ด้านอหัสกรที่เลือกตัดสายเธอไปหันมองหน้าพิมพ์พิศาที่ถามความเห็นเรื่องกระเป๋า สีหน้ายิ้มแย้มแต่เป็นรอยยิ้มที่ค่อนข้างฝืดฝืน พลางเดินเข้าไปดูกระเป๋าใบที่เธอกำลังถืออยู่ในมือ
“ก็สวยดีนะ ถ้าเพิร์ลชอบก็เอาสิ”
“พี่โซลจะซื้อให้เพิร์ลเหรอคะ” เธอถามเพื่อหยั่งเสียง
“อื้อ”
เขาตอบรับโดยไม่ลังเล ทำให้พิมพ์พิศายิ้มหวานกระโดดเข้ามากอดแขนเขาด้วยความดีใจ ราคากระเป๋าที่เป็นตัวเลขหกหลักนั้นไม่ได้กระทบกระเทือนเงินในบัญชีของทั้งอหัสกรและพิมพ์พิศา ทว่าการที่ฝ่ายชายเป็นคนจ่ายเงินซื้อให้นั้นบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น
พนักงานส่งถุงที่ติดโลโกแบรนด์ระดับโลกให้เมื่อลูกค้าระดับวีไอพีชำระเงินเรียบร้อย อหัสกรยื่นมือรับถุงมาถือไว้เองตามแบบสุภาพบุรุษเพื่อให้ฝ่ายหญิงได้เดินดูของอย่างอื่นแบบสบาย ๆ
“ได้กระเป๋าแล้วเพิร์ลก็ไม่อยากจะได้อะไรอีกแล้วล่ะค่ะ รอคอลเลกชันใหม่เข้าเดือนหน้าค่อยมาดูใหม่ เราไปหาของกินอร่อย ๆ กันดีกว่า พี่โซลหิวหรือยังคะ”
“อืม ก็ดีนะ”
“ค่ะ งั้นไปร้านโอมากาเสะที่เพิ่งเปิดใหม่กันมั้ยคะ เห็นเพื่อนบอกว่าดีมาก เพิร์ลอยากลองเหมือนกัน”
อหัสกรตามใจพิมพ์พิศาทุกอย่างไม่ว่าเธออยากจะซื้ออะไร กินอาหารร้านไหนเขาก็ยินดีพาเธอไป ส่วนผู้หญิงอีกคนที่เขาต้องจำใจรับผิดชอบเธอจนกว่าลูกจะคลอดนั้นเขาปล่อยให้เธอเรียกรถสาธารณะกลับบ้านเอง
ขณะนั่งแท็กซี่ออกมาจากโรงพยาบาลนึกรักก็เกิดเปลี่ยนใจ ไหน ๆ ก็ออกมาแล้วถ้ากลับบ้านไปก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดี อยู่คนเดียวก็เอาแต่คิดฟุ้งซ่านพานให้จิตใจหม่นหมอง คุณหมอเพิ่งแนะนำให้เธอทำใจให้สบาย ไม่ต้องกังวลอะไรมาก อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียด นึกรักจึงบอกให้แท็กซี่ไปส่งเธอที่สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดจากนั้นก็ใช้บริการรถไฟลอยฟ้าเข้าไปยังย่านใจกลางเมือง จุดประสงค์เพียงแค่อยากไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า และหาร้านนั่งกินอาหารชิล ๆ สักร้าน...กับลูก
นาน ๆ จะได้ออกมาเดินเล่นแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน หญิงสาวอยากจะซื้อชานมไข่มุกเคี้ยวหนุบหนับในปากแต่พอนึกถึงลูกเธอก็ตัดใจเปลี่ยนไปสั่งน้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพแทนแล้วถือแก้วน้ำเดินเรื่อยเปื่อยแวะดูร้านค้าที่ตั้งแผงอยู่ทั้งสองข้างทาง บนทางเดินคลาคล่ำไปด้วยเด็กนักเรียนและนักศึกษา มีทั้งที่มาเดี่ยว เป็นกลุ่มและมาเป็นคู่ นึกรักแอบคิดเล่น ๆ ว่าถ้าเธอหยิบชุดนักศึกษากลับมาใส่ก็ยังได้อยู่นะเพราะเธอก็เพิ่งเรียนจบมาปีนี้เป็นปีที่สองเอง หญิงสาวอดนึกถึงวันเก่า ๆ ไม่ได้ เธอสูญเสียบุพการีคนสุดท้ายไปตั้งแต่ตอนอายุสิบห้าปี ตอนที่รู้ผลว่าสอบเข้าโรงเรียนมัธยมชื่อดังได้ก็เป็นวันที่ได้รับโทรศัพท์ให้ไปที่โรงพยาบาลแทน...แต่ช่างมันเถอะ มันผ่านมาตั้งแปดปีแล้วที่เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียว แต่ต่อไปมันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว เธอจะมีอีกคนเข้ามาในชีวิต นึกรักให้สัญญากับลูกน้อยที่ยังมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วในท้องว่าจะรักและดูแลเขาให้ดีที่สุด จะไม่มีวันทอดทิ้งไปไหน
