อย่าให้ใครรู้...5

2917 Words
แผ่นหลังเปลือยเปล่าสัมผัสกับผืนเตียงนุ่มทำให้หญิงสาวไม่ต้องเกร็งตัวในท่ายืนอีกต่อไป เธอลดแขนที่โอบรัดต้นคอแกร่งมาแปะไว้ที่ต้นแขนแน่นหนาด้วยมัดกล้ามเนื้อ คลายเรียวขาที่เกี่ยวรอบเอวสอบ ชายหนุ่มสลับดูดดื่มเต้าทั้งซ้ายและขวาไม่น้อยหน้ากันจนเปียกชุ่มพร้อมกันนั้นมือหนาก็สาละวนจัดการกับเสื้อผ้าตัวเองให้หลุดออกจากตัว เหลือเพียงท่อนล่างที่ยังต้องจัดการ อหัสกรลูบมือไปตามส่วนโค้งเว้าสวยงาม เคล้นคลึงสะโพกงอนเด้งไปอย่างมันเขี้ยวก่อนจะตัดใจผละออก ดันกายขึ้นเพื่อจัดการกับกางเกงที่ความเป็นชายเหยียดขยายคับแน่นดุนดันสิ่งที่ห่อหุ้มจนแทบจะปริขาด เขาจัดการไม่นานร่างกายก็มีสภาพเปล่าเปลือยเหมือนกันกับเธอ นึกรักถึงกับแทบจะหยุดหายใจ เมื่อได้เห็นรูปร่างที่เรียกได้เพอร์เฟกต์ไปทุกสัดส่วน แผงอกกว้างเรียบตึง กล้ามท้องเป็นลอนกล้ามเนื้อเรียงตัวสวยงาม เอวสอบเข้าหาสะโพกเพรียวแข็งแรง วีไลน์ชัดเจนเป็นแนวลงหาท้องน้อยที่มีบางอย่างชูชันท้าทายสายตา นึกรักรีบเบนสายตาออก ชายหนุ่มหลุบตา มองเห็นความฉ่ำชื้นแวววาวที่ไหลออกมาจากกลีบดอกไม้สวยจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึก วางความใหญ่โตลงบนเนินอวบอูมก่อนโน้มตัวลงมาหาเธออีกครั้ง ขยับสะโพกเบา ๆ ให้เกิดการเสียดสี หญิงสาวเผยอริมฝีปากปล่อยลมหายใจยาวและสูดหายใจเข้า ชายหนุ่มประคองสองแก้มนุ่ม สบตาเพื่อบอก “พร้อมนะ” “อะ อื้อ” เธอไม่ได้ตอบรับแต่ช่วงล่างที่เสียดสีกันทำให้เกิดความเสียวซ่านจนแทบทนไม่ไหว อหัสกรเองก็ไม่อยากรั้งรอต่อไปแล้ว เขาจับส่วนหัวหยักที่มันวาวจดจ่อเข้ากับปากทางที่เห็นว่าคับแคบแต่ฉ่ำชื้นจากน้ำหวานใสที่พรั่งพรูออกมา ใจหนึ่งอยากก้มลงมาลองลิ้มชิมรส แต่ความใคร่ที่คลั่งอยู่ในตัวอยากระบายออกมาทำให้ไม่สามารถรั้งรอได้อีกต่อไป “อา...โคตรแน่นเลย” “อื้อ...เจ็บ” ทั้งสองคนระบายเสียงออกมาพร้อมกัน มือเรียวบางจิกผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อความเจ็บปวดวิ่งเข้ามาแทนที่ความความรู้สึกอยากเติมเต็ม ถึงเธอจะไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบหญิงชายกับใครมาก่อนแต่ก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ว่าครั้งแรกของฝ่ายหญิงนั้นจะเจ็บปวด ไม่ปฏิเสธว่าเคยศึกษาเรื่องนี้มาบ้างในช่วงวัยอยากรู้อยากเห็น แต่มันก็เป็นเพียงทฤษฎีที่ยังไม่เคยลงสนามปฏิบัติจริง ร่างสูงยกตัวขึ้นมอง มือหนาลูบคลำก้อนเนื้อนุ่มที่หน้าอกซ้าย มองดูสีหน้าที่แสนจะยั่วยวนในเวลานี้หยุดการกระทำทั้งมวลลงไว้ชั่วครู่ “เจ็บมากไหม” นึกรักพยักหน้า...แล้วก็ส่ายหน้า ดวงตาสื่อความหมายว่าเธอสามารถไปต่อกับเขาได้ ครู่ต่อมาสะโพกสอบก็เริ่มขยับเข้าอีกเล็กน้อยแล้วถอยออกช้า ๆ ทำแบบนี้สลับกันเป็นจังหวะเนิบนาบ พร้อมกับประกบริมฝีปากนุ่มดูดดื่มจนความกระสันซ่านแล่นเข้าไปในทุกอณูร่างกายแทนความเจ็บ เขาจึงได้หยัดสะโพกเข้าหากลีบดอกไม้ชุ่มฉ่ำจนสุดลำ “อา...แน่นมาก” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาขบเม้มเบา ๆ ที่ต้นคอ ลาดไหล่ขาวเนียนพร้อมทั้งขยับสะโพกเข้าหาเบา ๆ ต่อเนื่อง แววตาของหญิงสาวเหมือนล่องลอย มองเห็นแต่แสงสีขาวพร่ามัว เหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป จังหวะหนึ่งแขนเรียวที่ปัดป่ายกับผืนเตียงตวัดโอบรัดแผ่นหลังเขาแน่นเมื่อเข้าใกล้จุดสูงสุด “อ๊ะ อ๊าย” นึกรักปล่อยเสียงครางหวาน จิกเล็บลงบนแผ่นหลังแกร่ง ก่อนที่ร่างกายจะสั่นสะท้านเกินควบคุมจนต้องยกเรียวขาขึ้นมาเกี่ยวรอบเอวสอบที่เด้งเข้าหาต่อเนื่องพร้อมระบายความเสียดเสียวที่กำลังจู่โจมเธอด้วยการร้องเรียกชื่อเขา “กรี๊ด คุณโซล...ฮึก” ร่างกายของนึกรักกระตุกเกร็งตอดรัดเขาจนรู้สึกปวดหนึบจากข้างใน อหัสกรผ่อนแรงลง ยกใบหน้าที่ซุกไซ้อยู่กับซอกคอหอมขึ้นมามองคนใต้ร่าง มือหนาข้างหนึ่งประคองใบหน้าแสนสวยที่ดวงตาฉ่ำปรือ “คุณเสร็จแล้ว” ไร้เสียงตอบรับจากนึกรัก มีเพียงสายตาของเธอที่จับจ้องใบหน้าเขานิ่ง คิดว่าเขาจะถอดถอนแก่นกายที่คาคับอยู่ในตัวเธอออกไป แต่ไม่เลย อหัสกรไม่คิดแบบนั้น เขาไม่ผละห่างแม้แต่มิลเดียวหากยังเสือกไสตัวตนที่ดุดันเข้าไปจนมิดอย่างไม่บอกกล่าวล่วงหน้า “ฮึก” นึกรักนิ่วหน้า พูดอะไรไม่ออก ได้แต่หอบหายใจแรง เหมือนอารมณ์ของเขาจะยิ่งพวยพุ่งหลังจากส่งเธอขึ้นสวรรค์ ชายหนุ่มจึงไม่ออมแรงไว้ เขาทำตามใจตนเองด้วยการรัวสะโพกถี่เร็ว แต่ละจังหวะหนักหน่วงจนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อ นึกรักปล่อยเสียงครางยาวอย่างลืมอาย อารมณ์ของเธอที่ลดทอนอ่อนลงถูกจุดติดด้วยไฟสวาทอีกครั้ง เสียงครางต่ำพร่าดังขึ้นตามลำดับอารมณ์ที่บ้าคลั่ง เขาโหมกายใส่เธอไม่ยั้ง อารมณ์ปรารถนาของอหัสกรโหมเข้าใส่ร่างบอบบางอย่างไร้ปรานีหนักหน่วงบ้าคลั่งราวเกลียวคลื่นที่โถมเข้ากระแทกฝั่งยามพายุกระหน่ำ ร่างกายเสียดสีกันร้อนแรงจนเกิดเสียงน่าอายแต่ยิ่งเป็นการกระตุ้นอารมณ์ให้ลุกฮือไม่มีที่สิ้นสุด “อา...ดี ดีที่สุด จะเสร็จแล้ว” ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้นชายหนุ่มที่เจนสนามก็ดันกายขึ้นขยับสะโพกสอดเสยเข้าออกอีกสองสามครั้งก็ถอดแก่นกายแข็งขึงออกมาจนสุด รูดลำลึงค์ใหญ่โตของตนเองไม่กี่ครั้งหยดน้ำขุ่นข้นก็กระเซ็นพุ่งออกมาโดยมีร่างกายที่อ่อนระทวยของเธอรองรับ ดวงตาคมหลุบมองดูผลงานตัวเอง ก่อนร่างหนาจะทอดกายลงนอนเบียดแนบชิดข้างตัวเธอ อย่าคิดว่าเขาจะหยุดหรือพัก พละกำลังของชายหนุ่มยังเหลือเฟือ เขายังไม่รู้สึกอิ่มในรสรักจากตัวเธอ เวลานี้อะไรก็หยุดยั้งเขาไว้ไม่ได้ ฟ้าหลังฝนสว่างสดใส แต่ฟ้าวันใหม่ของนึกรักนั้น เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม สภาพร่างกายของเธอมันฟ้องและยังมีท่อนแขนที่วางพาดผ่านกลางลำตัวของเธอทั้งคืน หญิงสาวยังไม่ขยับตัวลุกไปไหน นอนลืมตาทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่เพิ่งผ่านพ้น แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าตัวเธอเองไม่ได้ถูกเขาบังคับขืนใจ บรรยากาศรอบตัวมันนำพาเป็นใจ เพียงแค่เขาลุกขึ้นมาถูกเนื้อต้องตัว ยืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไรกับนางแบบสาวสวยคนนั้น และพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่างหากเกิดอะไรขึ้น ตัวเธอก็โอนอ่อนตามไปเกินครึ่งก่อนจะปล่อยให้เขาทำอะไรที่มันเกินเลย นึกถึงที่คุณลุงวีระเคยพูดกับเธอว่า “ลุงอยากให้หนูเป็นลูกสาวคนหนึ่งของลุง ถ้าแอลได้เจอกับพี่โซลก็ลองพิจารณาลูกชายคนนี้ของลุงดูนะลูก ลุงเชื่อว่าโซลดูแลแอลได้ แต่ถ้าไม่ชอบพี่โซลเขาก็ไม่เป็นไร ลุงไม่ได้บังคับ ลุงแค่อยากให้แอลเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ” เธอพอจะรู้ว่าการที่คุณลุงวีระผู้ซึ่งอุปการะดูแลเธอมาตั้งแต่ต้องสูญเสียบิดาไปอย่างกะทันหันและเปรียบเสมือนญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเธอพาเข้ามาทำงานในบริษัท เพราะอยากให้เธอได้ทำความรู้จักกับลูกชายคนโตของท่าน ทว่าเมื่อเธอได้พบหน้าเขา ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบเธอตั้งแต่วันแรกโดยไม่รู้เหตุผล แต่เมื่อเขากับเธอมีความสัมพันธ์กันมาถึงขั้นนี้แล้วเขาบอกว่าพร้อมจะรับผิดชอบ เรื่องเมื่อคืนเธอจึงยินยอม ครู่ต่อมานึกรักก็รู้สึกว่าท่อนแขนที่วางพาดอยู่กลางลำตัวมีการขยับ แต่เป็นการขยับที่โอบร่างเธอกระชับแน่นขึ้นพร้อมกับที่รู้สึกว่าลาดไหล่ด้านหลังกำลังถูกพรมจูบอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง เคลื่อนขึ้นมาถึงพวงแก้ม คนที่ตื่นทีหลังเท้าแขนยกตัวขึ้นมองเห็นว่าเธอตื่นแล้วก็ถามเสียงพร่า “ตื่นนานแล้วเหรอ” หอมแก้มฟอดใหญ่เป็นการปลอบประโลมความรุนแรงที่เขาโหมใส่ร่างน้อย ๆ แสนบอบบางเมื่อคืน “ไม่นานเท่าไหร่ค่ะ” นึกรักตอบเสียงเบา ยังไม่กล้าสบตากับเขาได้อย่างปกติหลังจากคลื่นอารมณ์สวาทที่ถาโถมใส่เมื่อคืนพัดผ่านไปแล้ว อหัสกรยังไล้ริมฝีปากและปลายจมูกดอมดมอยู่ตามพวงแก้ม ซอกคอ มือหนาที่พาดกอดเปลี่ยนมาเป็นสอดเข้าใต้ผ้าห่มกอบกุมทรวงอกอวบเปล่าเปลือย ทำให้นึกรักขดตัวด้วยความกระดากอาย ในสภาวะที่รู้สึกตัวเต็มที่ทำให้เธอไม่กล้าให้เขาบีบเคล้นเต้าเต่ง บอกเสียงอู้อี้ “อื้อ สายมากแล้วนะคะ” “สายแล้วยังไง ยังไม่อยากลุกเลย” เสียงตอบดื้อดึงขณะที่ริมฝีปากชิดกับซอกคอหอมกรุ่น สูดดมกลิ่นกายหอมเฉพาะตัวของเธออย่างไม่รู้จักอิ่ม “ก็ เราต้องกลับบ้าน แล้วตอนนี้ดิฉันก็หิวข้าวแล้วด้วย ลงไปช้าห้องอาหารจะปิดนะคะ” ได้ยินประโยคหลังอหัสกรถึงกับยิ้มออกมา กดจูบหนัก ๆ ลงบนแก้มเนียนใสอีกครั้งด้วยความหมั่นเขี้ยวในความน่ารักของเธอ เมื่อเขายอมปล่อยนึกรักก็กระชับผ้าห่มแนบตัวดันกายลุกขึ้นนั่ง “ไปอาบน้ำด้วยกันไหม” นึกรักรีบส่ายหน้าหวือ “ไม่ค่ะ ต่างคนต่างอาบดีกว่า ท่านรองกลับไปอาบที่ห้องฝั่งโน้น ดิฉันจะอาบที่ห้องนี้” “อยู่กันตามลำพังไม่ต้องเรียกท่านรอง แล้วก็ไม่ต้องแทนตัวว่าดิฉัน ใกล้ชิดกันจนถึงไหน ๆ แล้ว” นึกรักอายหน้าแดงเมื่อเขาเอ่ยย้ำเรื่อง ‘ใกล้ชิด’ “เรียกพี่โซล แล้วก็แทนตัวว่าแอลก็ได้” “ค่ะ พี่โซล” อหัสกรยังยืนมองไม่ยอมขยับ คราวนี้หญิงสาวจึงพูดกับเขาด้วยสีหน้าขึงขัง “เอ่อ ไปสิคะ เดี๋ยวห้องอาหารปิด” คนถูกดุแบบน่ารักยิ้มเบา ๆ “โอเค ๆ เสร็จแล้วเจอกันที่ห้องนี้แล้วค่อยลงไปกินข้าวพร้อมกัน” ตกลงกันเรียบร้อยร่างสูงก็เดินเปลือยกลับห้องของตัวเอง หญิงสาวจึงค่อยระบายลมหายใจออกมา ค่อย ๆ เคลื่อนกายลงจากเตียงหยิบเสื้อคลุมที่กองอยู่กับพื้นมาสวม ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจสภาพร่างกายตัวเองในห้องน้ำอย่างละเอียด มองเห็นร่องรอยช้ำที่เกิดจากการดูดเม้มของริมฝีปากเขาเด่นชัดบริเวณผิวเนื้ออ่อนทั่วทั้งลำตัว หญิงสาวเกิดความวาบหวิวขึ้นมาในอกอีกครั้งเมื่อจดจำความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ดี ตลอดระยะเวลาที่นั่งรถกลับเข้ากรุงเทพฯ นึกรักหลับมาตลอดทางเพราะเมื่อคืนเธอแทบไม่ได้นอนเลย ร่างกายปิดสวิตช์เองโดยอัตโนมัติหลังจากรถแล่นออกจากโรงแรมไม่นาน อหัสกรช่วยปรับเบาะให้เธอนอนหลับได้สบายขึ้นกระทั่งรถยนต์คันหรูขับมาจอดหน้าบ้านของเธอ ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ปลุกคนขี้เซา เขาถือวิสาสะค้นหากุญแจบ้านจากในกระเป๋าถือของเธอแล้วนำไปเปิดก่อนจะขับรถเข้าไปจอดด้านใน