บทที่ 3 กับตา

1154 Words
โสธิยาสาวเท้าไปรอบ ๆ โรงแรม พยายามหาเจ้าบ่าวของตนเองว่าไปอยู่ไหน ใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือทั้งสองข้างยกชายกระโปรงขึ้น เพื่อที่จะเดินได้สะดวก โดยที่เธอยังใส่รองเท้าส้นสูง หญิงสาวเข้าห้องน้ำเกือบทุกชั้นในตึก ก่อนจะมายืนหอบหายใจอยู่ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน เธอเหนื่อยจนแทบขาดใจ กลัวว่าสิ่งที่ตนเองกลัวมาตลอดจะเกิดขึ้นในวันนี้ ทว่ามีเสียงดังกล่าวแว่วเข้ามา ในขณะที่เธอกำลังยืนพัก พร้อมกับลมหายใจอย่างรวยริน โสธิยาจึงค่อย ๆ สาวเท้าเดินไปตามเสียงดังกล่าวอย่างระแวดระวัง หัวใจที่เต้นอยู่ในอกข้างซ้ายดังโครมคราม จนหญิงสาวเกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ ในขณะเดียวกัน ฝ่ามือทั้งสองข้างที่ชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ มือไม้สั่นไหว ได้นำมาป้องปากเอาไว้ โดยที่เสียงดังกล่าวยังคงดังออกมาเป็นระยะ ๆ แต่ทว่าเธอสาวเท้าเข้าไปใกล้เสียงนั้นมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เธอใจคอไม่ดีมากขึ้นเท่านั้น ดวงตาทั้งสองข้าง เริ่มมีน้ำใส ๆ คลออยู่ที่เบ้าตา พร้อมกับภาพตรงหน้าที่ทำให้หัวใจของเธอแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ไม่มีชิ้นดี เพราะภาพที่เธอเห็น คือภาพชายคนรักที่เพิ่งจะแต่งงานกับเธอไปหมาด ๆ กำลังเสพสุขกับผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่เธอ หล่อนคือผู้หญิงที่ได้ช่อดอกไม้จากในงานแต่งของโสธิยาที่กำลังครวญครางอย่างมีความสุข ในขณะที่หล่อนกำลังนั่งโยกอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน พร้อมกับเสียงครางของชายหนุ่มที่เธอจำได้ว่านี่คือเสียงของสามีของตน ที่กำลังซุกใบหน้าอยู่ที่ทรวงอกของหล่อนอย่างหื่นกระหาย โสธิยาร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ เสียความรู้สึกที่สามีของเธอมาแอบได้เสียกับผู้หญิงซึ่งเป็นเพื่อนของเขาเอง และที่น่าเสียใจกว่านั้น วันนี้มันคืองานแต่งงานของเธอ เธอควรจะมีความสุขกับสามีของตน ไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่น โสธิยาเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งออกจากลานจอดรถ ด้วยใบหน้าที่มีน้ำตานองหน้า เธอผุดลุกนั่งอยู่บนพื้น เมื่อเหยียบชายกระโปรงของตนเอง จนล้มหน้าคะมำ ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งไปยังทางบันไดหนีไฟ เพื่อจะหาสถานที่ที่เธอคิดว่าปลอดภัยที่สุด และสามารถเป็นที่ที่ระบายความเสียใจ ความเจ็บปวดของเธอได้ ปัง! เสียงประตูบนดาดฟ้าดังขึ้น ก่อนที่ลมจากด้านนอกปะทะใบหน้าของเธอ พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินไม่ขาดสาย ไม่รู้เพราะความบังเอิญหรืออย่างไร ที่ประตูบนดาดฟ้าไม่มีกุญแจล๊อก หรือเพราะความสะเพร่าของพนักงานกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คงจะเป็นสถานที่ที่จะทำให้หญิงสาวสบายใจมากที่สุด ในขณะที่เธอสาวเท้าออกไปอย่างเชื่องช้า พร้อมกับสายลมที่พัดผ่านเข้ามา ทำให้ชุดเจ้าสาวและเส้นผมปลิวไสวไปตามแรงลม “หะ หากย้อนเวลากลับไปได้ ฮึก! ฉะ ฉันจะไม่ขอมีแฟนแบบนี้อีก” หญิงสาวพึมพำมันออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้น ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนระเบียงของโรงแรมซึ่งอยู่บนดาดฟ้า ทิวทัศน์รอบ ๆ เต็มไปด้วยแสงไฟตามอาคารบ้านเรือน หรือร้านอาหารที่เปิดขายกลางคืน เช่นเดียวกับสายลมยังคงพัดผ่านร่างของหญิงสาว จนเธอเกือบจะปลิวไปตามแรงลม เปลือกตาค่อย ๆ ปิดเข้าหากันอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากันเพื่อที่จะกลั่นเสียงสะอื้น แต่ยังคงมีหยาดน้ำตาไหลรินอาบข้างแก้ม ว้ายยยยย! จู่ ๆ ร่างของเธอก็ร่วงหล่นจากตึกสูงซึ่งมีขนาดสามสิบชั้น โดยที่แขนและขาแหวกว่ายไปตามอากาศ พร้อมกับเสียงร้องโหวกเหวกโวยด้วยความตกใจและตื่นกลัว “ม้ายยยย ฉานยางม่ายอยากตาย อ๊ายยยย” เสียงของโสธิยายังคงดังออกมาจากลำคอที่กำลังดิ่งลงบนพื้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า หญิงสาวได้แต่หลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะมองว่าภาพเบื้องหน้ามันน่ากลัวขนาดไหน แต่แล้วจู่ ๆ กับมีแสงสีขาววาบเข้าใบหน้าของโสธิยา จนเธอต้องเปิดเปลือกตาขึ้น ว่ามันคือแสงอะไรที่สาดเข้ามา “ว้ายยยยย” และเป็นอีกครั้งที่หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อร่างถูกดูดเข้าไปหาแสงสีขาวดังกล่าวซึ่งมองไม่เห็นด้านใน และไม่แน่ใจว่ามันคือพื้นดินหรือไม่ ตุบ! ร่างของหญิงสาวร่วงหล่นลงบนพื้นหญ้าเข้าอย่างจัง ซึ่งกำลังสลบด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับเหตุการณ์ที่เธอเพิ่งจะเจอเมื่อสักครู่ “พี่ปืน ทำไมมีผู้หญิงใส่ชุดแปลก ๆ มานอนตรงนี้ได้ล่ะ” เสียง แจ้ว ๆ จากเด็กน้อยวัยสี่ขวบ ที่กำลังเอากิ่งไม้เขี่ย ๆ ร่างของโสธิยาที่กำลังนอนคว่ำหน้าไม่ได้สติอยู่ในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าแต่ป้าคนนี้ใช่คนแถวนี้แน่เหรอ” คิ้วขมวดของเด็กชายวัยหกขวบเศษ ที่กำลังนั่งยองพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปหาผู้หญิงปริศนาที่มานอนอยู่ตรงนี้ เสียงของเด็กน้อยทั้งสองดังแว่วเข้าไปในหูของโสธิยา ก่อนร่างนั้นจะค่อย ๆ ขยับตัว จนทำให้เด็กทั้งสองวิ่งไปหลบอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ แถวนั้น “โอ๊ย! เจ็บ ๆ นี่ฉันตายแล้วเหรอ ไม่นะ! แล้วแบบนี้คุณพ่อกับคุณแม่จะอยู่ยังไง” เธอพรรณนาออกมาด้วยความตกใจ เพราะคิดว่าตัวเองคงตายแล้วอยู่บนสวรรค์ สองมือทั้งหยิกทั้งตีร่างกายว่าเธอตายไปแล้วหรือยัง รวมทั้งตบหน้าของตนเองจนเกิดรอยแดง และพบว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปและยังไม่ตาย ก่อนจะหันมานั่งกอดเข่าอีกครั้ง เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเกิดอะไรกับตัวเอง หยาดน้ำตาก็ค่อย ๆ ไหลรินอย่างห้ามไม่อยู่ พร้อมกับเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาจากลำคอ จนเด็กน้อยทั้งสองทำหน้าไม่เข้าใจ ก่อนที่จะค่อย ๆ ย่องเข้าไปหาผู้หญิงแปลกหน้า ที่ตื่นขึ้นมาก็เอาแต่ร้องไห้ “ป้า ร้องไห้ทำไม” เสียงเด็กชายกล่าวถามอย่างสงสัย ซึ่งยืนกอดอกอยู่ด้านหน้า โสธิยาจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเด็กน้อยที่เธอเพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามีพวกเขาอยู่ตรงนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD