“อัคคีราห์ไอ้คนเลว!”
ทันทีที่ก้าวขาพ้นจากหลังคารถหรูของอัคคีราห์ ณิชาก็ปรี่ตรงขึ้นห้องนอนเพื่อกรีดร้องระบายความอัดอั้นภายในใจตั้งแต่นั่งคุยกันเรื่องเงิน
“เย็นไว้.. ยังไงเขาก็ต้องตกลงอยู่แล้ว” ณิชาพูดพลางผ่อนปรนลมหายใจที่ถี่กระชั้นให้ช้าลง พลางยกมือขึ้นเสยผมจนมันเริ่มยุ่งเหยิงเล็กน้อย
อัคคีราห์พูดจาดูถูกเหยียดหยามกันไม่พอ ยังมองตัวของเธอเป็นเพียงสินค้าที่ใช้เงินจับจ่ายเหมือนของทั่วไป ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงบอกว่าเธอเป็นได้แค่ของประดับตระกูล
“คืนนี้เจอกันที่ BLXCK SWXN สัญญาจะถูกร่างที่นั่น”
เธอหลับตาลงเพื่อปรับอารมณ์เดือดพล่านข้างใน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่ปลายเตียงพร้อมกับชูกำปั้นฮึดสู้อีกครั้ง
อย่างน้อยเธอก็ไม่อยากทำให้พ่อแม่ต้องอับอายที่มีลูกสาวเกิดในตระกูลหมอ แต่กลับเลือกเส้นทางเดินต่างจากคนอื่น การได้เป็นเจ้าสาวของอัคคีราห์จากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น คงทำให้หลายคนที่เคยดูถูกว่าเธอเป็นหมอไม่ได้กระอักเลือดไม่น้อย
“แทนที่มีลูกสาวจะจับมีดผ่าตัดเหมือนพ่อ กลับจับพู่กันวาดรูปซะงั้น”
“ลูกสาวป้ากำลังเรียนต่อแพทย์ทรวงอก พ่อเขาภูมิใจน่าดู”
“ถ้าณิชาไม่เรียนต่อหมอแล้วจะทำอะไร น่าเสียดายจังเลยที่มีลูกสาวแค่คนเดียว.. ไม่งั้นอีกคนคงอยากเป็นหมอแน่ๆ”
คำพูดที่ณิชาได้ยินต่อหน้าและสายตาของผู้คนเหล่านั้นที่ได้เห็นเชิงประจักษ์ ทำให้เธอเกลียดชังวันรวมญาติไปโดยปริยาย
เพราะเหล่าลูกชายหรือลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคนตระกูลชีเฟิ่ง ต่างก็เรียนทางสายการแพทย์ตามรอยพ่อกับแม่พวกเขาที่วางทางไว้ มีเพียงแค่ณิชาคนเดียวที่เป็นเหมือนนกหลงฝูง เธอทำการต่อต้านเพราะอยากทำในสิ่งที่ชอบ
เธอรู้ดีว่าถ้าตัวเองไม่ชอบอะไร คงทำออกมาได้ไม่ดีแน่
“อ่า ไม่มีอะไรได้ดั่งใจสักอย่างสินะ” ใบหน้าสวยฉาบรอยยิ้มกลบความเศร้าในแววตาที่หยาดน้ำสีใสเอ่อล้นออกมา
กำปั้นเล็กที่บีบมือเข้าหากันจนปลายเจ็บจิกเนื้อทุบลงบนหน้าขาด้วยความขัดใจ ทุกอย่างรอบกายล้วนแล้วแต่ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเลยสักอย่างเดียว
ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเธอก็ไม่กล้าเข้าร้านของเทียนนานเกินไป เพราะรู้ดีว่ามีคนของอัคคีราห์ตามติดเป็นเงาตามตัวเธอ ต่อให้มองไม่เห็นหรือจับไม่ได้ แต่คนพวกนี้ไม่ต่างอะไรจากผีที่หายตัวได้ไวจนเธอไล่ตามไม่ทัน
เพราะงั้นการถอยห่างจากเทียนก็เพื่อเป็นการไม่ทำให้เขาเดือดร้อนเพราะเธอ..
“เฮ้อ อัคคีราห์ไอ้คนเผด็จการ.. นิสัยเสีย ไอ้คนชั่ว” ณิชาสบถหยาบถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยการผูกใจเจ็บ
ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแบหลาบนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก
แค่ไปทานข้าวให้อร่อยยังทำให้ยากเลย คงไม่ต้องนึกถึงภาพวันวิวาห์ที่ทั้งณิชาและอัคคีราห์ต้องร่วมชายคาเดียวกัน มีหวังได้ตีกันจนบ้านแตกสาแหรกขาดไปข้างแน่
ใช่ ต้องมีใครสักคนตายไปข้างนึงแน่นอน
BLXCK SWXN
แบล็คสวอนเป็นคลับหรูใจกลางเมืองที่อยู่ภายใต้อำนาจของอัคคีราห์ แหล่งรวมตัวของคนมีชื่อเสียงและนักธุรกิจมากมายที่มักจะแวะเวียนเข้ามาใช้บริการ ซึ่งการตกแต่งภายนอกดูเรียบหรู แต่ก็อลังการไปด้วยแสงสีเสียง จนสมกับฉายาพยัคฆ์มังกรทองตามคำร่ำลือ
“ถ้ากลับแล้วจะโทรเรียกนะคะ” ณิชาเอ่ยขึ้นกับคนขับรถประจำตระกูล ชายวัยกลางคนค้อมศีรษะรับทราบ ก่อนจะลงจากรถเพื่อเปิดประตูให้คุณหนูที่เขารับส่งประจำตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย
เพราะครั้งหนึ่งณิชาเคยมีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับการขับรถบนท้องถนน บวกกับการตัดสินใจที่ไม่ค่อยดี หลังจากนั้นเธอก็ไม่กล้าขับรถอีกเลยถึงได้ให้คนคอยรับคอยส่งมาตลอด
ใบหน้าสวยเจือรอยความตื่นตระหนกในแววตาไม่น้อย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นมั่นใจในไม่กี่วินาทีต่อมา พร้อมเชิดหน้าเข้าไว้หลังก้าวขาลงจากรถ
การเผชิญหน้ากับอัคคีราห์ไม่เคยง่ายเลยสักครั้ง..
“สู้เขาณิชา” เธอพูดพลางเป่าลมร้อนผ่านริมฝีปาก สายตามองตรงไปข้างหน้าแล้วก้าวขาด้วยท่าทางมั่นใจ เดินสะโพกผายในชุดรัดรูปที่เผยให้เห็นเรือนร่างชัดทุกสัดส่วน
ผิวขาวอมชมพูราวกับไข่มุกทำให้สายตาชายหนุ่มที่ผ่านไปมาเหลียวมองคอแทบเคล็ด เธอเลือกใส่เดรสแบบผ้ากำมะหยี่ เป็นสายเดี่ยวสีดำที่ไม่มีลวดลายยิ่งขลับผิวให้เปล่งปลั่งมากกว่าเดิม
ชุดด้านหลังเว้าจนเห็นแผ่นหลังเรียบเนียน ช่วงอกดันทรงสวยส่งผลให้หน้าอกตูมของเธอเด่นหราขึ้นมา ไม่ว่าใครที่เดินผ่านก็ต้องหันมองกันเป็นตาเดียว
“บอกอัคคีราห์ว่าฉันมา” ณิชาเอ่ยบอกกับการ์ดหน้าทางเข้า พลางกวาดสายตาสำรวจไปรอบบริเวณ
พวกเขาสองคนมองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบประสานงานไปยังคนด้านใน ที่ไม่นานณิชาก็ได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากคนของอัคคีราห์ ด้วยการเดินคุ้มกันขนาบข้างจนกว่าจะถึงห้องส่วนตัวของเขา
นานแล้วที่เธอไม่ได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเองแบบนี้..
ณิชาระบายยิ้มพอใจกับเสียงบีทสุดมันส์ที่ดังกระหึ่มชวนให้คนโยกตาม ครั้งสุดท้ายที่เธอเมาแบบสุดเหวี่ยงก็คงจะเป็นตอนเรียนจบปริญญาโท หลังจากนั้นก็ห่างหายเมไรยไปนานพอสมควรเลย
เพราะสุดท้ายเพื่อนฝูงที่มีก็แห่กันสร้างครอบครัวไปหมด เหลือแค่เธอที่ยังเป็นโสดอยู่คนเดียว ณิชาก็เลยพักเรื่องเที่ยวแล้วลุยงานแบบเป็นจริงเป็นจัง
จนตอนนี้มันเหมือนได้ปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมาอีกครั้งเลย
“ขอโทษนะคะ แต่ช่วยขึ้นไปตามเจ้านายของคุณ.. แล้วบอกว่าฉันจะรอข้างล่างทีค่ะ” ณิชาพูดขึ้นหลังเดินผ่านเคาน์เตอร์บาร์แล้วเปรี้ยวปากอยากซัดแอลกอฮอล์เข้าร่างกาย
อีกอย่างเธอไม่ใช่เบี้ยบนหมากกระดานของใคร การขึ้นไปหาอัคคีราห์แบบสองต่อสองคงไม่ดีเท่าไหร่ มันเหมือนการเดิมตามเกมเขาแล้วก็เชื่อฟังคำสั่งราวกับสุนัขรับใช้อย่างบอกไม่ถูก
คนผีเข้าผีออกแบบนั้นกันไว้ดีกว่าแก้อยู่แล้ว
“เอ่อ แต่ว่า..”
“ถ้าเขาไม่พอใจอะไร ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมดเองค่ะ”
“ครับ ผมจะบอกคุณอัคคีให้ครับ” บอดี้การ์ดของคลับโค้งคำนับลาเธอ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในฝูงคน
พอเหลือตัวคนเดียวเจ้าของใบหน้าสวยก็ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนกวักมือเรียกพนักงานเพื่อสั่งมาร์ตินีนั่งจิบระหว่างรอให้อัคคีราห์ลงมาหาเธอ
อีกฝั่งของอัคคีราห์ที่กำลังนั่งดื่มเหล้ารสเข้มเพียงลำพังกำลังคิดไม่ตกกับหลายเรื่องที่รุมเร้าเข้ามาในหัว เรื่องราวเมื่อเช้าที่ผ่านมาทำเอาเขาไม่มีสมาธิทั้งวัน
“ทั้งที่รับปากจะช่วยแท้ๆ” อัคคีราห์พูดเสียงค่อยคล้ายรำพึงรำพัน หลังเหล้าเข้าปากสมองก็เริ่มขุดเรื่องราวในหัวไม่หยุด
สักพักเสียงเคาะประตูจากด้านนอกก็ดังขึ้น ฉุดรั้งคนที่กำลังตกลงไปในภวังค์ให้เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ พลางเหลือบสายตาขึ้นมองเรนที่เดินเข้ามา
“คุณณิชามาแล้วค่ะ” เรนรายงานหลังได้ข้อมูลจากบอดี้การ์ดมาเมื่อครู่
“แล้วทำไมไม่เข้ามา”
“เธอบอกให้คุณอัคคีลงไปหาค่ะ เธอจะรออยู่ที่หน้าบาร์..”
เลขาส่วนตัวอย่างเรนแอบยิ้มมุมปากให้ความแสบซนของณิชา ที่น่าจะทำให้เจ้านายตัวเองปวดหัวไม่น้อย เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ไม่เคยอยู่ในคำสั่งของอัคคีราห์เลยสักครั้งเดียว
“จะให้ฉันเรียกคนพาเธอขึ้นมามั้ยคะ” เรนเลิกคิ้วถาม พลางมองอัคคีราห์ที่เริ่มดื่มหนักตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา จนตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกดื่มง่ายๆ
“ไปลากเธอขึ้นมา” เขาพูดขึ้นขณะที่จุดบุหรี่เตรียมสูบ ก่อนจะชะงักเล็กน้อยหลังไฟสีส้มเป็นประกายสะท้อนในแววตา
“ได้ค่ะ”
“อีกครึ่งชั่วโมง..”
“คะ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนมุมปาก นัยน์ตาสีรัตติกาลวาวโรจน์ขึ้นมาครู่หนึ่ง ก่อนจะจุดบุหรี่แล้วอัดควันเข้าปากพร้อมกับพ่นออกมาด้วยสีหน้าเริ่มคลายกังวล
“อีกครึ่งชั่วโมงค่อยลงไปตาม ปล่อยให้รออยู่ตรงนั้นแหละ.. เก่งดีนัก” เขาแยกยิ้มก่อนปรายหางตามองเรนที่ค้อมศีรษะรับคำสั่ง
“ได้ค่ะ” พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องไป เหลือทิ้งไว้แค่อัคคีราห์กับควันสีเทาที่ลอยฟุ้งในอากาศ
หลังจากเรนออกจากห้องไปประมาณเกือบชั่วโมง อัคคีราห์ก็จมอยู่กับความเงียบโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วที่เขายังอยู่ตรงนี้
เขาเอนหลังทิ้งร่างลงบนโซฟา เงยหน้ามองเพดานด้านบนด้วยสายตาเหม่อลอย ปล่อยให้ไฟสีส้มกลืนกินบุหรี่ที่นิ้วคีบอยู่ทีละนิด
กระทั่งเสียงริงโทนมือถือบนโต๊ะดังขึ้น นัยน์ตาคู่คมถึงได้มีสติขึ้นมา ก่อนจะผงกหัวขึ้นมองรายชื่อเรียกเข้า พลันใบหน้าก็แสดงออกถึงความไม่สบอารมณ์ทันที
( ไอ้มาเฟียหัวเจลนี่มันหายหัวไปไหนวะ อึก.. )
ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วมุ่น เพิ่งเคยเจอคนสบถใส่แล้วก็ใช้ฉายาแปลกๆ นั่นกับตัวเองเป็นครั้งแรก
ระคายหูอย่าบอกใคร..
( ปล่อยให้แขกรอแบบนี้เนี่ย โคตรจาไร้มา.. มารยาทที่ฉุด )
“เมาเหรอ” อัคคีราห์พูดพลางยกมือขึ้นกุมขมับ “ให้ตายเหอะว่ะ”
แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงจากปลายสายก็กรีดร้องจนแสบแก้วหูอัคคีราห์ จนต้องรีบยกมือถือออกห่างพลันคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันแน่นอย่างไม่สบอารมณ์
“ยัยหนูท่อนี่!”
( ถ้าไม่ลงมาอีกห้า ไม่.. สี่ หึ สามนาที.. ถ้าไม่มาในสามนะ นายตายแน่อัคคีราห์ )
“มีปัญญาฆ่าฉันหรือไง”
น้ำเสียงเชิงท้าทายส่งผลให้ปลายสายส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายไร้สติในการพูดคุยมากแค่ไหน หนำซ้ำยังกล้าอวดดีใส่เขาทั้งที่สติไม่ครบถ้วนอีกต่างหาก
“เหอะ งั้นก็ขึ้นมาสิ”
( อ่อ )
“.....”
( รออยู่ตรงนั้นแหละ.. เหอะ แม่จะ.. จะสั่งสอนให้เข็ดเล้ย คอยดู )