นึกรักหลับลึกไม่รู้ตัวแม้แต่ตอนที่เขาอุ้มเธอออกมาจากรถเข้าไปวางลงบนโซฟาภายในบ้าน ร่างสูงย่อตัวต่ำนั่งมองใบหน้าที่พริ้มหลับ ลมหายใจสม่ำเสมอ ดวงตาไล่สำรวจเรือนร่างที่เขาเห็นและสัมผัสมาแล้วทุกตารางนิ้วเมื่อคืนด้วยใจที่เริ่มจะหลงใหล ลำคอขาวผ่องส่วนที่พ้นจากคอเสื้อขึ้นมามองเห็นร่องรอยสีกุหลาบตัดกับผิวขาวเนียน เขารู้ว่าที่มองไม่เห็นยังมีอีกมากก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ระบายลมหายใจแล้วขยับถอยไปนั่งบนโซฟาตัวเล็กนิ่งมองเธออีกครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เริ่มเดินสำรวจภายในบ้าน จนเดินมาที่มุมหนึ่งซึ่งติดกับโซนห้องรับแขกที่นึกรักกำลังหลับอยู่เป็นมุมที่ตั้งโชว์กรอบรูป น่าจะเป็นภาพครอบครัวของเธอ ภาพถ่ายค่อนข้างเก่าสีซีดจาง ชายหญิงในภาพอยู่ในวัยหนุ่มสาวและมีเด็กหญิงอายุราวสามหรือสี่ขวบยืนอยู่ตรงกลาง คงจะเป็นบิดามารดาของเธอ ทั้งสามคนต่างยิ้มให้กล้องด้วยรอยยิ้มและดวงตาของคนที่มีความสุข อหัสกรยืนมองอย่างพินิจอยู่นาน มีความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับใบหน้าบิดาของนึกรัก ทว่าก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน รอยยิ้มบางอย่างผุดขึ้นบนริมฝีปากหยักอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อมองพวงแก้มของเด็กผู้หญิงในภาพที่อิ่มเต็มและประกายตาที่สดใส ครอบครัวของเธอดูมีความสุขดี ต่างจากครอบครัวของเขาที่คนภายนอกมองเข้ามาดูอบอุ่น แต่ใครจะรู้บ้างว่าพอกลับถึงบ้านทุกครั้ง บิดามารดาที่ควงแขนกันยิ้มให้กล้องเวลาออกงานสังคมจะเมินหน้าไปคนละทาง ขณะที่ยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นเสียงงัวเงียของคนที่รู้สึกตัวลุกขึ้นมานั่งมองเขาอยู่อึดใจใหญ่ก็เอ่ยขึ้นมา “มองอะไรอยู่หรือคะ” อหัสกรหันขวับมามอง แล้วเดินเข้ามาหา “ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” “ไม่นาน เอ่อ ท่านรองอุ้มดิฉันเข้ามาในบ้านหรือคะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “ท่านรอง? ดิฉัน? บอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าถ้าอยู่ตามลำพังให้เรียกผมกับแทนตัวว่าอะไร” “ขอโทษค่ะ ดิ...แอลยังไม่ชิน เกรงว่าจะเผลอเรียกท่าน...เอ่อ พี่โซลเวลาอยู่ที่บริษัท จะพยายามนะคะ” ‘ท่านรอง’ ส่ายหน้าไม่ค่อยพอใจนัก “ผมเห็นคุณกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุก คงไม่ว่ากันนะที่ผมถือวิสาสะค้นกุญแจบ้านในกระเป๋าแล้วอุ้มคุณเข้าบ้าน นี่ถ้ารู้ว่าห้องนอนคุณอยู่ไหนก็จะพาไปส่งถึงห้องเลยล่ะ” ชายหนุ่มจ้องหน้า เอ่ยด้วยสีหน้าติดรอยยิ้ม ดวงตาฉายแววล้ำลึกจนนึกรักต้องหลุบสายตาลง มีบางอย่างที่เธอกังวลอยู่ในใจอยากจะเอ่ยปากตั้งแต่ตอนนั่งอยู่ในรถแล้วแต่ความอ่อนเพลียก็เข้าแทรกเสียก่อน พอนึกได้จึงรีบพูด “แล้วเรื่องเมื่อคืน…” “ก็บอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบแน่ แต่อย่าเพิ่งบอกให้ใครรู้…” นึกรักมองหน้าเขาและเขาก็มองตอบเธอ ก่อนจะให้เหตุผล “คุณเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้ยังไม่ถึงสามเดือน ถ้าเราเป็นมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องมันดูจะเร็วเกินไป คนอื่นจะมองคุณไม่ดี ผมน่ะไม่เสียหายอะไรหรอก คงไม่มีใครกล้านินทาให้ผมได้ยินหรือมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ แต่ผมห่วงคุณมากกว่า แล้วก็เรื่องคุณพ่อผม เดี๋ยวผมค่อยเรียนท่านเอง” นึกรักพยักหน้ารับ ความจริงเรื่องนี้ยังไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่เธอคิดอยู่ “แอลไม่ได้กังวลเรื่องนั้นค่ะ” “อ้าว แล้วเรื่องอะไรล่ะ” เสียงถามมีแววฉงน เขามองหน้าอย่างรอฟัง “เรื่อง…ท้อง เราไม่ได้ป้องกันใช่ไหม” อหัสกรนิ่งมอง อึดใจใหญ่จึงพูดขึ้นว่า “ประจำเดือนคุณจะมาอีกกี่วัน รู้หรือเปล่า” “ก็ ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ” “ภายในเจ็ดวันคิดว่าจะมาไหม” เมื่อเขาถาม นึกรักใช้เวลาคิดครู่หนึ่งจึงตอบ “ก็ น่าจะมาค่ะ” เขาพยักหน้า แล้วว่า “งั้นเปอร์เซ็นต์ในการท้องก็น่าจะน้อย เพราะเมื่อคืนสี่ครั้งที่ทำไปผมก็ถอดออกมาทัน” คำพูดแสดงจำนวนนั้นทำให้นึกรักหน้าแดงก่ำขึ้นมายิ่งกว่าเดิม สี่ครั้งของเขาเทียบไม่รู้กับกี่ครั้งของเธอที่เขาส่งเธอพบกับความสุขสม “เป็นอะไรหน้าแดง อายเหรอ” เขาทำเสียงล้อ นึกรักเลยเปลี่ยนเป็นค้อน ปฏิกิริยาที่ทั้งน่ารักและน่ามันเขี้ยวทำให้อหัสกรอดใจไม่ไหวคว้าร่างบางเข้ามาสวมกอดพร้อมกับกดจูบลงบนกลีบปากนุ่มอีกรอบ การได้สัมผัสแนบชิดกันอีกครั้งส่งผลให้อารมณ์ความต้องการคุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง “อื้อ ทะ...พี่โซล จะไม่กลับบ้านเหรอคะ” มือบางวางแปะลงบนหน้าอกแกร่ง ไม่ได้ผลักไสหรือขัดขืนแต่อย่างใด ดวงตาคมจ้องมอง ไม่ตอบแต่โน้มริมฝีปากเข้ามากดจุมพิตอย่างดูดดื่มพยายามแทรกเรียวลิ้นผ่านไรฟันเรียงสวยเข้าไปเกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็ก “อื้อ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD