บทที่8
กายสมส่วนสูดลมหายใจลึกเข้าปอดเพื่อช่วยลดทอนความหวาดผวา ด้วยคงยากจะมีสตรีใดเต็มใจถูกบุรุษแปลกหน้าข่มเหง ทว่ายามนี้เฉินอิงลั่วนางหามีหนทางไปไม่ ที่ทำได้จึงเพียงข่มความกลัวเอาไว้ให้ลึกที่สุด หาไม่ตนอาจจะถูกรังแกเพิ่ม
“ว่าเช่นไร จะยอมรับความผิดของเจ้ามาหรือไม่”
‘ความผิดของข้าคงเป็นที่หลงมาเข้าร่างผิดก็เท่านั้น’ หญิงสาวคิดในใจเงียบงันมิกล้ากล่าวเสียงดัง ด้วยรู้กำลังตนเองดีว่าตกเป็นรองเสียแล้ว เวลาที่นางคิดยืดออกไปคงสิ้นแล้ว
“เหตุใดจึงเงียบไปเสียเล่า...เอ่อ เสี่ยวมาวมิปากกล้าต่อหรอกหรือ”
เมื่อจดจำได้ว่านางมิชมชอบคำว่าเสี่ยวหูหลี่ หยางหรงเหยาจึงเลี่ยงไปเรียกขานนางว่าเป็นลูกแมวน้อยเสียแทน ด้วยเขาเริ่มแน่ชัดดวงตาของนางนั้นทั้งกลมโตและสีสันงดงามล้วนคล้ายแมวยังดินแดนฝั่งของชนเผ่ายู๋นั่นเอง
“ที่ผิดคงเป็นข้าเกิดผิดยุค ผิดสมัย และผิดครอบครัว”
ในเมื่ออยากให้นางเปิดปากเช่นนั้นก็จะมิเกรงใจแล้ว
แปะ...แปะ...แปะ...
เมื่อเฉินอิงลั่วนางกล่าวจบฝ่ามือแกร่งก็ปรบให้ด้วยกิริยาซึ่งสตรียุค 2020 แลเห็นว่าช่างโคตรจะกวนตีนเป็นอย่างยิ่ง คันฝ่าเท้าจริงแท้
“ดียิ่ง...นับว่าความกล้าของเจ้าช่างโดดเด่น...โดดเด่นอย่างมิกลัวความตายจริงแท้”
ฉึก!
‘เริ่มแล้วสินะ เวลาลงดาบฆ่าของเจ้าจอมโจรราคะ!’
เฉินอิงลั่วคิดยามเมื่อได้ฟังทั้งน้ำเสียงแสนประชดประชันกับดวงตาคมดุที่จับจ้องมายังตนเองนิ่งมิหลบไปทิศทางอื่นใดเลย
ยามนี้หยางหรงเหยาทรุดกายลงยังริมเตียง ก่อนจะวางทั้งถ้วยและกาของสุราซึ่งเมื่อครู่เขาเพิ่งไปขอมาจากเสี่ยวเอ้อร์ยังด้านล่างลงยังโต๊ะด้านข้างหัวเตียง
ก่อนจะค่อย ๆ เริ่มกดรอยยิ้มซึ่งชั่วร้ายกว่าปีศาจส่งมอบให้แก่กายที่ยังคงถูกมัดเอาไว้แน่น แล้วก็ให้นับถือนางขึ้นมาเล็กน้อย ถูกมัดเช่นนี้เขาหายไปครู่เดียวนางกลับมีความสามารถเอาผ้าซึ่งอุดปากเล็กนั่นออกเองจนสำเร็จ เกรงว่าหากเขาใจเย็นกว่านี้ นางคงโดดหน้าต่างของโรงเตี๊ยมจากไปแล้วเป็นแน่ คิดมิผิดที่จะลงมือรวบรัดนางโดยยาปลุกกำหนัด
“จะมิกล่าววาจาอ้อนวอนสักหน่อยหรือเสี่ยวมาว”
‘อ้อนวอนเพื่อให้เจ้าสนุกกว่านี้หรืออย่างไรเล่า จอมโจรราคะ’
นางคิดนึกเถียงเพียงในใจ ก็ตนเองเติบโตและตายจากมาจากมายุค 5G เชียวนะ มิได้จากมาแต่ยุคหินสักหน่อยจึงจะมิเท่าทันคน
“ไม่เจ้าค่ะนายท่าน!!!”
...แปะ...แปะ...แปะ...
หยางหรงเหยารู้สึกสนุกต่อสตรีตรงหน้าเสียแล้วสิ นางน่าสนใจมากกว่าที่สามารถทำให้ตัวตนแห่งบุรุษเพศตื่นเตลิดได้โดยง่ายเพียงแลเห็นดวงตาสีสวยคู่นั้น
“หืม...ที่กระทำมาทั้งสิ้น เจ้ายังหาญกล้ามาเรียกข้าว่าเป็นนายท่านอยู่หรือเสี่ยวมาว”
‘ปรบมืออีกแล้ว’
นางเริ่มเกลียดนิสัยของเจ้าบุรุษหน้าดำผู้นี้ยิ่งนัก เขาคิดล้อเล่นสนุกกับเหยื่อเช่นนางจนกว่าจะเบื่อละสิ ถึงยอมฉีกกินเหยื่ออย่างมีความสุข
“มิบังอาจค่ะ นายท่าน”
“ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...มิบังอาจค่ะนายท่าน... แต่เจ้าหาญกล้าหันปลายคมกระบี่เข้าใส่ลำคอของนายท่าน...หึ!”
หยางหรงเหยาค่อยขยับเข้าไปจนลมหายใจอุ่นร้อนเริ่มเป่ารดต้นคอ นางรับรู้เจ้าจอมหื่นผู้นี้เริ่มคิดลงมือต่อนางแล้ว
‘หึ...คิดข่มขวัญเหยื่ออย่างข้าสินะ ช่างสาสมใจท่านแล้วคุณชายสาม’
หากแต่นางนั้นพยายามแสดงออกว่าตนเองหาได้ตื่นกลัว หาไม่เขาย่อมจะยิ่งสนุกกับเกมของเจ้าบุรุษยังยุคโบราณของเขาตอนนี้เป็นอย่างมาก ใจเย็นเข้าไว้ นางนึกเตือนสติตนเอาไว้
“เจ้ากำลังคิดวางแผนจะกระทำวิธีใดเพื่อลงมือต่อนายท่านเช่นข้าอยู่หรือเสี่ยวมาว”
หากรอบนี้ใบหน้าหล่อเหลาแต่แสนดุร้ายก้มลงมากระซิบชิดใบหูของหญิงสาวจนขนทั่วร่างลุกพรึบพรับในทันใด
เฉินอิงลั่วนางนั้นขนในกายลุกชัน ทว่าหยางหรงเหยาเองกลับยากจะเข้าใจตนเองเช่นกันว่าเหตุใดส่วนกลางกายแกร่งซึ่งเคยสงบนิ่งไร้พิษสงมาหลายหน กลับพลันตื่นเตลิดเพียงใกล้ชิดกายสมส่วนตรงหน้า
วันนี้ละ เขาจะจับแม่แมวสาวเขี้ยวคมหักเสียแล้วกลืนลงจนเกลี้ยงมิใหเหลือซากเลยทีเดียว ดูซิ จะยังคงดูหยิ่งทั้งที่นางนั้นมิมีส่วนใดให้หยิ่งเลยแม้แต่น้อยใส่เขาได้อยู่อีกหรือไม่ ยามที่ข้าวสารกลายเป็นข้าวถูกหุงจนสุก นางย่อมต้องยอมเป็นคุณนายสามแห่งตระกูลหยางอย่างแน่นอน
“จะบอกให้นะ ว่าแผนเดิมที่เพิ่งลงมือใช้กับข้าไปนั้นมันใช้ได้เพียงครั้งเดียว อย่ามาดูถูกข้าด้วยการใช้แผนเก่าซ้ำอีกเลย จำเอาไว้ เพราะข้าหยางหรงเหยามิชมชอบใช้ของเก่าซ้ำซาก มันน่าเบื่อไม่เร้าใจรู้หรือไม่เสี่ยวมาว”
กล่าวจบถึงกับกล้าที่จะกัดต้นคอขาว ๆ อย่างยากจะหักใจได้ไหวอีกแล้ว
ใช่แต่ชายหนุ่มที่ยากจะอดใจได้ไหว เฉินอิงลั่วนางก็อยากจะตะกุยใบหน้าของอีกฝ่ายจะแย่อยู่แล้วเช่นกัน!