หญิงสาวกล้ำกลืนความเศร้าลงไปในอกและเดินตรงเข้าไปในส่วนของห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่มีผู้คนเดินอยู่พลุกพล่าน นึกรักตั้งใจจะไปยังชั้นที่เป็นศูนย์รวมร้านอาหาร นึกอยากจะรับประทานอาหารญี่ปุ่น ระหว่างที่เดินไปอย่างไม่รีบร้อนสายตาก็ปะทะเข้ากับชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินมาอยู่ในระยะที่มองเห็นกันพอดี จะหลบเลี่ยงก็ไม่ได้เสียแล้ว
คนที่ไม่อยากเจอ มักจะได้เจอ โชคชะตามักจะเล่นตลกแบบนี้เสมอ
เธอจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ริมฝีปากหนักอึ้งพยายามฝืนรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าพิมพ์พิศายิ้มให้เธอก่อน
“คุณอดีตผู้ช่วยเลขาพี่โซลนี่คะ บังเอิญจัง เข้าไปทักหน่อยนะคะ เจอกันแล้วทำเป็นไม่เห็นไม่ทักทายก็ยังไงอยู่ ยังไงก็พนักงานบริษัทเรา”
พิมพ์พิศาพูดจบก็คล้องแขนชายหนุ่มเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่หยุดยืนอยู่กับที่ อหัสกรทำหน้านิ่งเฉยยามสบตากับนึกรัก เขาไม่พอใจที่เจอเธอที่นี่ ทำไมเธอถึงไม่รีบกลับบ้าน ต้องการจะทำอะไรกันแน่
“คุณผู้ช่วยเลขามาเดินคนเดียวเหรอคะ”
“อ้อ ค่ะ”
นึกรักตอบรับ แล้วหันไปยกมือไหว้ทักทายอหัสกรราวกับวันนี้เพิ่งจะเจอกัน ทั้งที่เขาเป็นคนพาเธอออกมาจากบ้านแล้วทิ้งเธอไว้ที่โรงพยาบาลเพราะ ‘มีธุระด่วน’
“สวัสดีค่ะท่านรอง”
เขาผงกศีรษะรับคำทักทายจากเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย พิมพ์พิศาเหลือบสายตามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับมายิ้มให้นึกรัก มองเห็นถุงกระดาษขนาดกะทัดรัดที่อดีตผู้ช่วยเลขาของอหัสกรถืออยู่ในมือมีสัญลักษณ์ของโรงพยาบาลที่คุ้นตาจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนห่วงใย
“อ้าว ไปหาหมอมาหรือคะ โรงพยาบาลเดียวกับที่คุณแม่ของเพิร์ลเพิ่งจะไปตรวจร่างกายมาเลยค่ะ”
“ค่ะ ไม่สบายนิดหน่อย”
เธอไม่ได้ตั้งใจให้พิมพ์พิศาเห็นถุงยาในมือ แต่ถึงจะเห็นอีกฝ่ายก็ไม่สามารถบอกได้ว่าในนั้นมียาอะไรและเธอเป็นอะไรถึงต้องไปพบแพทย์ ทว่าเธอสังเกตเห็นพอดีว่าตอนที่พิมพ์พิศาทักเรื่องไปหาหมอสีหน้าของอหัสกรมีปฏิกิริยาขึ้นมาแวบหนึ่ง เขาจ้องหน้าเธอพร้อมกับแววตาที่ปกปิดความไม่พอใจไว้ไม่มิด นึกรักคลี่ยิ้มบางเบาก่อนจะเอ่ยว่า
“ต้องขอตัวก่อนนะคะ ไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของท่านรองกับคุณเพิร์ลดีกว่าค่ะ บังเอิญมีนัดกับเพื่อน”
ไม่ต้องให้เขาส่งสายตามาเตือน เธอก็รู้ว่าควรทำอย่างไร หญิงสาวจึงรีบขอตัว
“เชิญค่ะ เดี๋ยวเพื่อนคุณจะรอ”
พิมพ์พิศาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรแต่แววตานั้นตรงกันข้าม เธอรู้สึกไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ ถึงคุณอนรรฆมณีจะจัดการจนหล่อนต้องกระเด็นไปอยู่ฝ่ายอื่นแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในบริษัทอยู่ดี