เกือบไปแล้ว…7/2

2448 Words
ผู้บริหารหนุ่มเรียกมารดาด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึง เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนเด็กทำความผิดแล้วถูกผู้ปกครองจับได้ หัวใจเต้นแรง เหงื่อซึมออกมือจนรู้สึกได้ นึกรักที่ยังกอบกุมท่อนลำของเขาไว้ในมือสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงเขาเอ่ยเรียกคนที่เปิดประตูเข้ามา จิตรีเดินตามหลังคุณอนรรฆมณี (อะ-นัก-คะ-มะ-นี) มารดาของเจ้านายเข้ามา เลขาใหญ่เหลือบตามองเขาด้วยสายตาที่บอกว่าไม่สามารถห้ามเอาไว้ได้และขอโทษที่ไม่อาจส่งสัญญาณให้รู้ล่วงหน้าได้ อหัสกรพยักหน้าเป็นคำสั่งให้จิตรีออกไปก่อน จากนั้นจึงหันกลับมาพูดกับมารดาที่เพิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน ใบหน้ามารดาในวัยหกสิบยังเต่งตึงด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยในการยกกระชับ จึงทำให้ยังดูสาว “คุณแม่จะมาทำไมไม่โทร. บอกผมก่อนครับ” ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดเหยียดออกเป็นรอยยิ้ม เลิกคิ้วมองหน้าลูกชายยามพูดว่า “แม่อยากจะพบคุณโซล แม่ต้องโทร. นัดก่อนเหรอ” อหัสกรหลบเลี่ยงสายตากับมารดาชั่วขณะหนึ่ง หลุบตาส่งสัญญาณบอกให้คนที่หลบซ่อนอยู่ใต้โต๊ะนิ่งไว้ ซึ่งไม่ต้องเอ่ยคำใดนึกรักก็เข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี เธอค่อย ๆ เก็บอาวุธของเขาให้เข้าที่ จัดการรูดซิปโดยไม่ให้เกิดเสียง โชคดีที่เข็มขัดเป็นแบบหัวแผ่นทำให้จัดเข้าที่เดิมได้ง่ายกว่าแบบหัวเข็ม “ก็ เผื่อผมติดประชุม หรือมีนัดกับลูกค้าข้างนอก คุณแม่มาก็จะไม่เจอผม” “แต่วันนี้แม่มาก็เจอลูกนี่ไง” รอยยิ้มที่ระบายออกมาบนใบหน้ามารดาบ่งบอกว่านางเป็นคนที่มีการวางแผนล่วงหน้าและรอบคอบเสมอ ซึ่งอหัสกรรู้นิสัยของคุณอนรรฆมณีข้อนี้ดีแต่ที่เขาถามก็เพื่อหาหัวข้อสนทนาเท่านั้น ชายหนุ่มทำท่าพลิกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา ก่อนจะยิ้มให้มารดาแล้วเอ่ยชวน “ใกล้เที่ยงแล้ว ผมว่าเราออกไปหาร้านทานอาหารข้างนอกกันดีกว่าครับ” “อืม ก็ดีนะ แม่มีเรื่องจะพูดกับลูกด้วย” “ครับ” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นด้วยสภาพการแต่งกายที่เรียบร้อยดีแล้ว ก้าวออกมาจากหลังโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าท่าทีไม่บ่งบอกพิรุธใด ๆ มือหนาโน้มลงมาช่วยประคองร่างมารดาให้ลุกขึ้นอย่างทะนุถนอม จากนั้นสองแม่ลูกก็เดินเคียงข้างกันออกจากห้องทำงานโดยที่ชายหนุ่มไม่ได้หันกลับมามองเบื้องหลังอีกเลย นาน... จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดเข้ามาในห้องนี้อีกนึกรักจึงได้ค่อย ๆ คลานออกมาจากใต้โต๊ะทำงานตัวใหญ่ โผล่ศีรษะขึ้นมากวาดสายตาไปรอบห้องอย่างระแวงเมื่อภายในห้องว่างเปล่าจึงพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หัวใจที่เต้นแรงด้วยความตื่นเต้นลดลงแล้ว เป็นการดีที่เธอทำให้เขาปลดปล่อยน้ำที่คั่งค้างออกมาก่อนไม่งั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าหากมารดาของเขาเข้ามาในจังหวะครึ่ง ๆ กลาง ๆ คงสุ่มเสี่ยงที่จะถูกจับได้ ถ้าเป็นแบบนั้นนึกรักคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ฟู่... หญิงสาวเป่าลมหายใจออกทางปาก ลุกขึ้นยืน ไม่ลืมหอบแฟ้มงานที่นำเข้ามาให้เขาเซ็นกลับออกไปด้วย เมื่อนึกรักเดินกลับมานั่งประจำที่ทำงานข้างกับจิตรีสายตาอีกฝ่ายก็เหลือบมองเธอแทบจะทันที นึกรักหันมาสบตาก่อนจะก้มหน้าหลบ คนที่ผ่านโลกมามากกว่ามองปราดเดียวก็รู้ว่าภายในห้องทำงานเมื่อครู่คงจะมีอะไรเกิดขึ้นมากกว่าการนำงานเข้าไปให้ผู้บริหารเซ็น ตอนที่ตนตามคุณอนรรฆมณีเข้าไปก็ไม่เห็นนึกรักอยู่ ไม่รู้ว่าหญิงสาวไปหลบอยู่ตรงไหน ทว่าความไม่เรียบร้อยที่ปรากฏให้เห็นก็บ่งบอกอะไรได้ “ผูกโบว์ให้เรียบร้อยด้วยจ้ะ ปล่อยให้หลุดลุ่ยแบบนั้นใครเห็นเข้าจะดูไม่งาม” คำว่า ‘ไม่งาม’ จิตรีหันมาเน้นเสียงหนัก จ้องตาจนนึกรักนึกละอายใจ สายตาของเลขาสาวใหญ่ที่แสดงให้เห็นว่าล่วงรู้เรื่องที่เกิดขึ้น หญิงสาวค้อมศีรษะเป็นการขอโทษ แล้วรีบจัดการเสื้อผ้าส่วนที่ยังไม่เรียบร้อยเสียโดยเร็ว จิตรีลอบถอนหายใจ อหัสกรขับรถพามารดาที่ใบหน้ายังเต่งตึงอ่อนกว่าวัยราวกับสาวอายุสามสิบมานั่งในร้านอาหารที่ท่านเป็นคนเลือก ระหว่างที่รอรายการอาหารที่สั่งมารดาที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับบุตรชายแล้วก็เอ่ยขึ้นก่อน “ลูกจำน้องเพิร์ลได้ไหมลูก ที่เคยเจอกันตอนเด็ก ๆ ตอนนี้น้องเรียนจบกลับมาจากอังกฤษแล้วนะ แม่อยากให้น้องมาฝึกงานเป็นเลขาลูก น้องจบมาตรงสายนี้เลย” ลูกชายนิ่วหน้ามองใบหน้าที่มีรอยยิ้มขณะที่พูด เขาไม่ได้สนใจนึกถึงใบหน้าของเด็กหญิงที่มารดาพูดถึง “ผมมีคุณจิตรีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีใครมาเพิ่มหรอกครับ” “ก็ให้น้องมาฝึกไว้ไง คุณจิตรีควรจะมีผู้ช่วยนะ งานของลูกขยายมากกว่าเมื่อก่อนตั้งมาก แล้วอีกหน่อยคุณจิตรีก็ต้องเกษียณ” มารดาถึงขนาดวางแผนล่วงหน้าว่าคุณเลขาของเขาจะเกษียณซึ่งนั่นมันอีกตั้งเกือบยี่สิบปี คุณจิตรีเพิ่งจะสี่สิบสองเท่านั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแม่ของเขาต้องการอะไร อหัสกรหันหน้ามองไปทางอื่น ท่าทางไม่ได้ตอบรับและไม่ได้ตอบปฏิเสธ “คุณจิตรียังไม่ได้จะเกษียณเร็ว ๆ นี้หรอกครับ” “นี่แม่ให้น้องมาฝึกงานด้วยแค่นี้จะไม่ได้เหรอ เราเป็นเจ้าของบริษัทเองจะทำไงก็ได้ใครจะกล้าว่า จะเอาใครเข้าใครออกเองก็ได้” อาหารที่สั่งมาเสิร์ฟลูกชายทำท่าทางว่าอยากรับประทานอาหารมากกว่าจะคุยเรื่องนี้ เอ่ยโดยไม่สบตามารดา “ขอคิดดูก่อนนะครับคุณแม่” “คิดได้แต่อย่าคิดนานนะคะคุณโซล แม่ไม่ค่อยจะขออะไรจากคุณโซลเลย มีแต่คุณพ่อเขานั่นแหละที่ขอ” มารดาเล่นบทแง่งอนลูกชายขึ้นมาทันที อหัสกรเหลือบตามองสีหน้ามารดาแต่ก็ไม่พูดอะไรต่อในเรื่องนี้ ใกล้เวลาเลิกงานนึกรักได้รับข้อความจากท่านรองส่งมาบอกว่า ‘เจอกันที่บ้านเย็นนี้’ หญิงสาวอ่านข้อความแล้วคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง ในใจเกิดความปั่นป่วนแต่ก็เก็บซ่อนความรู้สึกเหล่านั้นไว้ภายใต้ใบหน้าที่เงียบสงบ เธอไม่อยากคาดเดาว่าที่เขาจะมาหาเธอถึงบ้านนั้น เขาอยากมาทำอะไร วันนี้ไม่ใช่วันหยุด หรือวันสุดท้ายของสัปดาห์ตามที่ตกลงกันไว้เสียหน่อย เลยเวลาเลิกงานไปกว่ายี่สิบนาทีแล้วแต่นึกรักยังนั่งก้มหน้าทำงานต่อโดยไม่รีบเร่งออกไปไหน จนกระทั่งเลขาสาวใหญ่เก็บของใช้ลงกระเป๋าส่วนตัวพลางหันมาบอกผู้ช่วยสาวที่ทำงานดีเรียนรู้เรื่องงานได้ค่อนข้างรวดเร็วที่ยังก้มหน้าทำงานอยู่ว่า “กลับกันเถอะแอล พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ” นึกรักหันไปพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ” หญิงสาวใช้เวลาเดินทางจากบริษัทมาถึงบ้านที่เธออยู่อาศัยราวห้าสิบนาที เมื่อลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็เห็นยนตรกรรมหรูสัญชาติเยอรมันจอดรออยู่หน้าบ้านแล้ว หญิงสาวค้นหากุญแจเปิดประตูรั้วหน้าบ้านให้กว้าง รถคันหรูก็ขับเข้ามาจอดดับเครื่องอยู่ภายในจากนั้นเจ้าตัวก็เปิดประตูลงมาจากรถเป็นเวลาที่นึกรักเลื่อนประตูรั้วปิด รอยยิ้มบางเบาแย้มออกเมื่อสบตากัน “มาถึงนานหรือยังคะ” “ก็ชั่วโมงได้” หญิงสาวทำหน้าตกใจ ตั้งแต่เขาออกไปกับมารดาช่วงกลางวันอหัสกรก็ไม่ได้กลับเข้าบริษัทอีก และวันนี้ก็ไม่มีนัดหรืองานด่วนที่ต้องเซ็น “กลับบ้านช้านะ” เขาพูดขณะที่เดินตามหลังหญิงสาวเข้าไปในบ้าน นึกรักอึกอัก เสียงเข้มจึงเอ่ยต่อ “ก็บอกแล้วไงว่าถึงเวลาเลิกงานแล้วก็ออกมาได้เลย” “ไม่ดีมั้งคะ พี่จิตรีก็ยังไม่กลับเลย ถ้าแอลออกมาก่อนจะดูเสียมารยาทค่ะ” อหัสกรระบายลมหายใจออกยาว พูดเอาแต่ใจตัวเองและกระทบเธอด้วย “คุณพ่อผมจ่ายเงินเดือนคุณโดยตรง คุณจะกลับตรงเวลาหรือกลับก่อนคุณจิตรีก็ไม่มีใครว่าอะไรคุณหรอก” อหัสกรพูดตามหลังคนที่กำลังเปิดตู้เย็น หยิบน้ำออกมารินใส่แก้วแล้วนำมาเสิร์ฟให้เขาอย่างเอาใจ “หิวไหมคะ แต่ในตู้เย็นไม่ค่อยมีของสด ถ้าจะทานแค่ไข่เจียวแอลทำให้คุณได้ ไม่ก็โทร. สั่งให้ไรเดอร์มาส่งได้ค่ะ” แม่ครัวยิ้มกว้างเต็มใจนำเสนออาหารที่เธอคิดว่าทำได้อร่อยที่สุด รอยยิ้มนั้นค้างอยู่บนใบหน้าสวยหวานนานจนคนมองชักเคลิ้มก่อนจะพยักหน้ายิ้มตาม “เย่ คุณโซลจะทานไข่เจียวฝีมือแอล รอแป๊บนึงนะคะ” หญิงสาวชูมือ ร้องดีใจเหมือนเด็กหญิงอายุห้าขวบในความคิดของเขา นึกรักลุกขึ้นแล้วหมุนตัวเข้าไปในครัวด้วยท่าทางกระตือรือร้น มือเรียวขาวหยิบผ้ากันเปื้อนที่ห้อยอยู่บนผนังมาสวม เปิดตู้เย็นหยิบวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารออกมา อหัสกรนั่งมองภาพที่เธอก้มหยิบจับสิ่งต่าง ๆ อย่างเพลินตาโดยไม่ลุกไปไหน “ในตู้เย็นมีผักกับหมูสับด้วย แอลทำต้มจืดเพิ่มดีกว่า คุณโซลรออีกแป๊บนึงนะคะ จะได้มีน้ำซุปให้ซดด้วย” นึกรักหันมาบอก ชายหนุ่มพยักหน้าตามใจเธอ ยอมรับว่าตอนแรกไม่ได้คิดจะมารับประทานอาหารแต่อยากจะมารับประทานอย่างอื่นแล้วจะกลับ แต่พอได้กลิ่นไข่เจียวหอม ๆ ตอนนี้เขาก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้วเหมือนกัน จนกระทั่งไข่เจียวแผ่นใหญ่หอมกรุ่นยกมาเสิร์ฟ ทั้งสองคนจึงนั่งกินข้าวไข่เจียว ต้มจืดและน้ำพริกปลาดุกฟูสำเร็จรูปที่นึกรักมีติดครัวไว้ มื้อเย็นที่แสนง่ายดายซึ่งอหัสกรไม่เคยกินอะไรง่ายขนาดนี้มาก่อน นึกรักตักไข่เจียวใส่จานให้เขาอย่างเอาใจ เมื่อคนตัวโตสบตาเธอก็ยิ้มตาหยี “ลองทานดูค่ะ อาหารธรรมดา ๆ ที่ทานได้บ่อย ๆ ไม่มีเบื่อ” นั่นสินะ คงจะเหมือนเธอที่เขารู้สึกว่าธรรมดาแต่ทำไมถึงอยากกินบ่อย ๆ ส่วนเรื่องไม่มีเบื่อ...คงไม่ใช่ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่เบื่อก็เท่านั้น ชายหนุ่มขยับช้อนตักอาหารเข้าปากในขณะที่คนทำคอยมองดูปฏิกิริยาคำแรก เมื่อเห็นเขากลืนลงไปก็รีบถาม “รสชาติเป็นไงคะ ทานได้ไหม” “อื้อ อร่อยดี” ได้ยินคนกินบอกว่าอร่อย คนทำก็เปิดปากยิ้มกว้าง หันกลับมาตักไข่เจียวใส่จานตัวเองแล้วกินบ้าง ทั้งสองคนคุยกันเรื่องอาหารที่ชอบแล้วเลยไปถึงเรื่องของสาระน่ารู้ต่าง ๆ ที่มีคนนำมาแชร์ในแอปพลิเคชันรูปตัวโน้ตซึ่งอหัสกรไม่เคยใช้งานจนกระทั่งอิ่มอาหาร หญิงสาวบอกให้เขาไปนั่งที่โซฟาพร้อมจัดผลไม้ที่มีในตู้เย็นให้ ส่วนตัวเธอก็ทำความสะอาดจานชามและครัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงกลับมานั่งด้วยกัน คราวนี้ที่หญิงสาวรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ทั้งที่อากาศภายนอกก็ปกติ ฝนก็ไม่ตก แต่เป็นผลมาจากสายตาเชื่อมหวานคู่นั้นต่างหากที่กำลังบอกว่าต้องการอะไร “พี่โซลจะกลับเลยหรือเปล่าคะ” “ยัง” ตอบพลางยกยิ้มขึ้นมุมปาก เขาอ่านความคิดจากสายตาที่ดูประหวั่นคู่นั้นได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ คิดจะบ่ายเบี่ยงเขาเหรอ ไม่มีทาง “คุณคิดว่าที่ผมมานี่เพราะอยากมากินอาหารอย่างเดียวเหรอแอล” “เอ่อ แต่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดนะคะ ไหนพี่โซลบอกว่าจะมาแค่วันหยุดไม่ใช่เหรอคะ” “ก็ผมเปลี่ยนใจไม่ได้เหรอ” นึกรักหลุบตาหลบ ก้มมองปลายนิ้วที่กดบีบกันอย่างไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ก่อนจะเหลือบตามองสบกับดวงตาที่ฉายแววล้ำลึกที่จับจ้องใบหน้าเธออยู่ “แอลไม่อยากทำแบบนั้นในห้องทำงานอีกแล้วนะคะ กลัวใครมาเห็น แอลไม่สบายใจเลยค่ะ” หญิงสาวคิดไปถึงสายตาของจิตรีที่มองอย่างรู้ทันและทำให้เธอรู้สึกละอายใจจนบอกไม่ถูก “ผมก็ไม่เคยคิดจะทำเรื่องแบบนี้ในห้องทำงานมาก่อนเหมือนกัน แต่กับคุณมันอดใจไม่ไหวจริง ๆ ถึงได้กลับมาต่อที่บ้านไง” “นึกว่าพอแล้วเสียอีก ในห้องทำงานพี่โซลก็...” นึกรักก้มหน้า หยุดคำพูดไว้ในฐานที่เข้าใจ “ยังไม่พอน่ะสิ” อหัสกรตอบกลั้วรอยยิ้ม พร้อมกันนั้นเขาก็โน้มตัวเข้าหาสองแขนกอดรัดร่างเนียนเข้ามาแนบชิดนัวเนีย มือก็ทำหน้าที่ปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ห่อหุ้มเธออยู่ออกทีละชิ้นอย่างไม่เร่งรีบ ซุกใบหน้าเข้าหาผิวเนื้อนวลเปล่าเปลือย นึกรักที่ยังพอควบคุมสติตัวเองได้รีบบอก “แอลยังไม่ได้อาบน้ำเลยค่ะ ตัวก็เหม็นเหงื่อ” “ไม่เหม็น คุณหอม” เสียงพร่าตอบชิดลำคอระหงก่อนจะดูดดึงผิวเนื้อตรงนั้น หญิงสาวรีบย่นคอหลบใช้ฝ่ามือออกแรงดันใบหน้าเขาออกเล็กน้อยเพื่อเจรจากันก่อน “ไม่ทำรอยได้ไหมคะ พรุ่งนี้ต้องทำงาน เดี๋ยวคนเห็นเข้าค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD