สองวันต่อมาคุณอนรรฆมณีก็มาหาลูกชายคนโตที่บริษัทโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นางได้เจอกับนึกรักที่เป็นคนลุกขึ้นต้อนรับระหว่างที่จิตรีลุกไปห้องน้ำ
“สวัสดีค่ะ มาพบท่านรองหรือคะ”
นึกรักทำหน้าที่ของเธออย่างเต็มที่ หญิงสาวยิ้มสู้ถึงจะเห็นว่าสายตาของสตรีสูงวัยคนนี้ที่มองเธอจะยังเป็นคำถามอยู่ คนนี้ใช่ไหมคือมารดาของเขา
“เธอเป็นใคร แล้วคุณจิตรีที่ต้องนั่งอยู่ตรงนี้ไปไหน”
“คุณจิตรีไปเข้าห้องน้ำค่ะ”
“แล้วเธอเป็นใคร”
สตรีที่มีท่าทางหยิ่งยโสกับคนที่ดูด้อยฐานะกว่าจ้องหน้าถามจนนึกรักไม่อาจสู้สายตาคู่นั้นได้ หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากตอบว่าเป็นผู้ช่วยของจิตรี เลขาใหญ่ก็รีบเดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณอนรรฆมณี มาพบท่านรองหรือคะ”
“คุณจิตรี ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
น้ำเสียงที่เอ่ยอย่างวางอำนาจ มองผ่านจิตรีไปยังผู้หญิงอีกคน ทำให้เลขาตัวจริงตอบอึกอัก
“เอ่อ ผู้ช่วยจิตรีเองค่ะ”
คุณอนรรฆมณีนิ่วหน้าแวบหนึ่ง สายตายังคงจับจ้องใบหน้าที่ก้มต่ำอย่างสงบเสงี่ยม
“แล้วทำไมวันก่อนฉันมาถึงไม่เจอหล่อนคนนี้”
“เอ่อ พอดีจิตรีให้น้องเขาไปส่งเอกสารที่ฝ่ายอื่นน่ะค่ะ”
“พอดีจริงนะ”
น้ำเสียงของหญิงสูงวัยดังขึ้นอีกระดับ สีหน้าแววตาแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจผู้ช่วยเลขาคนนี้ เห็นหน้าซื่อ ๆ แบบนี้ข้างในเก็บอะไรไว้บ้างอย่าคิดว่าคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาขนาดนี้อย่างนางหรือจะไม่รู้ ดูไม่ออก ตงิดใจตั้งแต่วันนั้น ที่ลูกชายเหมือนจะรีบพาออกจากห้องทำงาน ถึงจะดูไม่ผิดปกติ แต่คนช่างสังเกตเพื่อจับผิดระดับคุณอนรรฆมณีมีหรือจะสัมผัสไม่ได้ ไม่ใช่ว่าตอนนั้นที่ไม่เจอหน้าแม่นี่ หล่อนจะแอบอยู่ในห้องลูกชายหรอกนะ
จิตรีพยายามเก็บอาการหวั่นใจเต็มที่ เพราะถ้าหลุดอะไรออกไป มารดาของอหัสกรที่ขึ้นชื่อเรื่องผูกใจเจ็บและไม่ยอมปล่อยวางคงได้ทำให้บริษัทร้อนเป็นไฟแน่
“คุณโซลไม่เคยบอกฉันว่ามีผู้ช่วยเลขาแล้ว ผู้หญิงคนนี้มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”
มีหรือที่คุณอนรรฆมณีจะยอมจบง่าย ๆ หน้าตาแบบนี้พวกผู้ชายมักจะโดนตกจนหลงโงหัวไม่ขึ้นมานักต่อนัก ผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรนัก เจ้านายหนุ่มหล่อกับเลขาสาวสวยมันก็เหมือนน้ำมันกับไฟ ถ้าคิดจะมาอ่อยลูกชายของนางล่ะก็แล้วก็อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย
จิตรีลอบกลืนน้ำลาย นึกรักเองก็รู้สึกอึดอัดลำบากใจ เธอไม่เคยเจอหน้าภรรยาของคุณลุงวีระมาก่อน พอได้เจอก็เห็นว่าเป็นคนสวยมากแม้อายุจะไม่น้อยแล้ว แม้จะสง่างามแต่ดูออกจะเจ้ายศเจ้าอย่างและวางอำนาจ สายตาที่มองเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
“บอกมาสิ ผู้หญิงคนนี้มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าอยู่ ๆ จะมีตำแหน่งผู้ช่วยเลขาขึ้นมา” อหัสกรทำท่าจะปฏิเสธเมื่อเธอเสนอให้พิมพ์พิศาที่เธอหมายตาไว้ให้ลูกชายมาฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขา และพูดเหมือนกับว่าจิตรีทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องมีผู้ช่วย แล้วจู่ ๆ มีผู้ช่วยเลขามานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่หน้าห้องแล้วแบบนี้ มันหมายความว่าอย่างไร
จิตรีเริ่มรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเหลือน้อยลงทุกที ที่คุณอนรรฆมณีพูดมาก็ถูก อยู่ ๆ จะมีตำแหน่งผู้ช่วยเลขาขึ้นมาได้อย่างไร
“เอ่อ ท่านประธานวีระให้น้องนึกรักเข้ามาทำงานค่ะคุณอนรรฆมณี”
ได้ยินชื่อสามีหญิงสูงวัยที่มีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ ประกายในตากลับวาวโรจน์ขึ้น นางค่อนข้างแน่ใจว่าสามีต้องมีจุดมุ่งหมายบางอย่างถึงได้เอาผู้หญิงคนนี้มาทำงานกับลูกชาย ดวงตาที่มองอย่างเหยียดหยันตั้งแต่ต้นกวาดมองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แน่ล่ะว่าหล่อนสวย แต่จะมีโคตรเหง้าวงศ์ตระกูลเหมาะสมกับลูกชายหรือไม่อันนี้ไม่แน่ใจ แต่ต่อให้เลิศเลอมาจากไหนก็ตามหากเป็นคนที่สามีของนางหามาล่ะก็ นางไม่มีวันยอมให้เขาสมปรารถนาแน่
อหัสกรเพิ่งออกมาจากห้องน้ำส่วนตัวในห้องทำงาน ร่างสูงหยุดนิ่งเมื่อได้ยินเสียงมารดาที่ค่อนข้างดังและฉุนเฉียวอยู่ด้านนอก เขารู้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ จึงรีบสาวเท้าออกมาดู
“คุณแม่”
“คุณโซล บอกแม่ซิว่าลูกไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนที่พ่อของลูกหามาให้ ถ้าจะเอาก็แค่ชั่วคราว”
“คุณแม่!”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเรียกมารดาอย่างตระหนก เหลือบมองไปที่นึกรักแวบหนึ่งไม่คิดว่ามารดาจะกล้าพูดคำที่ไม่สมควรพูดแบบนี้ออกมาได้ เขารู้นิสัยมารดาดีว่าถ้าโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แต่ตอนนี้มันอยู่ในบริษัทและมีคนอื่นได้ยินด้วย
“เข้าไปคุยในห้องเถอะครับ”
ลูกชายเข้ามาประคองร่างมารดาที่ยังจ้องหน้านึกรักอย่างไม่ละสายตาเข้าไปคุยกันในห้อง
“คุณโซล ตอบแม่มาสิว่าลูกไม่คิดจะเอาผู้หญิงคนนั้นมาเป็นเมียจริง ๆ”
“คุณแม่ มันจะไปกันใหญ่แล้วครับ”
“ไม่ใหญ่ล่ะ แม่รู้ แม่รู้ว่าการที่พ่อของลูกให้ผู้หญิงคนนั้นมาทำงานกับลูกเพื่อหวังอะไร...”
สายตาของมารดาจ้องหน้าลูกชายเพื่อค้นหาสิ่งที่เขาเหมือนพยายามจะปิดบังไว้
“หรือว่า...หรือว่าลูกได้กับแม่ผู้ช่วยเลขานั่นแล้ว นี่ แม่บอกไว้เลยนะ ว่าถ้าจะเอาให้เอาเล่น ๆ เท่านั้น ห้ามเอามันขึ้นมาออกหน้าออกตา แม่หาคนดี ๆ ให้ลูกแล้ว ลูกต้องเชื่อแม่อย่าไปเชื่อพ่อของลูกเด็ดขาด”
“คุณแม่ คุณแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ”
ผู้เป็นลูกเข้ามาโอบกอดมารดาไว้ให้ใจเย็นเมื่อเห็นว่าอารมณ์เริ่มจะเกรี้ยวกราดมากขึ้นทุกทีเพื่อให้นางสงบลง
“วันนี้แม่ตั้งใจมาหาลูก จะพาลูกไปพบกับน้องเพิร์ล แม่นัดน้องไว้ที่ร้านอาหารแล้ว”
อหัสกรพาคุณอนรรฆมณีมาที่ร้านอาหารหรูตามที่มารดานัดหมายไว้กับพิมพ์พิศา เมื่อมาถึงหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว คุณอนรรฆมณีแนะนำให้หนุ่มสาวรู้จักกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
“นี่น้องเพิร์ล จำกันได้มั้ยลูก”
ดวงตาคมมองใบหน้าสวยสะดุดตาที่แต่งหน้ามาแบบ Makeup no Makeup ของหญิงสาวแล้วยิ้ม พร้อมทั้งพยายามนึกใบหน้าเธอในวัยเด็กที่เขาพบเจอมา
เขาจำได้ว่าเธอในตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วเขาต้องเอาตุ๊กตาไปปลอบจนหยุดร้องไห้ พอมาเจอตอนโตอีกครั้งต้องยอมรับว่าเธอสวยขึ้นมาก แถมยังดูเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมากอีกด้วย
“จำได้สิครับ ตอนนั้นน้องร้องไห้ ผมเลยเอาตุ๊กตาไปให้”
เขาพูดถึงความหลังทำเอาสาวเจ้าหัวเราะอย่างอาย ๆ ออกมา อหัสกรเผลอมองรอยยิ้มนั้น
“อุ๊ย พี่โซลจำเรื่องนี้ได้ด้วยเหรอคะ นี่เพิร์ลไม่เคยบอกใครเลยนะ”
แค่เจอหน้ากันไม่กี่นาทีดูคนทั้งสองจะเข้ากันได้ดี พูดคุยกันอย่างไม่ขัดเขิน
“สวยขึ้นจนพี่จำไม่ได้เลยครับ ถ้าคุณแม่ไม่แนะนำพี่ก็คงไม่รู้ว่าเป็นน้องเพิร์ลที่เคยเจอตอนเด็ก”
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่โซล”
“น้องเพิร์ลเพิ่งไปเดินแบบการกุศลมาเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน แม่ว่าเหมือนเห็นคุณโซลก็ไปงานนั้นนี่” เสียงนักชงมือเอกเสริมขึ้น
อหัสกรออกงานสังคมเป็นเรื่องปกติ และงานการกุศลก็เป็นเรื่องที่นักธุรกิจมักได้รับเชิญเข้าร่วม การเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ตามโอกาสจึงทำให้เขาได้พบเจอกับบรรดาสาวสวยจากหลากหลายวงการ
“เพิร์ลเพิ่งกลับมาจากอังกฤษได้ไม่กี่วัน คุณแม่ก็ชวนให้ไปช่วยงานการกุศลน่ะค่ะ”
อหัสกรนึกย้อนไปงานวันนั้น นางแบบชุดฟินาเลค่อนข้างโดดเด่นสะดุดตาทีเดียว เขาหันมามองพิมพ์พิศาอีกครั้ง
“อย่าบอกนะว่า น้องเพิร์ลคือคนเดินชุดฟินาเล”
“ว้าว พี่โซลจำได้ด้วยว่านั่นเป็นเพิร์ล ปลื้มจังเลยค่ะ” พิมพ์พิศาหัวเราะคิกคัก
ทั้งสองคนคุยกันสบาย ๆ ดูสนิทสนิมกันเร็วเหมือนรู้จักกันมานานแล้วทั้งที่เคยเจอกันเพียงครั้งเดียวในวัยเด็ก คนเป็นแม่ที่พาลูกชายมาพบหน้าสาวเพื่อสานสัมพันธ์ก็นั่งยิ้มด้วยความพออกพอใจ เห็นแบบนี้อนาคตต้องไปได้สวย นังคนที่สามีของนางเอามายัดเยียดให้ลูกชายนั่นน่ะหรือจะมาสู้คนที่นางเลือกเฟ้นมา
ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงที่ร้านอาหาร กว่าที่อหัสกรจะขอตัวกลับเข้ามาทำงานต่อที่บริษัท ส่วนมารดาแยกไปกับพิมพ์พิศาเพื่อไปดูเครื่องประดับที่สั่งไว้ อหัสกรรู้เจตนารมณ์ของมารดาดีว่าต้องการจับคู่เขากับพิมพ์พิศา ในความคิดของเขาแล้ว ผู้หญิงที่มารดาพามาแนะนำนั้นก็ไม่เลว ถ้าได้ศึกษากันเขาอาจจะจริงจังกับเธอคนนี้ขึ้นมาก็ได้ กระนั้นการที่จะไปถึงขั้นแต่งงานกันด้วยหรือไม่นั้นมันก็คงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้กัน ถ้าไม่มีอะไรติดขัด ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีหรืออาจจะมีอะไรที่เข้ากันไม่ได้อยู่บ้าง ก็คงไม่มีปัญหา เรื่องแต่งงานก็คงตามมา ตัวเขาเองก็คิดว่าถึงเวลาสมควรแล้วที่จะสร้างครอบครัวของตัวเองขึ้นมา ... ผู้หญิงอีกคนหนึ่งนั้นไม่ได้อยู่ในแผนที่จะสร้างครอบครัวของเขา