‘บ้าเอ๊ย!’
หญิงสาวเริ่มสบถในใจวนไปมา ทว่ามิอาจกระทำสิ่งใดได้ทั้งสิ้นด้วยจนหนทาง
“รู้ใช่หรือไม่ว่าตัวของเจ้ามิสมควรกระทำนายท่านขึ้งโกรธ”
หยางหรงเหยาขยับข้อนิ้วเรียวยาวของตนเองลูบไล้ยังใบหน้าเล็ก
“ข้าจะมิกระทำอีกเจ้าค่ะ นายท่าน”
ยามนี้เป็นทีของเขาแล้วนางย่อมต้องรู้จักประมาณตนเองให้จงดี
“หึ...เกรงว่ายามใดมีโอกาส เจ้าคงคิดหันคมกระบี่เข้าสู่ลำคอของนายท่านอีกกระมัง”
“...”
ต่อคำไปมีเพียงเปล่าประโยชน์
“อย่าเงียบสิ ครั้งนั้นข้าให้โอกาสเจ้าแล้วมิใช่หรือ ทว่าเจ้ากลับคิดทำร้ายต่อผู้มีบุญคุณช่วยเจ้าออกมาจากขุมนรกยังหอชุนฮวา”
‘ชิ! เจ้าก็หวังต่อกายของข้าเช่นกันมิใช่หรือ’
ย่อมแน่นอนว่าเฉินอิงลั่วนางย่อมรู้หากตนเองยังมิถูกซื้อตัวมา ย่อมมิใช่เพียงบุรุษเดียวที่จะเชยชมกายนี้ ทว่ายามนี้นางก็มิอาจวางใจได้ว่าบุรุษจอมหื่นราคะผู้นี้เชยชมตนเองจนเบื่อหน่ายจะมิคิดขายนางต่อไป
“เงยหน้ามามองสบตากันหน่อยสิเสี่ยวมาว”
หยางหรงเหยาเชยคางมนให้เงยมาสบตากับเขา
“อย่างนั้น...จงมองข้าแล้วจดจำเอาไว้ให้จงดี”
น้ำเสียงกดคล้ายคนซึ่งขบฟันจนแน่นพร้อมด้วยมือที่เพิ่มน้ำหนักบีบยังคางมน กระตุ้นเตือนให้นางมองหน้าและสบสายตาของเขาให้จงได้!
ซึ่งสายตาตรงทื่อของเฉินอิงลั่วนางก็มองตอบตามคำสั่งอีกฝ่ายเช่นกัน ใช่...นางมองเขาตามคำสั่ง แต่ในดวงตาสีสวยคู่นั้นมิมีเงาของอีกฝ่ายเลย
“ช่างกล้าท้าทายต่อข้ายิ่งนักเสี่ยวมาว บังอาจมองข้ามนายท่านเชียวหรือ...ได้ ในเมื่อเจ้ากล้าเช่นนี้คงต้อง...”
หยางหรงเหยามิได้กล่าวว่าตนเองจะกระทำสิ่งใดต่อนาง แต่มือแกร่งขยับไปยังถ้วยซึ่งมีสุราผสมด้วยยาปลุกกำหนัดอยู่
ซึ่งยามนี้เสียงหัวใจของเฉินอิงลั่วกำลังทำงานอย่างหนัก ด้วยสู้กันซึ่งหน้านางก็หวาดกลัวมากแล้ว ทว่าจากที่แลเห็นนางย่อมเริ่มรู้ว่าบางทีเจ้าคุณชายสามผู้นี้กำลังคิดวิธีขี้โกงนางเป็นแน่
“อย่านะ”