ตอนที่ 13 โดนเอาคืน

2290 Words
บางอย่างถ้าเก็บไว้ใกล้ตัวแล้วไม่เชื่อง โอกาสของการแว้งกัดก็มีมากไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นอัคคีราห์ก็ยังอยากจะถ่ายทอดทุกอย่างให้ เมื่อณิชาก้าวขาเข้ามาในตระกูลเซียหลงหลังพิธีแต่งงาน เหมือนกับรักครั้งก่อนที่เขาทุ่มเทสอนสั่งจนยากเหงื่อเลือดตาแทบกระเด็น เพื่อถูกเธอหักหลังอย่างเลือดเย็นอย่างไร้ปราณี.. เวลาล่วงเลยเกือบครึ่งชั่วโมงที่อัคคีราห์และณิชาต่างก็นั่งกันอยู่คนละมุมห้อง คนปากหนักได้แต่กัดกลืนคำขอโทษจากการกระทำผิดไว้ใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย เขาดูหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้สบถหยาบอะไร นอกจากหยิบไวน์ขึ้นมาดื่ม มือก็สูบบุหรี่พร้อมกับพ่นควันสีเทาลอยขึ้นสู่อากาศ จนณิชาหันมาขมวดคิ้วใส่ “เหม็น” เธอจิกตามองเขาเขม็ง มือก็ปัดควันด้านบนแล้วยู่ปลายจมูกเล็กน้อย ใบหน้าคมคายไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรกับท่าทีของเธอ ก่อนจะทิ้งบุหรี่ลงบนโถเขี่ยจนไฟมอด ถึงได้ลุกขึ้นเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อสีขาวติดมือออกมาด้วย “เปลี่ยนซะ” อัคคีราห์เอ่ยเสียงเย็น ขณะที่ส่งเสื้อยืดตัวโคร่งของเขาให้เธอที่นั่งจุมปุ๊กอยู่ข้างเตียงไม่ไปไหน ณิชากระชับเสื้อที่กระดุมขาดแล้วเชิดดวงหน้าคล้ายว่าไม่อยากใส่ใจเขา แต่สุดท้ายก็ถูกอัคคีราห์โยนเสื้อให้จนมันตกลงมาใส่หัวเธออยู่ดี “ใส่ ถ้าไม่อยากเปลือยอกให้พวกบอดี้การ์ดมันดู” อัคคีราห์ปรายหางตามอง พลางแสยะยิ้มมุมปากที่เห็นเธอหัวเสีย “ไอ้บ้านี่” ณิชาขบริมฝีปากแน่น ก่อนจะโยนเสื้อใส่อีกฝ่ายเหมือนที่เจ้าตัวทำ “จะไม่ใส่” เขาเลิกคิ้วถาม “ไม่ใส่ก็ตามใจ” พูดจบอัคคีราห์ก็โยนเสื้อตัวเองไปที่โซฟา ไม่สนท่าทีของณิชาที่จะถอนหายใจใส่ด้วยความเดือดดาลแค่ไหน กับที่เขาทำการกักขังหน่วงเหนี่ยวเธอไว้แบบนี้ จังหวะที่ร่างสูงกำลังจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปหยิบเหล้ามาเพิ่ม เสียงของณิชาที่ดังขึ้นก็รั้งเขาเอาไว้ให้หันกลับมามองเธออีกครั้ง “เมื่อไหร่นายจะไปส่งฉัน ไม่งั้นฉันจะโทรให้คนขับรถมารับ” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นกลบความประหม่าในแววตา แต่ทว่าอัคคีราห์ที่สายตาไวราวกับเหยี่ยวบนเวหา ดันเหลือบเห็นมือถือของเธอที่กำลังพิมพ์ค้างแชทของใครบางคนอยู่ในมือ "อ่อ" "ตกลงนายจะเอายังไง" “ฉันลืมไปเลย..” รอยยิ้มเย็นเยือกราวกับหมอกทำเอาหญิงสาวกระถดตัวถอยเล็กน้อย แต่ยังคงยืดอกอย่างไม่กลัวเกรง เหมือนเจ้าแมวขนปุยที่โก่งตัวจนขนพองเพื่อขู่คู่ต่อสู้ จนลืมไปเลยว่าตรงหน้าเธอนั้น.. เป็นเจ้าป่าที่ล่าเนื้อ “ต่อให้ตัวเธออยู่ตรงนี้ แต่ก็ยังอยากจะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบหมอนั่นสินะ ห่วงจะเป็นจะตายเลยใช่มั้ย” อัคคีราห์เอ่ยเชิงประชดประชัน สายตาไล่อ่านข้อความในแชทอย่างถือวิสาสะ ถึงทำให้รู้ว่าบางประโยคณิชาพิมพ์อะไรไปบ้าง “เสียมารยาท” เธอต่อว่า “แอบอ่านข้อความคนอื่นเขาแบบนี้ ไร้มารยาทชะมัด” "ส่งมือถือมา" "เรื่องอะไร" “ถ้าเธอแต่งเข้าตระกูลเซียหลง เธอต้องไม่มีความลับกับฉันแม้แต่เรื่องเดียว” “แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวฉันก่อนเจอนาย อีกอย่างฉันไม่สนใจว่านายคิดยังไง ฉันสนใจแค่ว่าตัวฉันรู้สึกยังไงมากกว่า” “จะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับเธอ ทุกอย่างที่เธอรู้หรือสงสัยเธอต้องพูดกับคนใน ห้ามปริปากกับคนนอก” สิ้นประโยคนั้นแววตาคมคายดูมาดร้ายก็เลิกคิ้วในเชิงให้เธอทำความเข้าใจแล้วยอมรับ เพราะมันไม่ใช่ข้อเสนอแนะหรือคำชี้แจงแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เธอต้องทำตามกฎของตระกูลอย่างเคร่งครัดเท่านั้นเอง “หาทาสเข้าเรือนเบี้ยเหรอคะคุณใหญ่” ณิชาเอียงคอใส่อย่างกวนประสาท ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคู่ต่อกรฝีปากกับอัคคีราห์ได้เป็นอย่างดี ผลัดกันออกหมัดกันละคนที จะต้องมีใครสักคนน่วมไปข้างบ้างแหละ “เหอะ เรือนเบี้ยเหรอ” อัคคีราห์ถึงกับแค่นหัวเราะในลำคอด้วยความหมดคำจะพูดกับผู้หญิงคนนี้ “พ่อฉันยังไม่เคยทำแบบนี้เลย ต่อให้แต่งงานกันแล้วก็ตาม แต่ถ้านายยังล้ำเส้นฉันแบบนี้.. ฉันก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน” “บอกแล้วไงว่าเก่งให้เหมือนปาก” “อัคคีราห์” หญิงสาวกดเสียงต่ำตอนเรียกชื่อเขา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเผชิญหน้ากับคู่สนทนาโดยตรง “เสียงที่เปล่งตอนพูดมันดังกว่าการกระทำก็จริง แต่การกระทำจะยืนยันว่าเสียงของเธอเป็นแค่ลมปากหรือคำสัตย์จริง.. ไม่ใช่เหรอ” ประโยคที่เอ่ยออกจากปากของอัคคีราห์ประกอบด้วยท่าทางและสายตาเรียบเฉย แต่ทว่าทุกคำกลับบาดลึกลงบนความรู้สึกผู้ฟัง จนณิชาคิดคำโต้ตอบไม่ทันได้แต่ยืนตัวสั่นกำมือแน่น “แล้วนี่เธอจะบอกมันมั้ยว่าอยู่กับฉัน” ไม่รอให้ไฟมอดอัคคีราห์ก็ราดน้ำมันใส่เพิ่มเข้าไปทันที “ว่าไงนะ” ณิชาเริ่มกอดอก ใต้ตากระตุกใกล้จะอาละวาดใส่เขาอย่างเหลืออด “บอกมันไปว่าอยู่กับฉัน” อัคคีราห์ออกคำสั่งอีกครั้ง นั่นเลยทำให้หญิงสาวจ้องเขาเขม็งเพราะความไม่พอใจ “ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ ฉันไม่ใช่เมียนายสักหน่อย ไม่เห็นต้องทำเหมือนหึงกันเลยนี่” “เมีย..” คำว่าเมียที่หลุดออกจากปากอัคคีราห์ ฉายชัดถึงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง สร้างความพึงพอใจให้เธอไม่น้อยที่สามารถดึงคนหน้าตึงให้มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาได้บ้าง พอเห็นว่าคิ้วเข้มแลดูเจ้าชู้ประตูดินนั่นขมวดเข้าหากัน ณิชาก็ไม่ลืมที่จะราดน้ำมันลงบนไฟของบทสนทนานี้เช่นกัน “ฉันลืมคิดไปเลย.. บางทีคนปากแข็งอย่างนายคงอยากจะเป็นสามีฉันจนตัวสั่น ถึงเกิดอาการหึงแบบหน้ามืดแบบนี้ไง” ณิชาเลิกคิ้วกวนประสาทกลับ และมันได้ผลไม่น้อยเมื่ออัคคีราห์แสยะยิ้มแล้วแค่นหัวเราะใส่ “เขียนนิยายอยู่เหรอ” “นายก็แค่ไม่ยอมรับตัวเอง ..ปากไม่ตรงกับใจ” ร่างสูงก้าวปลายเท้าเข้ามาใกล้หญิงสาวทีละนิด ส่วนเธอก็ขยับถอยหลังอัตโนมัติ แต่สายตายังคงบ่งบอกถึงความใจกล้าที่ยืนต่อหน้าอัคคีราห์อย่างไม่กลัวเกรง ทั้งที่ในใจเต้นล่ำไม่เป็นส่ำด้วยความหวาดกลัว “ถะ.. ถอยไปนะ” “มีอะไรให้น่าพิศวาส ไม่แข็ง.. ไม่ตื่นตัว ไม่ตื่นเต้นหรือเร้าใจสักนิด เหอะ” ใบหน้าคมคายเรียบเฉยไม่คล้อยตามเกมปั่นประสาทของเธอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าณิชายียวนกวนโมโหเขาได้น่าจับตีก้นชะมัด อัคคีราห์ใช้จังหวะทีเผลอพุ่งตัวเข้าไปคว้ามือถือของเธอ จนมันถูกเขาฉกชิงไปได้เรียบร้อย พร้อมกับชูขึ้นเหนือหัวในความสูงที่ณิชาต้องแหงนหน้ามอง ก่อนจะตวัดสายตามองชายหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ “อยากตายหรือไง” สิ้นประโยคนั้นอัคคีราห์ก็ถึงกับแสยะยิ้มมุมปาก ราวกับว่ามันเป็นเรื่องน่าขบขัน ตอนเห็นเธอดูจริงจังขึ้นมาทันควันเมื่อมันเป็นเรื่องของเทียน “เอามือถือฉันคืนมานะ” “อยากเป็นเมียแค่ในนามหรือเป็นเมียจริงๆ” “อะไร” “เมียรายวันดีมั้ย บางวันเป็นเมีย.. บางวันก็แค่คู่นอน” ประโยคเสียดสีเอ่ยผ่านใบหน้าเรียบเฉย ทว่าแววตาแสดงถึงความจริงจังตั้งแต่ที่เคยพูดคุยกันมา จริงจังกับเรื่องบนเตียงจนเผลอเผยธาตุแท้ออกมาเชียว “อัคคีราห์” ณิชาที่หมดความอดทนจะเดินเข้าไปคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แต่ก็ต้องพลาดพลั้งไม่เป็นท่ากับจังหวะน่าอายที่ดันเกิดขึ้น ดวงตาคู่สวยเบิกโตด้วยความตกใจ ร่างกายลอยเคว้งในอากาศเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่เธอจะหลับตาปี๋พร้อมเตรียมใจรับแรงกระแทก แต่ทว่า.. ณิชาที่สัมผัสได้ถึงท่อนแขนแกร่งกำลังโอบรัดเธออยู่ ทำให้เจ้าตัวยอมลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน เมื่อคนตรงหน้าคืออัคคีราห์ที่รับตัวเธอเอาไว้ไม่ให้หน้าคะมำลงไปจูบพื้นซะก่อน เจ้าของนัยน์ตาสีรัตติกาลหลุบมองหญิงสาวร่างอรชรในอ้อมกอด ความนุ่มนิ่มของเนินอกที่กำลังเสียดสีร่างกาย ส่งผลให้ลมหายใจร้อนผ่าว แต่ต้องกำหนดจิตใจให้แน่วแน่ด้วยการตีหน้าเข้มเข้าไว้ “อันนี้ก็อยู่ในบทอ่อยผู้ชายด้วยใช่มั้ย” “ไอ้..” “เหอะ” ณิชาหน้าแดงก่ำไม่ใช่เพราะเขิน แต่เป็นเพราะโกรธต่างหาก ปลายเท้าที่ชื้นเหงื่อผลมาจากความประหม่า ทำให้เธอที่พยายามจะผละออกจากเขา กลับกลายเป็นล้มทับกันจนร่างกายแนบแน่นกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเชิดหน้าเพราะไม่อยากดูอ่อนแอต่อหน้าเขา “โทษนะ แต่อันนี้บทมันเขียนว่าฉันจะอ่อยนาย แต่เป็นนายเองหรือเปล่าที่อยากจะแตะอั๋งฉัน” ณิชาโต้กลับด้วยความเป็นคนชอบเอาชนะ และไม่ชอบเห็นสีหน้าของอัคคีราห์ที่ทำเหมือนเหนือกว่าเธอ “เพ้ออะไรอยู่” “แล้วใครกันล่ะที่ไม่ยอมปล่อย” สิ้นประโยคนั้นอัคคีราห์ก็ถึงกับรีบปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ก่อนจะกระแอมไอในลำคอกลบเกลื่อนพิรุธในแววตา พลางยกหลังมือขึ้นถูปลายจมูก เพราะกลิ่นหอมจากกายสาวมันกระตุ้นอารมณ์ชายไม่น้อย ถ้าหากอัคคีราห์มีนิสัยเหมือนหมาจ่าฝูงตัวใหญ่ ณิชาก็เป็นหัวหน้าลูกแมวแสบซน เธอใช้จังหวะที่อัคคีราห์เผลอช่วงชิงมือถือคืนมา แต่ยังยืนยิ้มด้วยความพอใจได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที ร่างสูงก็โถมตัวเข้าหาพาเธอล้มลงบนเตียงนอน จนกลายเป็นคนตัวเล็กทับอยู่ด้านบนใบหน้าจมอกกำยำโดยไม่ทันตั้งตัว “อัคคีราห์ไอ้คนเลว อื้อ” คนด้านบนดีดดิ้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนมือไวยกแขนขึ้นกอดรัดเธอไม่ให้ขยับหนี “ดื้อ” “นี่” อยู่ด้วยกันไม่ครบวันณิชาก็เริ่มปรับตัวหาทางรอดขณะเผชิญหน้ากับอัคคีราห์ได้แล้ว เพราะยิ่งดิ้นไปก็เหมือนว่าร่างกายจะสูญเสียพลังงานชีวิตเปล่าๆ เธอหยุดดิ้นแล้วหอบหายใจแรงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าเอาคางวางเกยบนอกแล้วช้อนสายตามองอีกฝ่าย “นี่นาย..” “.....” “กอดแน่นแบบนี้.. ฉันหายใจไม่ออกนะ” วินาทีที่ทั้งคู่สบตากันสงครามวิวาทะขนาดย่อมที่เพิ่งจะเกิดขึ้นก็เข้าสู่โหมดสงครามเย็น เพราะอัคคีราห์เอาแต่มองหน้าเธอไม่ละไปไหน ส่วนเธอก็รอจังหวะที่จะเอาคืนอยู่เหมือนกัน “หวั่นไหวเหรออัคคีราห์” ใบหน้าสวยแยกยิ้มบนมุมปาก เพราะเห็นว่าอีกคนเอาแต่จ้องกันราวกับจะกลืนกิน แถมยังไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ เธอก็อดไม่ได้ที่จะโยนคำถามนี้กลับไป หลังคนปากแข็งยืนกรานเสียงหนักแน่นหลายครั้งว่าไม่ได้พิศวาส นี่ขนาดไม่ได้พิศวาสยังจ้องตาไม่กะพริบขนาดนี้เลย ถ้าพิศวาสขึ้นมาเธอจะมีโอกาสได้ลงจากเตียงมั้ย “ที่บอกว่าไม่ได้พิศวาสคืออยากได้ใจจะขาดหรือเปล่า” “แล้วอยากได้มั้ยล่ะ” ณิชาที่กระตุกยิ้มมุมปากเพราะคิดว่ากำลังจะเอาชนะเขาได้ ต้องรีบหุบปากฉับไวหลังอัคคีราห์ยื่นข้อเสนอด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เธอแสร้งทำหน้าครุ่นคิดไปตามบทบาทมารยาหญิงที่เขามองเธอ ก่อนจะลากไล้นิ้วเรียวไปตามสันกรามคมอย่างถือวิสาสะ ทว่าอัคคีราห์กลับไม่ปฏิเสธการกระทำของเธอ ปล่อยให้อีกฝ่ายได้สัมผัสผิวกายตามอำเภอใจ “ขอบคุณสำหรับการเชิญชวนนะคะคุณอัคคีราห์..” เธอโปรยยิ้มหวานใส่ไม่หยุด อัคคีราห์กัดกรามกรอด ตอนที่เธอยุกยิกบนตัวเขาแล้วเผลอเฉียดผ่านส่วนอ่อนไหวไปมา แถมใบหน้าขาวมีเลือดฝาดจนแก้มอมชมพูยังอยู่ใกล้เพียงคืบเศษ จะปฏิเสธได้ยังไงว่าใจไม่สั่นในเวลาแบบนี้.. “แต่คำตอบคือไม่” “.....” “ไม่เอาค่ะ ไม่ได้พิศวาสขนาดนั้น” ไม่พูดเปล่าเธอยังเหยียดยิ้มเลียนแบบเหมือนที่อัคคีราห์ชอบทำ จนอีกคนขลึงตาดุใส่แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอสลดแต่อย่างใด “บางอย่างนายก็ต้องโดนด้วยตัวเองซะบ้าง จะได้รู้.. ว่าเวลาเจอแบบนี้แล้วมันรู้สึกยังไง เหอะ” ณิชาย่นปลายจมูกใส่ ก่อนจะลุกออกจากตัวอัคคีราห์ โดยไม่ลืมคว้ามือถือแล้วก็เดินไปหยิบเสื้อยืดที่เขาโยนลงบนโซฟาติดมือก่อนเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนด้วย “ร้ายกาจจังวะ หึ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD