เอิงเอย หรือนางสาวนวิยา อรุณประภาพร อดีตคุณหนู แม่เสียตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เธอต้องไปอาศัยอยู่ที่ภูเก็ตกับป้า ซึ่งเป็นพี่สาวของแม่ ป้ารักและดูแลเธอเหมือนลูกแท้ๆ คนหนึ่ง
พ่อกับแม่ของเธอช่วยกันสร้างธุรกิจส่งออกขายลำไยไปต่างประเทศจนมีฐานะร่ำรวยติดลำดับต้นๆ ของประเทศ จนเธออายุได้ 16 ปี พ่อของเธอได้แต่งงานใหม่กับสาวแม่หม้ายที่มีลูกติดคนหนึ่ง แม่เลี้ยงของเธอมีรูปโฉมสะสวย และเป็นอดีตเลขาของพ่อนั่นเอง
ตอนเธออายุ 17 ปี เธอเข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ จึงย้ายกลับมาอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยง แม่เลี้ยงของเธอเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก อยู่ต่อหน้าพ่อเธอก็พูดจาดีเอาใจใส่เธอ แต่พอลับหลังก็พยายามหาทางไล่เธอออกไปจากบ้าน
หลังจากพ่อของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ พินัยกรรมของพ่อถูกเปิดออก ยกทรัพย์สินทุกอย่างให้แม่เลี้ยง เธอถูกไล่ออกจากบ้านตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งเธอกำลังเรียนอยู่ปี 2 เธอไม่ได้ทรัพย์สินติดตัวมาเลย ทั้งๆที่บริษัทนี้พ่อกับแม่ของเธอเป็นคนก่อตั้งขึ้นมา เธอเหลือเงินเก็บเพียงเล็กน้อยที่สะสมไว้ ตอนพ่อของเธอให้ไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ เธอออกมาอยู่คอนโดที่พ่อเธอซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดอายุครบ 18 ปี ซึ่งนับเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เธอมี
เธอต้องทำงานพิเศษไว้จ่ายค่าเทอม เธอไม่อยากรบกวนป้า เพราะป้าอายุเริ่มมากแล้ว และยังป่วยเป็นเบาหวานอีกด้วย
ชีวิตคุณหนูในวัยเด็กเลือนลางลงไปเรื่อยๆ จนเธอจำแทบไม่ได้เสียแล้ว ทุกวันนี้มีแต่เอิงเอย เด็กสาวที่สู้ชีวิตคนหนึ่ง เธอมีเป้าหมายจะเอาบริษัทของพ่อกับแม่เธอคืนมาให้ได้
ตอนนี้เธออายุ 22 ปีแล้ว เรียนจบสาขาการบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ แต่ด้วยเธอต้องทำงานหาเงินระหว่างเรียน ทำให้ผลการเรียนของเธอไม่ค่อยดีนัก เธอกำลังหางานทำ ส่งใบสมัครไปบริษัทหลายที่ แต่ยังไม่มีบริษัทไหนรับเธอเข้าทำงาน อาจด้วยผลการเรียนของเธอที่ไม่ค่อยดีนักและประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัครก็ไม่มี
เธอจึงทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อหารายได้ระหว่างรองานประจำเท่านั้น
เอิงเอยหรือนวิยา อรุณประภาพร เธอเป็นสาวสวย หุ่นดี เอวขอด อกเป็นอก เพราะแม่ให้เธอมาครบ แม่ของเธอเป็นอดีตนางนพมาศของจังหวัด
เธอเป็นคนที่ภายนอกอารมณ์ดี ยิ้มง่าย ขยัน สู้คน ดีมาดีกลับ แต่ในใจลึกๆ แล้ว เธอมีบาดแผลในใจอยู่ เธออาศัยอยู่กับป้า ป้ามักพาเธอเข้าวัดอยู่เสมอ แต่มันไม่สามารถลบบาดแผลในใจเธอได้ เธอทำได้แค่ยิ้มสู้ ทำตัวร่าเริง เพื่อให้ป้าสบายใจ
ปัจจุบันเธอมาอาศัยอยู่ในกรุงเทพตัวคนเดียว ต้องทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียน ทั้งเรียนทั้งทำงานทำให้ไม่ค่อยมีเวลาไปเที่ยวสนุกสนานเหมือนคนในรุ่นราวคราวเดียวกัน เธออาศัยอยู่คนเดียวนานๆ ป้าจะขึ้นมาหาเธอที่กรุงเทพบ้าง หรือช่วงวันหยุดยาวเธอก็ลงไปหาป้าที่ต่างจังหวัด ป้าอาศัยอยู่กับลูกสาว ซึ่งอายุมากกว่าเอิงเอย 1 ปี ส่วนป้าหย่ากับลุงไปเมื่อ 10 ปีก่อน เธอสนิทกับพี่พาฝันลูกของป้ามาก
ปราณนต์ สวัสดิรักษ์ หรือปราณ หนุ่มนักเรียนนอก นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ประธานบริหารกลุ่มยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เขาอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น เขาสามารถสอบเทียบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่อายุ 17 ปี จบปริญญาตรี ตอนอายุ 20 ปี ภายในประเทศ 2 ใบ คือ วิศวะเครื่องกล และนิติศาสตร์ และได้ไปเรียนต่อปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาจบปริญญาโท
ตอนอายุ 23 ปี ชายหนุ่มตั้งใจเรียน จะได้รีบมาช่วยพ่อของเขาบริหารธุรกิจ เนื่องจากตอนเขาอายุ 15 ปี เขาพบยาและประวัติการรักษาของพ่อเขาโดยบังเอิญ พ่อเขาเป็นโรคหัวใจ แต่ที่ไม่ได้บอกเขากับน้องสาว เพราะไม่อยากให้เป็นห่วง และไม่อยากกดดันเขาจนเกินไป เขารู้ดีว่าพ่อรักเขากับน้องมากแค่ไหน ตั้งแต่เล็กจนโตไม่ว่าเขาหรือน้องสาวอยากทำอะไร หรืออยากได้อะไร พ่อของเขาจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ และถึงแม้งานของพ่อเขาจะหนักมากแค่ไหน พ่อของเขาจะแบ่งเวลามาให้พวกเขาเสมอ ในเมื่อพ่อกลัวเขาจะไม่สบายใจ เขาจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป แต่เขาอยากให้พ่อได้พักได้มีเวลารักษาตัว เขาจึงพยายามตั้งใจเรียน รีบเรียนให้จบ จะได้มาช่วยพ่อทำงาน ทำให้เขาไม่สนใจการคบเพื่อน หรือการคบหาดูใจกับหญิงสาวคนไหนเลย
แม่ของเขาเป็นแม่บ้านดูแลเรื่องภายในบ้านดูแลเขาและน้องสาว พ่อกับแม่ตกลงกันแล้วว่า ให้พ่อทำงาน แม่จะดูแลบ้านและลูกๆเอง เพราะกลัวว่าเขาและน้องสาวจะขาดความอบอุ่น แม่ของเขามักเล่าถึงความตั้งใจของพ่อให้เขาฟังเสมอ
ธุรกิจของพ่อเป็นธุรกิจระบบกงสี พ่อซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของตระกูล จึงได้รับสืบทอดมาจากคุณปู่ พ่อมีน้องชาย 2 คนและน้องสาวอีก 2 คน พ่อรักน้องๆ ทุกคน หลังจากคุณปู่วางมือและเสียชีวิต ทำให้ธุรกิจของตระกูลที่มีกว่า 100 บริษัท เกือบทั้งหมดส่งต่อมาให้พ่อของเขาดูแล ตระกูลของเขามีกฎของตระกูลที่สำคัญและสืบทอดกันรุ่นต่อรุ่น คือ ไม่อนุญาตให้สะใภ้ หรือเขย เข้ามาบริหารกิจการของตระกูล เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ธุรกิจของตระกูลต้องส่งต่อให้ลูกหรือญาติพี่น้องทางสายเลือดเท่านั้น
ในตอนเขาอายุ 23 ปี เขากำลังเรียนปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งอีกไม่กี่เดือนเขากำลังจะเรียนจบ แต่พ่อของเขากลับหัวใจวาย อาการโคม่า และกลายเป็นเจ้าชายนิทราเป็นผู้ป่วยติดเตียง และเสียชีวิตในอีก 3 เดือนต่อมา
เขากลับมางานศพและได้พบกับน้องๆ ของพ่อ ซึ่งก็คืออาของเขานั่นเอง อาของเขาบอกให้เขากลับไปเรียนต่อให้จบ
เพราะเหลืออีกไม่กี่เดือน แม่ของเขาก็เห็นด้วย อาเดช หรือเดชณรงค์เป็นอารองที่พ่อรักและไว้ใจมากๆ จะช่วยดูแลธุรกิจให้ก่อน รอเขาเรียนจบค่อยกลับมาบริหารงานต่อ เนื่องจากกฎของตระกูล ทำให้แม่ของเขาไม่สามารถเข้าบริหารงานแทนพ่อได้ ส่วนน้องสาวของเขากำลังเรียนปริญญาตรี ปี 1 ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ น้องสาวของเขาเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ขัด เขารักและตามใจน้องสาวคนนี้มากๆ
ตอนเขากลับมางานศพ เขาได้พูดคุยกับลุงสาโรจน์ ซึ่งเป็นเลขาคนสนิทของพ่อเขาทำงานกับพ่อเขามากว่า 25 ปี ก่อนที่เขาจะเกิดซะอีก ลุงโรจน์เป็นคนที่ปราณไว้ใจมากคนหนึ่ง เขาถามถึงสาเหตุที่ทำให้พ่อเขาหัวใจวาย เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่มันไม่สมเหตุสมผล แต่เขายังไม่แน่ใจ เขาจึงได้เก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ได้บอกกับใคร เขาต้องรู้ให้ได้ว่าพ่อเขาหัวใจวายเองหรือมีคนทำ หลังจากเกิดเรื่องกับพ่อของเขา ทำให้ปราณนต์เริ่มมีนิสัยชอบเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว ไม่ไว้ใจใคร ไม่สนใจใคร เขาสนใจเพียงเรื่องงานบริหารธุรกิจและการตามหาความจริงเรื่องอาการหัวใจวายของพ่อเขาเท่านั้น
ปราณนต์จัดได้ว่าเป็นชายหนุ่มรูปหล่อมาก สูง 185 ซม. ผิวขาว นัยตาสีน้ำตาลอ่อน เขาไม่สนใจเรื่องความรัก แม้จะมีผู้หญิงเดินเข้าหาเขามากมาย แม้กระทั้งเลขาของเขา เขาจะรับแต่ผู้ชายเท่านั้น