บทที่3

2025 Words
บทที่3 วันนี้ความซวยมาเคาะประตูเยือนแกแล้วยายกี้เอ๋ย เพราะหากนี่มินับว่าซวยก็คงมิมีคำใดเหมาะสมอีกแล้ว และเมื่อไล่เรียงความคิดที่ค่อย ๆ คืนตามสติมาทีละน้อยดังที่เสียงลึกลับบอกเอาไว้แก่กิรณา หรือยามนี้คงต้องกลายเป็นเฉินอิงลั่วอย่างหมดหนทางหนีก็ให้เกิดความกลัวอย่างจับขั้วหัวใจ ด้วยว่ายามนี้รู้แจ้งตนเองถูกลูกน้องของเถ้าแก่เสิ่นหม่าแห่งหอนางโลมอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเหอเช่นหอชุนฮวาจับมา ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ว่าเจ้าเถ้าแก่เสิ่นหม่าผู้มีศีรษะเถิกนั้นมิใช่พวกพ่อพระใจดีแต่อย่างใด ทว่าคนผู้นี้นั้นนับได้ว่าเป็นปีศาจร้ายซึ่งมีร่างกายเป็นมนุษย์โดยแท้จริง เพราะนอกจากเอาสตรีมาเป็นผู้หญิงขายบริการ หรือยุคนี้ก็คือนางโลมนั่นเอง ชายเฒ่าผู้นี้ยังมีการขายคนไปเป็นทาส หากว่าขายเป็นนางโลมมิได้ต่อไปแล้ว หรือแม้แต่ทาสก็เป็นไม่ได้สุดท้ายตาย เจ้าเฒ่าศีรษะเถิกก็ยังขายศพอีกด้วย … โธ่ ชีวิตสวยครึ่งทางไยจึงซวยแต่แรกเริ่มเช่นนี้เล่า?!... เรียกว่าแม้แต่ตายก็ยังไม่พ้นถูกขายกันเลยทีเดียว จบสิ้นแล้วชีวิตยังภพชาติใหม่ของนาง ‘ให้ตายเถอะ! นี่จะซวยซับซวยซ้อน ซวยซ่อนเงื่อน ซวยเอาถ้วย ซวยเอาโล่กันหรืออย่างไร ‘ นางคิดว่าหากมีการจัดอันดับผู้ซึ่งดวงซวยที่สุดในหกภพ เกรงตำแหน่งที่หนึ่งคงไม่พ้นตนเองเสียเป็นแน่แท้… และเมื่อมีเสียงแปลกปลอมดังแทรกขึ้นมา ทุกสายตาจึงพุ่งตรงไปที่ห่อผ้าห่มเก่าขาดซึ่งถูกห่อและมัดจนแน่น มองไปช่างคล้ายบ๊ะจ่างยิ่งนัก ที่ยังพอให้ดูออกว่าคือสตรีก็คงจะเป็นส่วนศีรษะซึ่งโผล่มาเพียงใบหน้ามอมแมม กับผมยาวสีดำสนิทยุ่งเหยิงเพียงเท่านั้น เขา ‘หยางหรงเหยา’ หรือยามนี้เขาอยู่ในฐานะของคุณชายหยางคนที่สามของบ้านตระกูลหยางสะดุดตาเข้าอย่างจัง เมื่อยามดวงตากลมโตสีดำสะท้อนแสงเทียนแวววาวดังแสงของดารายังท้องนภายามราตรีอยู่หลายส่วน ซึ่งยิ่งในยามที่นางนั้นค่อยเริ่มหันมาแหงนเงยขึ้นมองดูยังบุรุษกลุ่มใหญ่กลางห้องจึงสบประสานเข้ากับสายตาเยือกเย็นของตนพอดิบพอดี คล้ายสวรรค์คิดบันดาลก็มิปาน… …อา... เขามิเคยพบเจอผู้ใดมีดวงตางดงามเช่นดวงตาของแม่นางน้อยผู้นี้มาก่อนเลย และยิ่งเขาจับจ้องนานเข้ากลับคล้ายว่ามีบางอย่างในแววตาสวยเจิดจรัสคู่นั้นกำลังจุดไฟในกาย ทำให้เขาร้อนรุ่มไปทั่วทั้งกายและหัวใจ จนเขาผู้เป็นเจ้าของทั้งร่างกายและหัวใจยังอดสงสัยเสียมิได้ว่าที่บังเกิดกับตนเองนั้นคือสิ่งใดกันแน่?! แต่ให้ตายเถิด ยิ่งหยางหรงเหยาจับจ้องดวงตากลมโตและแวววาวสดใสคู่นั้นนานเท่าใด กลับยิ่งทำให้เขามีอารมณ์รุ่มร้อนอย่างไม่เคยเกิดมาหลายหนาวแล้ว นับแต่... …บ้าไปแล้วหรงเหยา!... เขาต้องบ้าไปแล้วเป็นแน่ บุรุษหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดหนาวรู้สึกถึงแรงดึงดูดมหาศาลจนเขานั้นหลุดจากการควบคุมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และสาเหตุทั้งหลายก็เพียงเพราะดวงตาคู่งามของแม่นางน้อยแสนมอมแมมนั่นเอง …ดวงตาเช่นนี้?... คล้ายกับว่าเขาเฝ้าถวิลหามาแสนเนิ่นนาน ทว่าจะเป็นไปได้เช่นไร ก็เขายิ่งกว่าแน่ใจ ตนเองเพิ่งก้าวเข้ามายังแคว้นเหอในครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรก หรือนางจะเป็น... …คนของฝ่ายนั้น?... แม้นจะคิดเตือนตนเองไปเช่นนั้น ทว่าเท้าแกร่งก็พาเจ้าของเดินแช่มช้าจนมาหยุดตรงหน้าร่างเล็กที่ถูกห่อและมัดจนแน่น ปากก็ถูกมัดปิดเอาไว้แต่เขามิได้สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากด้วงตากลมโตสีดำสนิทที่เขาแลเห็นยังระยะไกล …ทว่า…ให้ตายเถิด! ... ในยามนี้ที่เขานั่งทับบนส้นเท้าแล้วใช้มือเรียวยาวอย่างคนไม่เคยทำงานหนักจับปลายคางเล็ก ๆ ให้เงยขึ้นสบตากันและกันกับเขาในระยะใกล้ชิด เพียงเท่านั้นเองที่หยางหรงเหยาได้แลเห็นว่ายามเมื่อดวงตาสุกใสต้องกับแสงของเปลวเทียนภายในห้องรกเรื้อนี้เข้าเท่านั้น ...จากสีดำก็กลับกลายเป็นสีฟ้าเข้มเจือออกม่วงสดใสในทันที!... ให้ตายอีกสิบชีวิตหยางหรงเหยามิเคยถูกตาต้องใจสตรีใดมากมายเพียงนี้มาก่อนเลยนับแต่จำความได้ ...แม้แต่...นาง...ช่างเถิด ก็เพียงอดีต เขายังจะจดจำอยู่เพียงผู้เดียวไปไยเล่า... หยางหรงเหยาสลัดความทรงจำเก่าทิ้งไปในทันใด นางผู้นั้นทอดทิ้งเขาไปเนิ่นนานแล้ว เก็บเอาภรรยาของผู้อื่นมาใส่ใจย่อมมิใช่สิ่งดี โดยเฉพาะชายผู้นั้นคือพี่ชายตนเอง... “แม่นางน้อยผู้นี้คือคนของผู้ใดกันเล่า?” สำเนียงเสียงพูดที่เป็นแบบฉบับของชาวแคว้นเหอโดยแท้ดังออกมาอย่างชัดเจนจนน่าตกใจ ทำให้ฟ่านเย่ขยับตัวทันทีด้วยเขานั้นตลอดมาหลายวันที่ดูแลคุณชายสามตระกูลหยางผู้นี้ตามคำสั่งบิดา แม้เพียงครึ่งคำเขาผู้นี้ล้วนมิเคยเอ่ยภาษาถิ่นแท้จริงของชาวแคว้นเหอ นอกจากภาษากลางยังเป่ยจิ้ง ทว่ายามนี้เขากลับเอ่ยชัดเจนด้วยกิริยาหยิ่งทระนงนักหนาจนชวนหมั่นไส้ในสายตาของบุรุษด้วยกันเอง “คุณชายสามเขาถามว่าแม่นางน้อยผู้นี้คือคนของผู้ใดกัน” ฟ่านเย่หันมาเอ่ยเป็นนัยแก่ตาเฒ่าแซ่เสิ่นว่าสมควรต้องตอบคนสำคัญตรงหน้าว่าอย่างไร จึงจะสมควรและเป็นที่ถูกใจของผู้เป็นแขกของตระกูลฟ่าน “เออ...ยะ...ย่อมต้องเป็นคนของคุณชายสามแห่งตระกูลหยางอยู่แล้วขอรับ” และย่อมแน่แท้ว่าตาเฒ่าเสิ่นหม่าก็มิได้ทำให้คุณชายฟ่านคนรองนั้นต้องผิดหวัง ด้วยเขานั้นล้วนรู้การเอาชีวิตรอดเป็นที่สุด “อ้อ” เมื่อได้คำตอบถูกใจฟ่านเย่ก็ร้องออกมาคำหนึ่งแค่นั้น ก่อนจะหันกายไปหวังจะตอบเอาใจแขกหนุ่มของผู้เป็นบิดาทันที เพราะเข้าใจเอาเองว่าชายหนุ่มหน้าหวานสวยงามจนสตรีหลายนางคงต่างอิจฉา ทว่ากลับมีดวงตาที่คมดุชวนใจสะท้านทุกครั้งที่จับจ้องกันโดยตรง หึ!...เกรงว่าคุณชายผู้มากมายความหยิ่งผยองผู้นี้สุดท้ายก็ยากจะผ่านด่านหญิงงามไปได้เช่นกัน และย่อมแน่แท้ว่าเขาก็คงมีรสนิยมชอบเด็กสาวอ่อนวัยเช่นเดียวกับตนเป็นแน่แท้ “ตั้งราคาขายมา” คนพูดน้อยถามตรงประเด็นมิคิดอ้อมค้อม เช่นไรเขาถูกใจนางมากมิคิดจะส่งคืนเมื่อพ้นจากแคว้นเหอแห่งนี้ เช่นนั้นจึงย่อมไม่รับโดยไร้ราคาเป็นแน่ สตรีของหยางหรงเหยาย่อมต้องไร้ผู้คิดทวงคืน “โอ๊ะ!” ฟ่านเย่แสร้งร้องเสียงแตกตื่นเกินจริง “ราคาอันใดกันเล่าคุณชายสามคนกันเอง...ล้วนเป็นคนกันเองทั้งสิ้น...เงินทองอย่าได้กล่าวเลย ถ้าหากคุณชายสามชอบใจแม่นางน้อย เช่นนั้นตัวของข้าฟ่านเย่ยินดีมอบให้สหายเป็นน้ำใจมิคิดมากหรอก” …ข้ามิคิดมีสหายโสมมเช่นเจ้า!... ทุกถ้อยคำที่พูดออกมานั้นเฉินอิงลั่วล้วนฟังรู้เรื่องตลอดทุกคำพูด เพราะเธอในยุคที่ตายจากมาสนใจเรียนทั้งภาษาจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ รวมถึงรัสเซีย (ซึ่งเรียนเพราะติดซีรีส์ทั้งสิ้น) ถึงมายังยุคนี้ดินแดนนี้จะมิคล้ายกับภาษาจีนเสียทีเดียวแต่คงเพราะร่างเดิมด้วยนางจึงเข้าใจโดยง่าย และแน่นอนยามนี้นางกำลังแลเห็นเพียงทางตันของตนเองรัดแน่นเข้ามาทุกที...และทุกที... ‘ไอ้คนชั่วผู้นี้กำลังจะซื้อข้า! และชัวร์ว่าไอ้เฒ่าหัวเถิกต้องรีบขายข้าแบบไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว’ ...แต่ให้ตายอีกรอบ คนชั่วทำไมงานดีมากแม่ ติดแค่เพียงดวงตาเขาดุดันมากไปสักหน่อย... คนที่เข้าตาจนก็ยังมีแก่ใจเหลือบมองใบหน้าของผู้คิดจะซื้อตนเอง แต่สุดท้ายก็ต้องดึงสติกลับ แล้วพยายามท่องจำให้ขึ้นใจว่ายามนี้ตนกำลังลำบากอยู่ อย่าได้มัวหลงหลัวจีนงานดีอย่างคนไร้สติ ส่วนหยางหรงเหยานั้นมิได้พูดอันใดอีก เพียงแต่หันมองคนสนิทเพียงเท่านั้น และมีหรือที่ ‘ติงเค่อ’ ที่อยู่ร่วมกันมาร่วมยี่สิบเจ็ดหนาวจะมิแจ้งใจต่อความหมายของนายตน และมิต้องพูดจากันให้มากความ ผู้คุ้มกันพ่วงตำแหน่งที่ปรึกษาหรือก็คือกุนซือคู่ใจก็เร่งก้มลงหยิบเอาตั๋วเงินส่งให้เจ้านายหนุ่มทันที หยางหรงเหยาปล่อยมือออกจากคางเล็กของแม่นางน้อยนัยน์ตาสวย เพื่อรับเอาตั๋วเงินนั้นมาส่งให้แก่เถ้าแก่เสิ่นหม่าเรียบร้อยแล้วจึงหันกายมายกเอาร่างที่ถูกมัดเป็นบ๊ะจ่างขนาดยักษ์ขึ้นพาดบนบ่า แล้วเดินดุ่มจากไปแบบมิคิดสนใจใครอีกทั้งสิ้น เห็นเช่นนั้นเถ้าแก่เฒ่านั้นเสียดายก็เสียดายอยู่ ทว่าสุดท้ายก็จำตัดใจส่งตั๋วเงินนั้นใส่มือให้แก่คุณชายฟ่านคนรองไปเสีย ด้วยคิดว่าตนเองยังต้องอาศัยคนแซ่ฟ่านทำมาหากินไปอีกนานแสนนานนั่นเอง ส่วนติงเค่อหันมองรอบกายด้วยความระมัดระวัง เมื่อไม่พบความน่าสงสัยเขาจึงเร่งรีบตามเจ้านายหนุ่มไปทันที ไม่พูดจาใดอีกทั้งสิ้น ยามแรกคุณชายฟ่านคนรองตั้งใจจะร้องท้วงแขกของบิดา แต่พอเหลือบมองเห็นตัวเลขในตั๋วเงินแผ่นดังกล่าวก็พลันตาโตหุบปากสนิททันที ‘ห้าพันตำลึงเงิน!’ ‘โธ่...เงินตั้งห้าพันตำลึงใครจะมิเอากันเล่า...ไม่รับไว้ก็โง่บรมแล้วละ แต่ว่า...คนแซ่หยางผู้นั้นช่างมือเติบยิ่งนักเพียงแม่นางน้อยมอมแมมผู้เดียวก็กล้าจ่ายเงินตั้งห้าพันตำลึง’ ฟ่านเย่คิดด้วยความอิจฉาต่อบุตรชายคนที่สามของตระกูลหยางผู้นั้นยิ่งนัก เพราะเขาซึ่งเป็นคุณชายฟ่านคนรองหนึ่งเดือนยังมิเคยได้ใช้เงินถึงห้าพันตำลึงเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นคงมิต้องกล่าวว่าพึงใจต่อสตรีจะมีเงินโปรยดังกับกระดาษเปล่าได้เช่นคุณชายสามแซ่หยางผู้นั้นเป็นแน่แท้... และยามนี้เมื่อกายเล็กรู้แน่ชัดว่าตนเองถูกซื้อขาย นางจึงพยายามต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ก็เหมือนจะมิขยับเลยเพราะถูกมัดจนแน่น สุดท้ายน้ำตาก็หยดลงมาเป็นทางอย่างกลั้นไม่ไหว นางกำลังจะตกนรกทั้งเป็น ผู้เพิ่งก้าวพ้นมาหนึ่งชีวิตทดท้ออย่างที่สุด ไยเสียงลึกลับจึงมิบอกกล่าวนางบ้างว่าชีวิตใหม่นี้ต้องแลกมาด้วยความลำบากอย่างเหลือแสนเช่นนี้ หากบอกให้นางแจ่มชัดย่อมขอตายไปเลยคงดีกว่า ‘คุณพระคุณเจ้าช่วยข้าน้อยด้วยเถอะนะเจ้าคะ!” กิรณายามนี้ถึงกับสวดมนต์ขอพรให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองกันเลยทีเดียว เพราะหนทางที่มองเห็นนอกจากตกนรกทั้งเป็นแล้ว นางก็ยังมองไม่เห็นทางจะไปสวรรค์ได้จริงแท้ ด้วยมาถูกเจ้าโจรบ้ากามชั่วช้าซื้อตัวมาเสียจากหอนางโลม ถ้าไม่ตายก็ต้องเป็นผู้หญิงขายบริการ หากนั่นไม่ใช่หนทางนรก หญิงถึกแห่งยุค 2020 ก็ไม่รู้จะนิยามมันว่าอะไรไปได้อีกแล้วแม่เอ๋ย... ...ท่านเสียงลึกลับ เรากลับมาเคลียร์กันก่อน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD