ตอนที่ 1 บอกลา บอกรัก

1666 Words
“เย้!!! ยินดีด้วย!!!” เสียงดังฉลองจบการศึกษาระดับมัธยมปลายของโรงเรียบนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯดังขึ้น พร้อมกับที่มีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พากันเดินเรียงแถวเข้ามาในงานที่มีรุ่นน้องพากันยืนเรียงแถวเพื่อทำพิธีจบการศึกษาให้กับพวกพี่ๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะได้แยกย้ายกันไปเข้าเรียบระดับมหาวิทยาลัย “ไอ้เซนต์ เย็นนี้มีงานเลี้ยงที่บ้านมึงใช่รึเปล่าวะ กูจะได้เตรียมของไปด้วย” เสียงเพื่อนในกลุ่มร้องถาม วินเซนต์ เด็กหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ หลังจากที่ทำพิธีจบการศึกษาเสร็จสิ้นแล้วพวกเขานัดกันว่าจะไปฉลองกันที่บ้านของเพื่อนคนใดคนหนึ่งในกลุ่ม “อืม พ่อกับแม่กูไม่อยู่ บ้านกูเหมาะสุดแล้ว แต่ว่ากูเตือนไว้ก่อนนะ จะมีพี่ๆกูมาฉลองด้วย พวกมึงเมาแล้วอย่าหาเรื่องละ ไม่งั้นกูไล่กลับหมดแน่” เสียงวินเซนต์ตอบกลับมา ก่อนที่พวกเด็กหนุ่มและเพื่อนๆจะแยกย้ายกันกลับบ้าน และจะมารวมตัวกันอีกทีในตอนเย็น “ยินดีด้วยนะคะพี่ไผ่” เสียงรุ่นน้องในคณะต่างพากันเข้ามาแสดงความยินดีกับรุ่นพี่ปีสี่ของมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่มีชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตเด็กปีสี่ในรั้วมหาวิทยาลัย “ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานของ ต้นไผ่ เอ่ยขอบคุณ เมื่อมีน้องๆถือดอกไม้เข้ามามอบให้ไม่ขาดสาย จนเพื่อนข้างๆอดแซวไม่ได้ “แหม รุ่นพี่ก็มีเป็นร้อย ทำไมดอกไม้มารวมอยู่ที่รุ่นพี่ไผ่คนเดียวก็ไม่รู้น้า อย่างนี้พวกพี่ก็น้อยใจแย่สิ” เสียงของ นานา เพื่อนสนิทของ ไผ่ หรือ ต้นไผ่ เอ่ยแซวขึ้นเมื่อตอนนี้ต้นไผ่นั้นหอบดอกไม้เต็มสองไม้สองมือจนร่วงหล่นหลายต่อหลายหน จนเพื่อนๆต้องพากันมาช่วยถือ ต้นไผ่นั้นถือเป็นรุ่นพี่ปีสี่คนหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากน้องๆรุ่นอื่นๆหรือแม้กระทั่งต่างคณะเป็นอย่างมาก เนื่องจากหญิงสาวนั้นทั้งสวยทั้งเก่ง แถมยังได้เป็นถึงดาวมหาวิทยาลัยดีกรีนักกีฬาของคณะอีกด้วย จึงทำให้มีทั้งรุ่นน้องผู้หญิงผู้ชายมาแอบปลื้มแอบชื่นชมหญิงสาว “แกก็มาช่วยฉันถือสิถ้ามือว่างนัก แล้วคนอื่นๆละ ไปไหนกันหมด อย่าลืมนะเย็นนี้ที่บ้านฉันมีงานเลี้ยงฉลองจบและเลี้ยงอำลาของแกงค์เรา ไปบอกพวกนั้นด้วย เดี๋ยวฉันจะกลับไปก่อน คุณพ่อคุณแม่คงรออยู่บ้านแล้ว” ต้นไผ่บอกออกมา ก่อนจะเดินแยกออกไป เพราะก่อนหน้านั้นมารดาโทรมาบอกว่ารออยู่ที่บ้านกับบิดา ขอให้เธอรีบกลับ เพราะทั้งสองจะต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศเย็นนี้พอดีด้วย เมื่อเสร็จพิธีเลี้ยงส่งการจบการศึกษาจากคณะ ต้นไผ่จึงรีบขับรถกลับบ้านทันที “คุณแม่ คุณพ่อ ไผ่มาแล้วค่ะ” เสียงต้นไผ่ร้องดังขึ้นก่อนที่จะเดินเข้าไปหาบิดามารดาที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขกพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสองใบ เตรียมจะเดินทางกันอย่างเต็มที่ “ลูกสาวของแม่ มานี่สิลูก พ่อกับแม่มีของขวัญจะให้ด้วย” คุณดวงดาว เขมาภิรักษ์ มารดาของต้นไผ่เอ่ยออกมาก่อนที่จะหยิบกล่องสร้อยคอที่ตนและสามีซื้อเตรียมไว้เป็นของขวัญเรียนจบให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวขึ้นมา “ขอบคุณนะคะคุณพ่อ คุณแม่ แล้วนี่เครื่องออกกี่โมงคะ” ต้นไผ่เดินเข้ามากอดผู้เป็นมารดาแล้วเอ่ยถามขึ้น “อีกสองชั่วโมงลูก แล้วนี่เย็นนี้ได้ยินแม่บ้านบอกว่าไผ่กับเพื่อนๆมีฉลองเรียนจบใช่ไหมลูก” คุณดวงดาวถามขึ้น เพราะเห็นพวกแม่บ้านพากันไปซื้อของมาจัดเตรียมไว้เต็มไปหมด “ค่ะ เลี้ยงฉลองจบแล้วก็เลี้ยงส่งไผ่ด้วย แต่ไปเลี้ยงที่บ้านของเซนต์นะคะ เพราะเซนต์ก็จบมอปลายแล้วเหมือนกันค่ะ แล้วเจอกันที่โน่นนะคะ พรุ่งนี้เที่ยงหนูก็บินเหมือนกัน แล้วหนูจะโทรหาทันทีที่ไปถึงโน่นนะคะ” ต้นไผ่บอกออกมาเพราะอันที่จริงเธอกับครอบครัวกำลังจะย้ายไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์กัน แต่พอดีบิดากับมารดามีงานด่วนจึงต้องรีบไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เธอจะบินตามไป “โอเค งั้นขอให้สนุกให้เต็มที่นะลูก แล้วเจอกันที่โน่นจ๊ะ” พอพูดจบคุณดวงดาวและสามีก็เดินไปขึ้นรถที่คนขับรถเตรียมไว้ให้แล้ว ก่อนจะล่ำลากันอีกนิดแล้วทั้งสองก็นั่งรถตรงไปที่สนามบินทันที ส่วนต้นไผ่ก็เดินกลับเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นเธอคิดว่าจะเดินไปยังบ้านข้างๆเพื่อดูงานที่จะจัดกันเย็นนี้เสียหน่อย “อ่าวพี่ไผ่ มาแล้วเหรอครับ ผมกำลังดูอยู่เลยว่าขาดอะไรรึเปล่า” เสียงวินเซนต์เอ่ยออกมาอย่างดีใจ ที่เห็นพี่สาวข้างบ้านกำลังเดินเข้ามา “โห จัดใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย มีอะไรให้พี่ช่วยรึเปล่า” ต้นไผ่ถามออกไปพร้อมกับเดินไปยืนอยู่ข้างเจ้าของบ้าน เธอกับวินเซนต์รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะบ้านอยู่ติดกัน พ่อกับแม่ของเธอบินไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ และพ่อกับแม่ของวินเซนต์ก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เธอกับเขาจึงค่อนข้างที่จะสนิทกัน เพราะเขาชอบข้ามมาเล่นที่บ้านเธอบ่อยๆจนกระทั่งโตเป็นหนุ่ม วินเซนต์จึงค่อยๆห่างหายไป แต่ก็พูดคุยกันอยู่เป็นประจำเช่นเคย “ไม่มีหรอกครับ พี่ไผ่แค่ยืนสวยๆอยู่ตรงนี้ก็พอ นอกนั้นผมจัดการเอง” วินเซนต์บอกออกมา ก่อนที่จะเดินไปดูของอีกนิดหน่อยเพราะทุกอย่างถูกเตรียมจนคิดว่าครบหมดแล้ว “เซนต์ พี่มีอีกเรื่องจะบอก...คือว่าพี่กำลังจะบินไปเรียนต่อที่สวิตเซอร์แลนด์กับคุณพ่อคุณแม่ เรื่องนี้พี่ยังไม่บอกเราใช่ไหม” ต้นไผ่บอกออกมา เพราะเธอว่าจะบอกเขาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสสักที ส่วนวินเซนต์พอได้ยิน มือที่กำลังหยิบจับโน่นนั่นถึงกับหยุดชะงักทันที “ไปตอนไหน” เขาถามออกมาเสียงเรียบ พร้อมกับหันมาจ้องหน้าเธอเขม็ง ทำเอาต้นไผ่ถึงกับไปไม่เป็น เพราะพึ่งเคยเห็นเขาเป็นแบบนี้ “อ่อ พี่บินพรุ่งนี้เที่ยง เราจะไปส่งพี่ไหมล่ะ แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ” ต้นไผ่บอกออกมา ทำเอาวินเซนต์รู้สึกชาไปทั้งตัว เพราะเขาแอบชอบพี่สาวข้างบ้านมาตั้งแต่เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองเป็นหนุ่ม และไม่นึกว่าอยู่ดีๆคนที่เขาแอบมองทุกวันจะไปเรียนต่อไกลถึงต่างประเทศ “ทำไมพี่ไผ่พึ่งมาบอก ทำไมไม่บินไปก่อนค่อยบอกผมเลยล่ะ!” วินเซนต์พูดออกมาอย่างหงุดหงิดพร้อมกับเดินหนีเข้าบ้านไป ทำเอาต้นไผ่ถึงกับงง ว่าเธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาไม่พอใจอะไร หรือจะเรื่องที่เธอต้องจากเขาไปแสนไกล เธอจึงเดินตามเขาเข้าไป “เดี๋ยวก่อนสิเซนต์ โกรธพี่เหรอ โธ่เด็กน้อย พี่ไปเรียนต่อยังไงเราก็ยังคุยกันได้นี่น่า อย่าโกรธพี่เลยนะ” ต้นไผ่เดินเข้ามาดึงแขนของเขาไว้ พร้อมกับดึงเข้ามากอดเหมือนกับว่าเขายังเป็นเด็กน้อยที่คอยเดินตามเธอต้อยๆในวันวาน “ทำไมต้องไปไกล ทำไมไม่เรียนอยู่ที่นี่ ถ้าพี่ไปไกลขนาดนั้นแล้วผมจะทำยังไง พี่ไผ่ ผมชอบพี่ ผมชอบพี่จริงๆนะ ชอบมาตั้งนานแล้ว อย่าไปเลยนะ ผมสัญญาว่าจะรีบโต รีบทำงานแล้วไปขอพี่เป็นแฟน อย่าไปเลยนะ” วินเซนต์บอกออกมาพร้อมกับกอดร่างของต้นไผ่เอาไว้แน่น “ซะ...เซนต์ เอ่อ ปล่อยพี่ก่อนนะ” เมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ต้นไผ่ถึงกับไปไม่เป็น เธอพยายามแกะแขนเขาออก แต่เขากอดเธอเอาไว้แน่นเกินกว่าที่เธอจะเอาออกได้ “ไม่ สัญญาสิว่าจะไม่ไป อย่าไปเลยนะ ผมรักพี่ อยู่กับผมนะพี่ไผ่ ผมไม่ยอม อย่าไปนะ” วินเซนต์บอกออกมาพร้อมกับเริ่มสะอื้นไห้ ทำเอาต้นไผ่ถึงกับตกใจที่เห็นเขาร้องไห้ เพราะตั้งแต่ที่เธอรู้จักวินเซนต์มา วินเซนต์นั้นเป็นคนที่ร้องไห้ยากมาก แต่ตอนนี้เขากำลังร้องไห้แค่เพียงเธอจะไปเรียนต่อ “เซนต์ใจเย็นๆ ตอนนี้เซนต์ยังเด็ก รอให้เซนต์โตกว่านี้แล้วเซนต์จะรู้ว่ารักจริงๆเป็นยังไง อย่าร้องนะ แล้วปล่อยพี่ก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อายเขาแย่ มาร้องแบบนี้ได้ยังไง” ต้นไผ่บอกออกมา ก่อนที่วินเซนต์จะยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ “ผมโตแล้ว โตพอที่จะรู้ว่าผมรักพี่! ยังไงพี่ไผ่ก็ต้องไปใช่ไหม ได้ ไปเลย จะไปไหนก็ไป!” วินเซนต์บอกออกมาอย่างรู้สึกโกรธคนตรงหน้าก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปบนห้องนอน และไม่ลงมาอีกเลย จนกระทั่งงานกำลังจะเริ่มนั่นแหละเธอจึงเห็นเขาเดินเข้ามาร่วมวงกับเพื่อนๆของเขา โดยไม่หันมาแลเธอเลยสักนิด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD