ตลอดช่วงฤดูเหมันต์หม่าอวิ๋นเซียงไม่ได้ไปยังสวนของเรือนใหญ่อีกเลย นางกำลังสนุกอยู่กับการหัดเย็บถุงหอมและชุดของเสี่ยวเมา ยามว่างก็จะนำถ่านมาหัดเขียนอักษรตัวนั้นลงบนแผ่นไม้ เด็กหญิงคิดอย่างมาดหมายว่าเมื่อเย็บถุงหอมเสร็จจะนำไปให้บิดามารดา ด้วยเหตุนี้นางจึงเป็นเด็กดีเชื่อฟังแม่นมถางไม่ออกไปนอกเรือน ที่สำคัญอากาศก็หนาวเหน็บจนเกินไปส่งผลให้นางไม่มีแก่ใจจะออกไปเล่นข้างนอก
ถุงหอมสองอันที่ฝีเย็บหาความประณีตไม่ได้ถูกวางไว้บนโต๊ะ ร่างเล็กยิ้มแฉ่งมองผลงานของตนด้วยความภาคภูมิใจ นิ้วเรียวเล็กมีแต่รอยเข็มตำไล้ไปบนถุงหอมเบาๆ “เสี่ยวเมาว่าท่านพ่อท่านแม่จะชอบถุงหอมที่เซียงเซียงทำหรือไม่”
เสี่ยวเมาร้องเมี๊ยวออกมาสองคำแล้วเข้าไปฝนเล็บกับถุงหอมนั้น หม่าอวิ๋นเซียงร้องเสียงหลงรีบดึงถุงหอมออกแทบไม่ทัน ทว่าลูกแมวกลับตะปบไว้ไม่ยอมปล่อย ถางรั่วเหวยขบขันออกมาอย่างอดไม่ได้ยามเห็นคุณหนูกำลังทะเลาะกับสัตว์หน้าขน
เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกคลอเคล้ากับเสียงหัวเราะของเด็กน้อยแว่วออกมานอกเรือนจื่อเถิงแทบทุกวัน เป็นเช่นนี้วันแล้ววันเล่าจนสิ้นฤดูเหมันต์ อากาศที่เหน็บหนาวพัดผ่านไปความอบอุ่นของวสันตฤดูก็เข้ามาแทนที่ แสงแดดอุ่นละลายหิมะลงสู่ผืนดิน ต้นจื่อเถิงหลัว(วิสทีเรีย)หน้าเรือนเริ่มออกดอก ร่างเล็กนั่งเล่นอยู่หน้าเรือนปากก็บ่นในความซุกซนของเสี่ยวเมา ทว่ามือกลับเกาท้องให้มันไม่หยุด
ผู้มาเยือนมองเด็กน้อยด้วยสายตาเวทนา มือหยาบกร้านจากการทำงานหนักหยิบถุงเงินออกมาจากชายแขนเสื้อ แล้วเอ่ยทักทายให้อีกฝ่ายรู้ตัว “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวนำเงินของเดือนนี้มาให้เจ้าค่ะ”
“พี่อาเจียวมาแล้วรึ แม่นมอยู่ในครัว เดี๋ยวเซียงเซียงไปเรียกให้” หม่าอวิ๋นเซียงเอ่ยอย่างกระตือรือร้น ทุกห้าวันสาวใช้ผู้นี้จะแวะมาหานางที่เรือน นอกจากนำเงินเดือนและข้าวสารอาหารแห้งมาให้แล้ว อาเจียวยังแอบนำขนมจากโรงครัวใหญ่มาให้นางอีกด้วย
“เดี๋ยวบ่าวไปหาแม่นมถางเองเจ้าค่ะ วันนี้บ่าวออกไปตลาดเห็นถังหูลู่ดูน่ากินจึงซื้อมาฝากคุณหนู” กล่าวพลางหยิบถังหูลู่ออกจากตะกร้าสานแล้วยื่นไปให้
นัยน์ตาหงส์คู่งามเป็นประกายขึ้นมาทันที มือเล็กเอื้อมไปหยิบถังหูลู่มาอย่างกล้าๆ กลัวๆ นางมองผลไม้เชื่อมสีแดงน่ารับประทานนิ่งงัน กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มองของในมือทีมองหน้าอาเจียวที “ให้จริงรึ เซียงเซียงกินได้จริงๆ น่ะหรือ” ถามเรื่องหนึ่งออกไปแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะถามเรื่องสำคัญ “พี่อาเจียวไม่เก็บเงินทีหลังใช่หรือไม่ อย่าเก็บเลยนะ เซียงเซียงมีเงินนิดเดียว แม่นมบอกว่าเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น”
อาเจียวหลุดขำทันทีที่ได้ฟังถ้อยคำนั้น คุณหนูผู้นี้ถูกแม่นมถางเลี้ยงดูมาอย่างเรียบง่าย นางชอบพูดจาเป็นกันเองกับทุกคนแม้ว่าคนเหล่านั้นจะคอยหลบเลี่ยงก็ตาม หนำซ้ำยังชอบเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ ฟังดูแล้วน่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อย “กินได้เจ้าค่ะ อันนี้บ่าวตั้งใจซื้อมาฝากคุณหนู รับรองว่าไม่คิดเงินทีหลังแน่นอน”
เมื่อได้รับคำตอบที่น่าพอใจหม่าอวิ๋นเซียงก็จัดการถังหูลู่ในมือโดยพลัน ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มประดับไว้ไม่จาง “อร่อย เซียงเซียงชอบ”
“ชอบก็กินเยอะๆ นะเจ้าคะ หากวันหน้าบ่าวออกไปข้างนอกอีกจะซื้อมาฝากเจ้าค่ะ” อาเจียวหยิบผ้าผูกผมออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นไปให้เด็กน้อย “อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันเกิดของคุณหนูแล้ว บ่าวจึงเตรียมของขวัญมาให้ล่วงหน้า แม้ราคาค่างวดจะไม่ได้มากมายอันใด แต่ช่วยรับไว้ด้วยนะเจ้าคะ”
“อีกตั้งสามเดือนกว่าจะถึงวันเกิด ทำไมให้เร็วกว่าทุกปีล่ะ” หม่าอวิ๋นเซียงมองหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ ทุกปีอาเจียวจะนำขนมมาให้นางในวันเกิด ไม่เคยให้ของที่มีราคาแบบนี้มาก่อน
“เดี๋ยวบ่าวผูกให้นะเจ้าคะ อีกหน่อยคุณหนูก็โตแล้ว ควรมีผ้าผูกผมสวยๆ ไว้ใช้บ้าง” อาเจียวบ่ายเบี่ยงในการตอบคำถามนั้น ด้วยไม่ต้องการให้เด็กน้อยเสียใจหากรู้ว่านางกำลังจะแต่งงานแล้วออกจากจวนสกุลหม่าไป นางเป็นสาวใช้ที่นี่ครบตามสัญญาสิบปีแล้ว อยู่จนล่วงเลยวัยออกเรือนมาก็หลายปี ถึงเวลาที่นางจะต้องกลับไปยังบ้านเกิดของตนเสียที
หม่าอวิ๋นเซียงขอบคุณอีกฝ่าย นางปัดความสงสัยก่อนหน้านั้นทิ้งไปแล้วเล่นกับเสี่ยวเมาต่อ สองแก้มตุ่ยขึ้นมาจากการกินผลไม้เชื่อมเสียเต็มปาก
หญิงสาวเข้าไปหาถางรั่วเหวยในครัวปล่อยให้เด็กน้อยมีความสุขกับการกินถังหูลู่ต่อไป บ่าวรับใช้ในจวนแห่งนี้หากไม่นับแม่นมถางแล้วก็มีเพียงนางที่ไม่กลัวคำทำนายนั่น บ่าวไพร่คนอื่นต่างไม่มีใครอยากเข้าใกล้คุณหนู ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตนแวะเวียนมายังเรือนจื่อเถิงบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องร้ายอันใดเกิดขึ้นเลยสักนิด น่ากลัวว่าอีกสองเดือนข้างหน้าหากนางไปจากสกุลหม่าแล้ว คงไม่มีใครนำขนมมาให้เด็กน้อยที่น่าสงสารผู้นี้กินแน่นอน ไม่รู้ว่าจะถูกคนในจวนกลั่นแกล้งสักเพียงใด คิดแล้วพาให้หดหู่ใจยิ่งนัก
ครึ่งเดือนหลังจากสิ้นฤดูเหมันต์ฮูหยินผู้เฒ่าพาทุกคนไปไหว้พระที่อารามอี้ผิง เพื่อขอให้บรรพบุรุษช่วยคุ้มครองตระกูลหม่าไม่ให้พบเจอเภทภัยใดๆ การสวดมนต์ภาวนาในครั้งนี้ใช้เวลาราวสิบวัน จางจิ่วเม่ยและเซี่ยเจียเฟยต่างพาบุตรของตนไปด้วย ภายในจวนจึงเงียบเหงาลงไม่น้อยเมื่อเจ้านายแต่ละเรือนไม่อยู่ มีเพียงพ่อบ้านหลิวเท่านั้นที่คอยดูแลความเรียบร้อยของจวน
เมื่อผู้ที่ต้องการพบหน้าไม่อยู่จวนหม่าอวิ๋นเซียงก็มิได้แอบไปยังสวนของเรือนหน้าเช่นกัน นางเล่นอยู่บริเวณเรือนจื่อเถิงบางครั้งก็พาเสี่ยวเมาไปดูม้าที่โรงเลี้ยงม้า แม้ผู้ดูแลม้าจะบ่นไม่ให้นางเข้าไปใกล้แต่เขาก็ยังนำฟางแห้งมาปูไว้ใต้ต้นไม้รอนางเสมอ
หม่าอวิ๋นเซียงขีดเขียนอักษรที่นางอ่านไม่ออกตัวนั้นลงบนพื้นดินใต้ต้นจื่อเถิงหลัวที่กำลังออกดอกสีม่วงเต็มต้น เสี่ยวเมาเข้ามาคลอเคลียอยู่ไม่ห่างจากกายนาง ครั้นรู้สึกเมื่อยมือจึงหยุดเขียน ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมาดูบรรยากาศโดยรอบกลับไม่พบเสี่ยวเมาเสียแล้ว ดวงตาหงส์กวาดไปรอบบริเวณนั้น นางวิ่งเข้าไปหาในเรือนปากก็ตะโกนเรียกหาลูกแมวไม่หยุด
“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ ไฉนจึงได้วิ่งไปทั่วเรือนเช่นนี้” ถางรั่วเหวยอดทักไม่ได้ยามเห็นสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกของคุณหนู
“แม่นม เสี่ยวเมาหายไป เมื่อครู่ยังนอนอยู่ใต้ต้นไม้อยู่เลย แต่ตอนนี้หายไปแล้ว” หม่าอวิ๋นเซียงเข้าไปเขย่ามือถางรั่วเหวยเบาๆ พร้อมกับเอ่ยวาจาอ้อนวอน “แม่นมช่วยเซียงเซียงตามหาเสี่ยวเมาหน่อยนะ นี่ก็ได้เวลาอาหารแล้วแต่เสี่ยวเมายังไม่มา หรือว่าจะซุกซนจนตกน้ำไปเหมือนครั้งที่แล้วอีก”
คิดได้ดังนั้นเท้าเล็กเตรียมจะออกวิ่งไปยังสวนเรือนใหญ่ แต่ถูกแม่นมถางฉุดแขนไว้เสียก่อน
ถางรั่วเหวยย่อกายลงนั่งชันเข่าข้างหนึ่ง มือบางลูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ อย่างต้องการปลอบขวัญ “เสี่ยวเมาไม่ได้หายไปไหนหรอกเจ้าค่ะ มันแค่ออกไปปลดทุกข์เหมือนเช่นทุกวันเท่านั้นเดี๋ยวก็กลับมา คุณหนูจะออกไปตามก็ได้นะเจ้าคะ คงอยู่ข้างกำแพงตรงที่บ่าวเจอเสี่ยวเมาครั้งแรก ที่เดิมที่คุณหนูชอบแอบตามมันไปนั่นแหละเจ้าค่ะ”
หม่าอวิ๋นเซียงยิ้มแหยเมื่อถูกจับได้ว่าแอบตามไปดูเสี่ยวเมาปลดทุกข์ นางทำห้องน้ำให้มันในสวนหน้าเรือนจื่อเถิง ทว่าเจ้าแมวจอมซนนั่นกลับไม่ใช้เสียอย่างนั้น ด้วยความอยากรู้จึงตามไปดูแล้วก็ได้เห็นเสี่ยวเมาไปแอบใส่ปุ๋ยให้ต้นพลับข้างกำแพงจวน
ร่างเล็กตรงไปยังกำแพงทางด้านทิศทักษิณ ที่ตรงนี้เป็นส่วนของโรงซักล้างซึ่งอยู่ท้ายสุดของจวน บ่าวรับใช้ที่ทำงานอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นสาวใช้ที่ถูกส่งมาลงโทษให้ทำงานที่ต่ำที่สุดในจวน บางคนเคยรับใช้ฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อนแต่เพราะทำผิดจึงถูกส่งมาทำงานซักล้าง ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าอาภรณ์เท่านั้นที่บ่าวไพร่เหล่านั้นต้องทำ แต่ยังรวมไปถึงหน้าที่ในการยกและทำความสะอาดกระโถนอาจมของบรรดาเจ้านายแต่ละเรือนอีกด้วย
หม่าอวิ๋นเซียงเดินเลี่ยงออกห่างจากโรงซักล้างไปราวครึ่งลี้ ลัดเลาะไปตามกำแพงจวนจนถึงที่หมายแต่กลับไม่พบเสี่ยวเมา ร่างเล็กแหวกพุ่มไม้ใบหญ้าแถวนั้นหาลูกแมวอย่างละเอียด เดินวนอยู่สามสี่รอบก็ยังไม่มีวี่แววของมัน
“เมี๊ยวๆ เสี่ยวเมาอยู่ไหน ออกมาหาเซียงเซียงเร็ว เมี๊ยวๆ ” สิ้นคำเรียกหา เสียงร้องของแมวพลันดังขึ้นบริเวณข้างกำแพงห่างจากจุดที่นางยืนอยู่ราวห้าจั้ง เท้าเล็กก้าวย่างไปตามเสียงนั้น ทว่าพอนางไปถึงเจ้าแมวจอมซนกลับมุดหายเข้าไปในพงหญ้าที่สูงเกือบท่วมหัวนางเสียอย่างนั้น
“อ๊ะ เสี่ยวเมาอย่าไป” มือเล็กคว้าได้เพียงต้นหญ้า แก้มขาวพองลมขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์ นางแหวกพงหญ้าออกแล้วมุดตามเสี่ยวเมาไป
“ในจวนมีทางหมาลอดด้วยหรือนี่ คงไม่ได้ถูกใช้งานมานานแล้วสินะถึงได้รกขนาดนี้” ปากจิ้มลิ้มบ่นพึมพำไม่หยุด มือก็แหวกหญ้าออกให้พ้นทางอย่างทุลักทุเล
ทันทีที่ออกมานอกกำแพงจวน หม่าอวิ๋นเซียงกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้ ทิศใต้ของจวนสกุลหม่าจะติดกับจวนร้าง นางเคยได้ยินสาวใช้เล่าขานกันว่าจวนหลังนี้เดิมทีเคยเป็นของคหบดีร่ำรวยทว่าหลังจากคืนนองเลือดที่นี่ก็ถูกทิ้งร้าง ซ้ำยังมีข่าวลือว่ายามค่ำคืนจะได้ยินเสียงโหยหวนดังมาจากจวนร้าง ดังนั้นถนนหลังจวนเส้นนี้จึงไม่มีผู้ใดใช้สัญจรมานานแล้ว
“เสี่ยวเมาอย่าเข้าไป” นางร้องห้ามยามเห็นเจ้าแมวตัวยุ่งวิ่งเข้าไปในจวนร้าง เสียงหวีดหวิวของสายลมที่พัดผ่านช่องประตูชวนให้คนฟังพรั่นพรึงไม่น้อย นางสืบเท้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ใจหนึ่งอยากจะวิ่งหนีกลับเข้าจวนของตนไป แต่อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงเสี่ยวเมา
หม่าอวิ๋นเซียงลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรวบรวมความกล้าพาร่างผ่านบานประตูเข้าไป ฉับพลันที่ก้าวเท้าผ่านธรณีประตู สายลมหอบใหญ่ก็พัดเอาใบไม้แห้งปลิวว่อนไปทั่วลานกว้าง นางหลับตาปี๋กรีดร้องด้วยความตกใจ ชั่วอึดใจเสียงร้องของเสี่ยวเมาก็ดังอยู่ข้างหูพร้อมกับน้ำเสียงเย็นเยียบของคนผู้หนึ่ง