ตอนที่ติดเชื้อใหม่ ๆ ผมยังไม่มีอาการใด ๆ ที่บ่งบอกว่าติดเชื้อสำแดงออกมา เลยทำให้เครื่องสแกนตรวจหาเชื้อไวรัสของทางรัฐหาเชื้อไวรัสในตัวผมไม่เจอ ผมเลยรอดจากการถูกเหล่าซอมบี้ฮันเตอร์เป่าสมอง และได้ถูกพาอพยพไปกับผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ เพื่อไปอยู่ในที่ปลอดภัย แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีใครไปถึงเขตควบคุมโรคตามที่หวัง โดนฝูงซอมบี้ดักเล่นงานเสียก่อน ส่วนผมก็รอดตาย แล้วก็กลายมาเป็นครึ่งคนครึ่งซากศพอย่างที่เห็น
เหมือนจะโชคดีที่รอดมาได้นะ แต่ไม่...ไม่เลย การอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย นอกจากจะต้องคอยหลบจากพวกคอมพลีทซอมบี้ที่จ้องจะกินผมแล้ว ผมยังจะต้องคอยระวังพวกซอมบี้ฮันเตอร์ด้วย เพราะเจ้าพวกนี้จะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ถ้าเห็นว่าติดเชื้อ หนทางเดียวที่พวกนั้นจะทำก็คือ... เป่าสมองผู้ติดเชื้อก่อนที่จะกลายเป็นซอมบี้ นึ่คือทางเดียวที่ทางรัฐทำการรักษาเยียวยาผู้ติดเชื้อ
ผมรู้ดีและจำขึ้นใจแม้ว่ารัฐบาลจะไม่ได้ประกาศ เพราะผมเคยเห็นซอมบี้ฮันเตอร์นายหนึ่งจัดการสังหารผู้ติดเชื้อที่นั่งรถมากับผมในครั้งนั้นทันทีที่รู้ว่าเขาติดเชื้อ เหตุผลง่าย ๆ คือ ถ้าไม่ชิงลงมือฆ่าก่อน ผู้ติดเชื้อรายนั้นก็จะแปรสภาพและมาฆ่าพวกที่ไม่ได้ติดเชื้อในภายหลัง
ผมก็เข้าใจนะ แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้เลย และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมไม่ยอมติดต่อพวกหน่วยลาดตระเวน ด้วยกลัวว่าจากการขอความช่วยเหลือ จะกลายเป็นการขอความตายให้ตัวเองแทน ผมจึงเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างนี้จนกว่าจะมั่นใจว่าทางการคิดค้นยารักษาได้สำเร็จ แล้วค่อยออกไปเผชิญโลกอีกครั้ง
แต่ก็ใช่ว่าการเป็นแรร์ซอมบี้มันจะไม่ดี มันมีดีอย่างหนึ่งคือาสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไปทำให้ความอยากอาหารนั้นหมดไปโดยสิ้นเชิง จึงกลายเป็นว่าไม่กิน ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้แม้ว่าจะอยู่โดยไม่มีเสบียงอาหาร และไม่เพียงแต่ความอยากอาหารเท่านั้นด้วยนะที่หายไป ความรู้สึกทางกายภาพเหมือนมนุษย์ปกติก็หายไป ไม่หายไปทั้งหมดก็เกือบจะไม่รับรู้ เช่นพวกความง่วง ความเหนื่อยอะไรอย่างนี้ พวกนี้ยังรู้สึกอยู่บ้างแต่ก็น้อย ที่ยังรู้สึกได้ชัดเจนกว่าใครเพื่อนก็คือ ความเจ็บปวดที่เหมือนจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดินเลย ซ้ำยังโชคดีที่ขนาดของร่างกายไม่ลดลงไปจากเดิมแต่อย่างใดเมื่อไม่ได้กินอาหาร อวัยวะทุกส่วนยังคงดูปกติเหมือนเดิมทุกประการไม่ต่างจากตอนที่ผมยังไม่ได้ติดเชื้อเลยแม้แต่น้อย เลยทำให้ผมไม่ดูเหมือนซอมบี้อย่างที่ควรจะเป็นนัก
มันก็ดีแหละ ผมเองก็ไม่อยากดูเหมือนซากศพเดินได้ทั้งที่หน้าตาหล่อเหลาเอาการอย่างนี้นักหรอก
ผมขยับตัวอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเสียงของซอมบี้ที่ด้านนอกพวกนั้นเริ่มเงียบลงอีกครั้ง พอจะเดาได้ว่ามันเงียบลงเพราะอะไร ก็เบนเข็มไปทางอื่นน่ะ เมื่อกี้ได้ยินเสียงเหมือนมีหน่วยลาดตระเวนบุกมา พวกซอมบี้ฮันเตอร์พวกนี้ก็เหมือนจะไม่เข็ด รู้ทั้งรู้ว่ามาก็ตายเปล่าก็ยังจะมากันอีก
ผมนั่งนิ่งสักครู่กระทั่งมั่นใจว่าไม่มีพวกมันตัวไหนอยู่หน้าประตูอีกแล้ว ก็กระโดดออกมาจากกล่องไม้ คว้าบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจุดสูบ
อ้อ ผมลืมบอกไปใช่มั้ยว่าโกดังสินค้านี้เป็นโกดังบุหรี่ ที่ผมต้องดูดมัน ไม่ใช่ว่าเพราะติดบุหรี่ แต่เป็นเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมเบาใจได้ว่าผมยังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่แม้ว่าลิ้นของผมจะรับรู้รสชาติของมันไม่ได้เลยก็ตาม ส่วนไฟแช็กนั้นไม่ต้องจับผิดนะว่าผมเอามาจากไหน ในโกดังมีลังบุหรี่ แน่นอนว่ามันต้องมีลังไฟแช็กด้วย
ผมอัดควันบุหรี่เข้าไปเต็มปอด ก่อนจะคืบมันเอาไว้ในปาก เลื่อนมือมาแกะกระดุมเสื้อบนตัวออกเล็กน้อย ให้พอมองเป็นบริเวณหน้าอกข้างซ้ายที่เป็นสีม่วงคล้ำ รอบข้างมีเส้นเลือดสีม่วงเข้มปรากฏเป็นวงกว้าง ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนกับรากต้นไม้ที่แตกกิ่งก็ไม่ปาน
ผมละมือข้างหนึ่งไปคว้าบุหรี่มาลองจี้ลงไปบนผิวเนื้อนั่นจนมันกลายเป็นรู เลือดสีเกือบจะดำสนิทไหลซึมผ่านบาดแผลนั้นเล็กน้อย ผมไม่ได้สนใจเลยว่ามันจะเปรอะเปื้อนเสื้อหรือเปล่า นอกจากจะรู้สึกสลดขึ้นมาเมื่อตระหนักได้ว่าผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้สึกเจ็บปวดก็แค่จุดนี้ จุดที่มีเนื้อเน่า ๆ ส่วนบริเวณอื่นยังรู้สึกเจ็บปวดตามปกติ
ผมถอนหายใจยาว จริง ๆ ก็รู้อยู่ว่าผิวเนื้อบริเวณนั้นมันไร้ซึ่งความรู้สึกไปแล้ว แต่ผมก็ยังอยากทำให้ตัวเองมั่นใจว่าผมยังไม่ได้กลายเป็นซากศพ ผมจึงย้ายมือที่คีบบุหรี่มายังหน้าอกอีกข้างที่ยังไม่ถูกไวรัสนรกนั่นกัดกิน และทันทีที่ไฟสีแดงบริเวณปลายบุหรี่สัมผัสลงไปบนผิวเนื้อ ผมก็สะดุ้งโหยงเมื่อสัมผัสได้ถึงความแสบร้อน
ผมหยักยิ้มออกมาเมื่อเห็นรอยเนื้อแดงเถือกจากการถูกบุหรี่จี้ อย่างน้อย ผมก็เบาใจได้อีกวันละว่าผมยังไม่กลายเป็นซอมบี้อย่างสมบูรณ์
ผมยกบุหรี่นั้นกลับมาสูบอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังแว่วออกมาจากด้านนอก
“ประกาศจากทางกองทัพ ถึงผู้ที่ยังรอดชีวิตและซ่อนตัวอยู่ ขอให้พวกท่านส่งสัญญาณวิทยุหรือสัญญาณชีพต่าง ๆ ให้หน่วยซอมบี้ฮันเตอร์ได้รับทราบ พวกเราจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือท่าน ขอให้พวกท่านรับทราบโดยทั่วกัน”
ผมลอบถอนหายใจ ภาวนาขอให้ซอมบี้ฮันเตอร์หน่วยนั้นไปพบพระผู้เป็นเจ้าโดยสงบล่วงหน้า ก่อนตั้งท่าดูดบุหรี่ต่อจนหมดมวน ดูดเสร็จก็ทำท่าจะไปซ่อนตัวในกล่องสินค้าอีกครั้ง ทว่าในจังหวะที่ผมกำลังจะหย่อนตัวลงไปในกล่อง เสียงดังตูมก็ทำเอาผมกระโดดเหย็ง ก่อนมันจะตามมาอีกหลายต่อหลายครั้ง จนผมรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจากด้านนอก
ปกติแล้วมันต้องเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนของพวกซอมบี้ฮันเตอร์สิ ทำไมวันนี้ถึงได้เป็นเสียงคล้ายกับปืนขนาดใหญ่รัวกระสุนอย่างนี้ล่ะ?
สงสัยไม่ทันไร ผมก็ต้องรีบทิ้งตัวลงไปในกล่องสินค้าเมื่อประตูโกดังเหล็กที่ผมชำเลืองมองอยู่สั่นไหวด้วยแรงปะทะอย่างรุนแรง
ตูม!
อย่าบอกนะว่าพวกซอมบี้ฮันเตอร์พวกนั้นกำลังจะพังประตูเข้ามา!?
ยังไม่ทันจะได้คำตอบ แรงกระแทกก็ปะทะกับประตูอีกครั้ง ก่อนที่ประตูโกดังซึ่งถูกปิดตายจากด้านในจะถูกทำลายลงในพริบตา แทนที่ด้วยแสงสว่างเรืองรองของดวงอาทิตย์ด้านนอกและรถถังคันใหญ่ น่าตกใจกว่านั้นคือบริเวณพื้นที่รอบ ๆ นั้นเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพซอมบี้ที่ดูไม่ออกว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน
ผมมองการทำลายล้างนั้นอย่างตะลึงงัน ใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มทันทีเมื่อประจักษ์ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอกเมื่อครู่ พร้อมกับความคิดหนึ่งที่แวบขึ้นมาในหัวฉับพลัน
ซะ...ซอมบี้ฮันเตอร์บุกเข้ามาได้แล้ว เวรเอ๊ย! ซวยแล้ว!