลทหารพิรัลก็ได้ยินเสียงสบถ เสียงกัดฟันกรอดๆ ดังขึ้นตลอดเวลา
จวบจนกระทั่งรถยนต์แล่นมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่สร้างอยู่บนเนื้อที่หลายไร่ ผู้กองนภพีท์ก็ย้ำเท้าเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ พร้อมกับเค้นเสียงถามพลทหารพิรัลที่เดินตามมาไม่ห่าง
“เล่าเรื่องที่แกรู้มาให้หมดพิรัล เกิดอะไรขึ้นระหว่างเราไม่อยู่เมืองไทย น้อง...ผู้หญิงแพศยาคนนั้นปันใจไปให้ผู้ชายอื่นตั้งแต่เมื่อไร”
ผู้กองนภพีท์เลี่ยงการเรียกชื่อของอดีตคนรัก ที่มอบความเจ็บปวดให้กับเขานับตั้งแต่วินาทีแรกที่กลับมาเหยียบแผ่นดินบ้านเกิด
พลทหารพิรัลมองใบหน้าถมึงทึงของผู้กองหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยบอกความจริงตามที่ได้เจอมาด้วยตนเอง
“วันที่ผู้กองขึ้นเครื่องบินไปอเมริกา ในคืนวันนั้นคุณอชิรญาขับรถคว่ำบนทางด่วน...”
“อะไรนะ! น้องพรีมขับรถคว่ำ”
ผู้กองนภพีท์ตะโกนถามเสียงดัง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจกับข่าวที่ได้ยิน
“ครับผู้กอง คุณอชิรญาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำในคืนวันนั้นเลยครับ”
“เธอได้รับบาดเจ็บมากหรือเปล่า”
แม้รู้ว่าอชิรญาได้ทรยศต่อความรักที่มีต่อตนเอง กระนั้นผู้กองหนุ่มก็ยังคงห่วงใยในตัวอชิรญาเสมอ
“หนักเอาการเหมือนกันครับผู้กอง ผมได้ยินมาว่าคุณอชิรญานอนอยู่โรงพยาบาลเกือบสองอาทิตย์”
“นายได้ไปเยี่ยมเธอหรือเปล่า”
“ไปครับผู้กอง ผมไปหลังจากคุณอชิรญาเข้าโรงพยาบาลได้สักหนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่น้องสาวของคุณอชิรญาออกมาพบผม และบอกว่าคุณอชิรญาไม่ต้องการให้ใครเยี่ยม”
“ทำไม? อชิรญาเธอคุ้นเคยกับนายดี ทำไมถึงไม่ให้นายเข้าเยี่ยม”
ผู้กองนภพีท์ถามด้วยความแปลกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าอชิรญาจะปฏิเสธน้ำใจจากพลทหารพิรัล ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของเขา
พลทหารพิรัลส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับเอ่ยตอบด้วยความสงสัยไม่แพ้กัน
“ผมเองก็ไม่ทราบว่าทำไมคุณพรีมไม่ยอมให้ผมเข้าไปเยี่ยม เพราะปกติคุณพรีมก็ไม่เคยหยิ่งหรือถือตัวกับผมอยู่แล้ว”
“แล้วอชิรญาเริ่มคบกับไอ้ผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
คราวนี้น้ำเสียงของผู้กองหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธจัด เมื่อย้อนนึกถึงความทรยศที่อชิรญาตอบแทนความรักที่เขามอบให้เธอตลอดเวลา
“ผมไม่ทราบครับผู้กอง”
พลทหารพิรัลส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง จากนั้นก็นิ่งเงียบไปหลายนาทีราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะเอ่ยตอบเมื่อพอจะจำได้เลาๆ แล้ว
“ถ้าผมจำไม่ผิด ผมเห็นเสี่ยสุรพลคอยเดินประคองคุณพรีมในงานศพของคุณมรุเดชนะครับ”
“งานศพคุณมรุเดช?” ผู้กองทวนคำพูดของลูกน้อง ราวกับเมื่อสักครู่นั้นตนเองฟังผิดไป
“ครับผู้กอง คุณมรุเดชประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เหมือนกันครับ หลังจากคุณพรีมเข้าโรงพยาบาลได้ราวๆ สิบวัน คุณมรุเดชก็ประสบอุบัติเหตุเหมือนกัน แต่คุณมรุเดชตายคาที่ครับ”
“น้องพรีม...”
ผู้กองนภพีร์ครางเรียกชื่อหญิงที่ยังคงปักใจรักด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา รู้สึกสงสารอชิรญาอยู่ไม่น้อย ไหนต้องบาดเจ็บนอนรักษาตัว ไหนบิดาต้องมาด่วนจากไปอย่างกะทันหันด้วย
“นายบอกว่าคุณมรุเดชประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ รถของคุณมรุเดชถูกชนหรือยังไง” ผู้กองหนุ่มถามถึงสาเหตุการตายของคนที่เคยเป็นว่าที่พ่อตาของตนเอง
“ไม่ใช่ครับ คุณมรุเดชขับรถชนเสาไฟครับ”
“คุณมรุเดชเมายังงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่อีกเหมือนกันครับ ผมรู้มาว่าคืนวันนั้นคุณมรุเดชไม่ได้ดื่มเหล้า แต่ผลการตรวจสภาพรถยนต์ ทางตำรวจบอกว่ารถเบรกแตกครับ”
แม้เป็นแค่เพียงพลทหาร แต่กระนั้นการเป็นพลทหารคอยอยู่รับใช้และเป็นลูกน้องคนสนิทของนาวาเอกนภพีท์ ศุภทิน ผู้กองหนุ่มคนเก่งเป็นที่เลื่องลือของราชนาวีไทย ช่วยให้พลทหารพิรัลสามารถอาศัยชื่อของเจ้านายหนุ่มเพื่อสืบเสาะหาข้อมูลที่ตนเองต้องการรับรู้ได้อย่างง่ายดาย
ผู้กองนภพีท์สงสัยกับบางประโยคของพลทหารพิรัล แต่กระนั้นก็ไม่ได้เอ่ยถามออกมา เพราะนาทีนี้เขากลับมาให้ความสนใจเกี่ยวกับการหักหลังของอชิรญาอีกครั้ง
“เมื่อสักครู่นายบอกว่าไอ้เสี่ยสุรพลมันคอยประคองอชิรญาในงานศพตลอด
เวลายังงั้นหรือ”
“ครับผู้กอง ผมไปฟังสวดงานศพทุกคืน ผมเห็นเสี่ยสุรพลคอยเดินตาม คอยประคองคุณพรีมในคืนแรกของการสวดศพ ผมก็เอะใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก จนคืนที่สอง สาม ผมก็เริ่มเห็นมันผิดสังเกตมาก เพราะไอ้เสี่ยสุรพลกับคุณพรีมอยู่ด้วยกันแทบทุกนาที ผมจึงลองเลียบเคียงถามบรรดาญาติๆ ของคุณพรีม และก็ได้คำตอบที่ทำเอาผมแทบช็อกว่า คุณพรีมกับไอ้เสี่ยสุรพลเป็นคู่หมั้นกัน กำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”