ก่อนจะมีผัวเป็นตัวเป็นตน(ต่อ)

1240 Words
กลิ่นหอมของอาหารเช้าที่โชยเข้าจมูกขณะวิ่งลงบันไดโครมครามในตอนเช้าเรียกให้ช้องนางในชุดพร้อมสำหรับการไปสอนวิชาพละศึกษาที่โรงเรียนเปลี่ยนเส้นทางไปในครัวทันที “ยายช่อเมื่อคืนกลับมานอนบ้านหรือ” เดินไปหาน้องสาวคนรองที่กำลังยืนทอดอะไรสักอย่างที่หน้าเตาแก๊ส จากกลิ่นที่สัมผัสหล่อนมั่นใจว่าเป็นไส้กรอกกับเบคอนและแน่นอนช่อม่วงต้องทำเผื่อตนด้วยเพราะไม่ว่าใครลงมือทำอาหารก็จะเผื่อพี่น้องเสมอ เพียงแต่รสมืออาจไม่เท่าเทียมกัน เพราะช่อม่วงเคยใช้ชีวิตลำพังที่ต่างประเทศจึงทำอาหารได้หลากหลายและรสดี ส่วนหล่อนแม้จะอยู่บ้านเฝ้าครัวแต่รสมือแค่กินกันตายเท่านั้น เพราะมีความขี้เกียจเป็นที่ตั้งมาแต่ไหนแต่ไร “ก็กลับไม่ดึกมากนะพี่ช้อง พร้อมๆ กับนายพระแสงแหละ”ช่อม่วงบอกพร้อมรับจานจากมือช้องนาง อ๋อ ถ้าช่อม่วงมาตอนนั้นหล่อนก็คงไม่เห็นจริง เพราะสายตามัวแต่จับจ้องไปที่บ้านชายหนุ่มที่น้องเอ่ยถึง หล่อนจึงหมดคำถามเรื่องนี้ไปโดยปริยาย “แล้ววันนี้ไปสอนหรือเปล่า”ถามเปลี่ยนเรื่อง “เมื่อคืนเห็นพระแสงหิ้วผู้หญิงกลับมาอีกแล้ว ไม่สิต้องเรียกว่าผู้หญิงหิ้วเขามาต่างหาก” ช่อม่วงกลับพูดเรื่องเดิม “แต่ก็แปลกไม่ได้ยินเสียงยายมาลัยมาไล่ หรือแม่สาวคนนี้จะเป็นแฟนตัวจริงของเขากันพี่ช้อง” ส้อมกับมีดที่ถือรอร่วงจากมือ แล้วรีบก้มลงเก็บ “คงไม่ใช่มั้ง” พูดอ้อมแอ้ม แต่ใจเสีย กลัวและกังวลไปแล้ว “เหรอคะ แล้วทำไมยายมาลัยไม่ไล่ออกมา ช่อมั่นใจว่าเห็นแกเดินไปที่เรือนริมน้ำทันทีทันใดเลยละ” “ช่างเถอะๆ มากินดีกว่าเดี๋ยวสาย พี่มีสอนคาบเช้า” หล่อนเร่งน้อง แต่มือที่หยิบส้อมกับมีดชุดใหม่นั้นสั่นไม่น้อย สั่นจนต้องใช้มืออีกข้างแตะห้าม สูดหายใจลึกแล้วบังคับให้มือนิ่ง ก่อนหยิบของที่ต้องการแล้วเดินตามช่อม่วงไปที่โต๊ะอาหารเล็กๆ ตรงชายคาบ้านใกล้ครัว มุมหลังครัวนี้สามารถมองผ่านไปหน้าบ้านและคลองหลังบ้านได้ หากมีเวลามากพอเช่นวันหยุดยามอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา สองศรีพี่น้องชอบหอบอาหารไปกินที่ศาลาท่าน้ำ แม้ไม่มีเรือโดยสารสัญจรเหมือนในอดีต แต่ยังมีเรือแจวของชาวบ้านสัญจรไปมาเป็นระยะ เนื่องจากปรับเปลี่ยนไปใช้รถใช้ถนนกันหมดแล้ว แต่ไม่ว่าจะนั่งที่โต๊ะอาหารเล็กๆ ตรงชายคาบ้าน หรือนั่งตรงศาลาริมน้ำ ก็มองไปทางเรือนเล็กของพระแสงได้ชัดเจนเช่นตอนนี้สายตาหล่อนจดจ้องไปที่หน้าต่างบานนั้น “เอ้า! ไหนบอกรีบ กินเข้าสิพี่ช้อง” ช่อม่วงกระตุ้นเตือนยามเงยหน้าขึ้นมาเห็น ช้องนางทำเสียงอือออแล้วรีดจัดการอาหารเช้าฝีมือน้องสาว แม้ไม่ต้องใช่ฝีมือหรือรสมือใดๆ แต่ก็ถือว่ามีน้ำใจทำเผื่อแผ่ หล่อนจึงอาสาเก็บล้างเอง แต่ช่อม่วงปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าตนเองไม่รีบเหมือนช้องนาง “พี่ช้องไปทำงานเถอะ ช่อจัดการเอง วันนี้จะอยู่ทำอาหารเย็นไว้รอด้วย” “แล้วจะค้างหรือกลับหอ” “กลับค่ะ แต่ดึกๆ หน่อย พี่ช้องเอารถช่อไปสิ” ช่อม่วงเสนอ “ไม่ละ มอเตอร์ไซค์สะดวกดี อาหารเย็นช่อจะทำเอากลับไปหอพักด้วยหรือเปล่า” “ไม่ค่ะ ทำกินเฉยๆ” “งั้นไม่ต้องทำ ไปกินร้านช่อม่วงกัน” หล่อนชวน ไม่คิดจะหาหนทางไปเสนอหน้าที่นั่น เพราะไปโดยไม่มีสาเหตุก็ไปมาบ่อย “เออ จะว่าไปก็แปลกทำไมแกไม่ตั้งชื่อร้านว่ามาลัย ตั้งชื่อช่อม่วงเหมือนชื่อเราทำไมนะ ยายช่อ” หล่อนแปลกใจและสงกามานานแล้ว แต่เก็บไว้ในใจ “พระแสงบอกว่าชื่อช่อน่ารักดี ขอยืมไปให้ยายตั้งชื่อร้านอาหารหน่อย” “อ้าว! เพิ่งรู้” เมื่อได้คำตอบกลับมีคำถามใหม่เกิดขึ้นในใจ แต่ถามดังๆ “ช่อพี่ถามจริงๆ พระแสงชอบเราหรือเปล่า” ช่อม่วงเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ พลางลุกขึ้นหยิบจานและแก้วกาแฟเข้าไปในครัว “ช่อไม่รู้ แต่สำหรับช่อไม่เคยคิดเกินคำว่าเพื่อน ไม่ต้องห่วงน่าเขาไม่ใช่สเปคน้อง ไปทำงานได้แล้ว นี่น้องจัดการล้างเอง” วางของลงในอ่างล้างจานแล้วหันมาดันหลังพี่สาวให้เดินออกไปหน้าบ้าน ช้องนางทำตามอย่างว่าง่ายแม้จะมีเรื่องคาใจเพิ่มเข้ามา อาจเป็นไปได้ว่าพระแสงชอบพอช่อม่วงเพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแล้วยังได้ทุนไปเรียนเมืองนอกพร้อมกันด้วยนับว่าสองคนนี้มีหลายอย่างที่คล้ายกันอยู่ แต่ใจชื้นขึ้นนิดหน่อยกับคำพูดของช่อม่วง ช่อไม่ชอบนายหรอกพระแสง มาชอบพี่เถอะ ขอร้อง หล่อนหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่มาสะพายหลัง พร้อมหยิบกุญแจรถจักรยานยนต์พาหนะที่คล่องตัวประหยัดสำหรับการเดินทางไปทำงานซึ่งไม่ไกลบ้านมากนัก ช่อม่วงเดินแกมวิ่งแซงไปเปิดประตูรั้วบ้านรอช้องนางจึงขับรถออกไปจากที่จอดแล้วหยุดถาม “จะแวะไปหาแม่หรือเปล่า” “ว่าจะซื้อของกินไปฝาก เดี๋ยวจะโทรไปก่อนแม่จะได้ไม่ต้องทำกับข้าว” “ดีจ้ะ ฝากขนมบนโต๊ะในครัวไปให้มังกรด้วย เอาไปทั้งถุงนั่นแหละ พี่ซื้อไว้แต่ไม่ว่างไปสักที” “รางวัลที่สอบได้คะแนนดีหรือคะ” “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ถ้าไม่ตบรางวัลเดี๋ยวมันทวงเช้าทวงเย็นอีก พี่ไปนะ” หล่อนยิ้มบอกลาแล้วขี่รถออกจากรั้วบ้าน แต่ต้องชะลอดูเมื่อพระแสงขับรถออกจากบ้านเช่นกัน แน่นอนว่าปกติหล่อนจะแอบมองเขา แต่ตอนนี้อยากมองตุ๊กตาหน้ารถของเขาตรงๆ “ไม่มี ชะนีไม่ได้ออกมาด้วย ไรวะ อย่าบอกนะว่ายายมาลัยยอมรับผู้หญิงนั่นเป็นสะใภ้” ไม่!ไม่ยอม หากไม่ติดว่าต้องรีบไปสอนช้องนางจะแวะเข้าไปดูหน้าหญิงคนนั้นในบ้านพระแสงก่อน อยากถามยายมาลัยตรงๆ เลยว่าทำไมคนนี้ไม่ไล่ออกจากบ้าน ความจริงน่าจะไล่ออกมาเสียตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว “พี่ช้อง ลืมหมวก” เสียงช่อม่วงทำให้คนกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันสะดุ้งแล้วรีบหันไปมอง น้องสาวคนรองส่งหมวกนิรภัยสีฟ้าเข้ากับสีรถจักรยานยนตร์ให้พอดี “ขอบใจจ้ะ ไปแล้วนะ” หล่อนรับมาสวมแล้วรีบออกรถทันที มองกระจกข้างเห็นช่อม่วงโบกมือไหวๆ เย็นนี้ต้องกลับมาถามให้รู้เรื่อง ทำไมยายมาลัยถึงใจดีอย่างนี้ ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้จะยอมให้ร่วมชายคาง่ายๆ ได้ยังไง แน่นอนว่าหากพระแสงหิ้วผู้หญิงคนนั้นมาจากสถานบันเทิงยามราตรี ย่อมแสดงว่าคงต้องมีใครต่อใครหิ้วเจ้าหล่อนไปทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD