Hi, Darling 6

3258 Words
Hi, Darling 6 “หันมาหน่อย สวย” “ขยับซ้ายอีกนิด โอเคเริส” เสียงเราทั้งสามดังขึ้นเป็นระยะ เรียกความสนใจจากคนอื่นได้บ้างเป็นครั้งคราวแต่จะไม่เป็นจุดสนใจจะดีกว่านี้ ก็แน่ล่ะเล่นถ่ายรูปกันทั่วหาดแบบนี้เป็นใครก็ต้องหันมามองบ้างแหละ เรานัดกันใส่ชุดว่ายน้ำทั้งฉันและหยก แต่ก็กลัวจะโป๊เกินไปจึงมีเสื้อคลุมแบบตาข่ายที่ความยาวถึงต้นขาสวมคลุมไว้อีกชั้น ของฉันใส่สีขาวส่วนหยกใส่สีดำ กลัฟสวมกางเกงขาสั้นสามส่วนท่อนบนเสื้อฮาวายและคอยเป็นตากล้องให้ฉันกับหยก เมื่อถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจก็กลับมานั่งที่ร่มกินขนมเล่นอย่างสบายอารมณ์ ร่มสนามหลังนี้มีโต๊ะเก้าอี้สามชุดเรียงอยู่ซึ่งเราก็ได้จองไว้แล้วรวมทั้งสั่งอาหารมานั่งกินกันที่นี่ฝากท้องในมื้อเที่ยง ส่วนตอนเย็นเราจะไปร้านซีฟู้ดที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม “อิ่มอ่ะ” “เหมือนกัน เฮ้อ มีความสุขจัง ได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้ นานแล้วเนอะที่เราไม่ได้เที่ยวด้วยกัน” “จริง นานอ่ะ ทั้งที่ก็คุยกันทุกวันแต่ทำไมฉันถึงคิดถึงพวกแกก็ไม่รู้” “อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เราอยู่ด้วยกันตลอดล่ะมั้ง พอต้องห่างมันเลยรู้สึกแปลก ๆ ” “เฮ้อ อยากให้วันนี้เวลาเดินช้า ๆ จัง ยังอยากอยู่กับพวกแกอยู่เลย” ฉันเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเพื่อน อยากอยู่กับเพื่อนนาน ๆ อยากเล่น อยากสนุกไปพร้อมกับเพื่อน แต่ก็ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ทุกคนต่างมีงานมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบ “พอ ๆ ไม่เครียดกันแล้ว เรามาทำวันนี้ให้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดกันเถอะ” กลัฟบอกกับพวกเราด้วยน้ำเสียงร่าเริง “อื้อ ได้เลย แต่ก่อนอื่นเราขอกินก่อนหิวอ่ะ” หยกตอบกลับ จากนั้นเราต่างกินและพูดคุยกันไปเรื่อย ฉันยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำมะพร้าวปั่นขึ้นมาดูด พร้อม ๆ กับโทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้าดังขึ้นมา เป็นสายวีดีโอคอลจากพี่กริช ฉันหยิบหูฟังในกระเป๋ามาเสียบเข้ากับโทรศัพท์จากนั้นก็กดรับสายที่โทรเข้ามาทันที รอสักพักสัญญาณในโทรศัพท์ก็เชื่อมสำเร็จ ใบหน้าที่ดูดีราวกับนายแบบของพี่กริชขึ้นโชว์ที่หน้าจอโทรศัพท์ฉัน ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดเลย ดูจากภาพด้านหลังเดาว่าเขาเพิ่งจะตื่นแน่ ๆ เพราะด้านหลังยังเป็นเตียงนอนของเขา ภายในห้องยังดูมืดอึมครึมอยู่เลย (ไปเที่ยวไหนครับ) อา มั่นใจแล้วล่ะว่าเขาเพิ่มตื่นจริง ๆ น้ำเสียงแหบๆ ของเขาในยามเช้าดูฟังเซ็กซี่ไม่น้อย ทั้งที่ก็โทรคุยแบบนี้กันบ่อยเวลาที่ต้องอยู่ห่างกัน แต่ก็ไม่เคยที่จะชินเสียที “อยู่ที่หาดติดกับโรงแรมค่ะ เพิ่งตื่นเหรอ?” (ครับ เมื่อคืนพอวางสายจากหนูก็มีเคสเข้ามาพอดีน่ะ กินข้าวหรือยัง) “กำลังกินค่ะ” (งั้นเหรอ กลับพรุ่งนี้ใช่ไหม?) “ใช่ค่ะ ทำไมเหรอ” ฉันถามกลับมือก็ยื่นไปหยิบผลไม้มากิน (ก็เปล่า พี่ถามไว้ แล้วจะกลับมาถึงประมาณกี่โมงให้แม่บ้านทำกับข้าวไว้ให้ไหมหรือเราจะออกไปกินข้างนอกกัน) “กินที่บ้านก็ได้ค่ะ แม่กลับหรือยัง” (ยังครับ บอกจะรอเราก่อน พ่อกับแม่ทะเลาะกันอยู่น่ะ อาจจะอยู่กับเราสักพักเราโอเคไหม) ทำไมต้องถามฉันด้วยล่ะ ฉันเป็นแค่ผู้อาศัยเขาเองนะ ที่จริงไม่ต้องถามฉันเลยก็ได้ “หนูโอเค อีกอย่างนั่นบ้านพี่หนูเป็นแค่คนอาศัยไม่มีสิทธิ์ติดสินใจอะไร...” (บ้านของเรา บ้านพี่กริชกับน้องเฟื่อง อย่ามาพูดว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา) อีกฝ่ายเอ่ยขัดเสียงเข้ม แววตาที่มองมานั้นคล้ายน้อยใจอยู่ไม่น้อย “ก็นั่นมันบ้านพี่...” (บ้านเรา ถ้ายังพูดว่าบ้านพี่อีกนะเฟื่อง) “แล้วทำไมต้องดุหนูแค่พูดเรื่องจริง” (แปบนะเฟื่อง พ่อเรียก // กริช เย็นนี้ไปทานข้าวกับพ่อนะ // ผมเหนื่อยครับพ่อ ผมไม่อยากไป) “...” (แกต้องไป แกก็รู้ว่าหนูจินคิดยังไงกับแก เรื่องหมั้นกับเฟื่องแกก็ไม่ต้องคิดมากแกไม่ได้อยากหมั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ปล่อยแม่แกไป ถ้าอยากคบกับหนูจินพ่อจะช่วยเอง แม่แกยึดติดกับฝั่งนั้นเกินไปก็แค่คำสัญญาตอนสาว ๆ ยังไงหนูจินก็เหมาะกับแก...) ฉันกดวางสายก่อนที่จะได้ยินอะไรไปมากกว่านี้ มีเรื่องที่ฉันรู้เพิ่มอีกหนึ่งเรื่องแล้วคือพี่กริชไม่เคยคิดจะอยากหมั้นกับฉัน และเขาอยากจะคบกับคนที่ชื่อจิน บางทีเรื่องจริงที่ได้รับรู้ มันก็เจ็บปวดเหมือนกันนะว่าไหม ช่วงเวลาแห่งความสุขและการฮีลตัวเองหมดลงแล้ว ตอนนี้เรากำลังเดินทางกลับเข้ากรุงเทพ กลับเข้าไปสู่ความจริงที่ปล่อยทิ้งไว้ตลอดสองวันที่ผ่านมา ขากลับฉันทำหน้าที่ขับรถโดยมีกลัฟนั่งอยู่ข้าง ๆ หยกนั่งอยู่ด้านหลัง เมื่อสิบนาทีก่อนเราแวะซื้อกาแฟกันคนละแก้วและขนมนิด ๆ หน่อย ๆ หยกนั่งกินขนมพร้อมกับบุ่นงุ้งงิ้งไม่หยุดเพราะเจ้าตัวยังไม่อยากกลับเหมือนกับฉัน ส่วนกลัฟต้องกลับไปทำงานแล้วเช่นเดียวกัน “กลัฟ ค้างที่นี่อีกคืนหรือกลับเลย” ระหว่างที่กำลังขับรถฉันก็เอ่ยชวนเพื่อนคุยไปด้วย “ว่าจะกลับเลยน่ะ พรุ่งนี้ทำงานแล้ว” “ถ้าว่างเรานัดกันอีกได้ไหม ไปเที่ยวด้วยกันอีก ไม่อย่างนั้นพวกฉันก็จะไปหาแก” “ได้มาเลย อยากพาเที่ยวจะแย่แล้ว” กลัฟยิ้มอย่างดีใจที่ได้ยินว่าฉันและหยกจะไปหาหากมีวันหยุดหน้า “เฟื่อง รับสายหน่อยไหม?” กลัฟเอ่ยถามอย่างลำบากใจ ตั้งแต่เมื่อวานที่ฉันไม่ได้รับสายเขา แต่ก็ตอบข้อความนะตอบคำถามที่เขาถามว่าจะกลับมาถึงบ้านตอนประมาณกี่โมง ตอบเสร็จก็ไม่ได้ตอบอีกเลย “เราไม่ว่าง” ฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังทำตัวงี่เง่า แต่ขอเวลาให้ฉันได้ไหม ขอให้ฉันได้รักษาความรู้สึกตัวเองก่อนแล้วฉันจะกลับไปเป็นน้องของเขาเหมือนเดิม ไม่น่าวางใจสนิทกับเขามากกว่าแต่ก่อนเลย น่าจะเจอกันวันละสามสิบนาทีเหมือนอย่างที่เคยเจอ หากรู้ว่าถ้าถลำลึกแล้วต้องเสียใจแบบนี้ฉันอยู่แค่ห้องนอนที่เป็นเซฟโซนของตัวเองยังจะดีเสียอีก “เดี๋ยวรับให้” กลัฟตัดสินใจทันทีพร้อมกับโทรศัพท์ฉันที่ยอมรับการติดต่อจากปลายสาย ฉันพยายามนิ่งและดึงสติกลับมาที่การขับรถไม่ใช่เสียงสนทนาของเพื่อนและปลายสาย “สวัสดีครับคุณหมอ” (สวัสดีครับ กลัฟเหรอ?) “ใช่ครับ พอดีว่าเฟื่องขับรถกลัฟเลยรับแทนครับ” (งั้นเหรอ ออกเดินทางกันหรือยัง) “ออกมาแล้วครับ น่าจะถึงสักบ่ายสองบ่ายสามครับ คุณหมอมีอะไรด่วนไหมครับ” (ไม่มีแล้วครับ ถ้ามีอะไรโทรหาพี่เลยนะ) “ครับ งั้นขอวางก่อนนะครับ” (ครับ) “เขาดูอยากคุยกับแก” พอวางสายกลัฟก็หันมามองฉันทันที แน่ล่ะเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อนฉันรู้เห็นหมดทุกอย่าง แม้กระทั่งฉันร้องไห้ก็ได้เพื่อนทั้งสองคนนี่แหละที่คอยอยู่ข้าง ๆ คอยจับมือฉันไว้ สามชั่วโมงเราเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพฉันไปส่งเพื่อนทั้งสองที่คอนโดหยกจากนั้นก็ขับรถกลับบ้านอย่างไม่เร่งรีบ ตอนนี้บ่ายสามนิด ๆ แล้ว อากาศร้อน ๆ แบบนี้ขอแวะกินน้ำหวานสักแก้วแล้วกัน บอกตัวเองแบบนั้นก็ไม่รีรอที่จะแวะร้านน้ำหวานทันที เมื่อเที่ยงกินกาแฟไปแล้วตอนนี้ฉันอยากกินช็อกโกแลตปั่นหวาน ๆ สักแก้ว แล้วก็อยากกินก๋วยเตี๋ยวไก่ เดี๋ยวแวะซื้อเข้าไปกินที่บ้านด้วยดีกว่า ใช่แล้วตอนนี้ฉันพยายามถ่วงเวลาที่จะกลับเข้าบ้าน ถึงแม้จะถ่วงแค่ไหนหาข้ออ้างให้ไปที่นั่นที่นี่ฉันก็กลับมาถึงบ้านในเวลาห้าโมงเย็นอยู่ดี เมื่อจอดรถยังไม่ทันเสร็จดีพี่กริชก็เดินออกมารับแล้ว ด้านหลังมีแม่หมี่เดินตามมาด้วย พี่กริชช่วยยกกระเป๋าฉันลงจากท้ายรถรวมถึงถุงข้าวของต่าง ๆ ที่ตั้งใจซื้อมาฝากแม่หมี่ “คิดถึงจังเลย” แม่หมี่เดินเข้ามากอดฉันไว้แน่น ฉันเองก็กอดท่านกลับไปเช่นเดียวกัน เมื่อผละออกห่างก็รีบยกมือไหว้ผู้ที่รอต้อนรับกลับบ้าน “สวัสดีค่ะแม่ แม่กินข้าวหรือยังคะ” “ยังเลย แม่รอหนูอยู่” แม่หมี่มองสำรวจฉัน พลิกแขนดูอยู่นานจนมั่นใจว่าไม่มีรอยขีดข่วนถึงได้ชวนเดินกลับเข้าไปในบ้าน “ให้น้องขึ้นไปอาบน้ำก่อนดีไหมครับ น้องมาเหนื่อย ๆ” พี่กริชยืนอยู่ข้าง ๆ เสนอ “หนูอยากอาบน้ำก่อนไหมลูก” ยังดีที่แม่หมี่ถามความคิดเห็นของฉันก่อนที่จะตัดสินใจบอกฉันให้ไปอาบน้ำ “หนูอยากกินข้าวก่อนค่ะ เสร็จแล้วค่อยกลับขึ้นห้องทีเดียวเลย” ฉันตั้งใจไว้แล้วว่ากินข้าวเสร็จก็จะกลับขึ้นห้องพักทำงานเคลียงาน ปั่นวิวให้ผู้ชายอยู่บนห้อง พรุ่งนี้บ่ายค่อยลงมาก็ยังไม่สาย “งั้นก็มากินข้าวกันก่อน” พี่กริชยอมให้กินข้าวก่อน เมื่อเดินเข้าไปในส่วนของห้องนั่งเล่น ก็เจอลุงคงนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ลุงคงหันมามองฉันจึงยกมือไหว้ท่าน “สวัสดีค่ะคุณลุง” “สะ สวัสดีลูก เป็นยังไงบ้างสนุกไหม” ลุงคงเอ่ยถามอย่างปกติ ทั้งที่ฉันเองก็รู้ว่ามันไม่ปกติแล้ว “ค่ะ สนุกดีค่ะ สบายใจด้วย” ฉันส่งยิ้มให้ท่านไปก่อนจะชวนแม่หมี่เดินเข้าไปที่ห้องครัวพูดคุยเรื่องที่ไปเที่ยวให้แม่หมี่ฟัง รวมทั้งเล่าว่าซื้อของอะไรมาฝากท่านบ้างฉันแบ่งสัดส่วนชัดเจน อันไหนฝากแม่หมี่ อันไหนฝากแม่บ้าน เมื่อเวลากินข้าวมาถึงฉันก็เงียบเสียงลงไปเมื่อลุงคงเดินเข้ามาในห้องกินข้าว พยายามไม่สนใจอะไรมากทำอย่างที่เคยทำนั่นคือไม่ค่อยพูด ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย ไหนจะกุ้งแช่น้ำปลาที่แสนจะแซบถูกใจแบบนี้ “ช่วงนี้กินบ่อย” พี่กริชเอ่ยเสียงเบาทั้งยังคีบกุ้งแช่น้ำปลามาใส่จานใบเล็กให้อย่างเอาใจ จะว่าไปตั้งแต่กลับมาถึงฉันยังไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลยสินะ ปกติฉันจะต้องคุยกับเขาอย่างน้อยสองสามประโยคแล้วเงียบจากนั้นก็กลับขึ้นห้องพัก “พรุ่งนี้พี่หยุดอีกวัน อยากไปไหนไหม” ไหนเขาบอกหยุดสองวันเมื่อวานกับวันนี้ไง ทำไมจู่ ๆ ถึงมาบอกว่าพรุ่งนี้หยุดอีกวัน “ไม่ค่ะ” แม้จะสงสัยแต่ก็ตอบปฏิเสธเขาไปทันที “ไม่คิดก่อนหรือไงกัน” พี่กริชหัวเราะเบา ๆ กับท่าทีของฉันทีแสดงออกมา “...” “พรุ่งนี้พี่จะไปซื้อนาฬิกาไปเป็นเพื่อนหน่อยนะครับ” “ไม่...” “พี่ไม่ได้ถามนะ แต่พี่บอกเราอยู่ ไม่ว่ายังไงพรุ่งนี้ก็ไปด้วยกัน ซื้อของเข้าบ้านด้วย” “...” ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมแบบนี้ “ตอนบ่าย” ฉันบอกเขาในท้ายที่สุด อย่างน้อยก็ขอตื่นสายๆ หน่อยแล้วกัน “ครับ ตอนบ่ายก็ได้ รีบกินเถอะเย็นหมดแล้ว” ฉันไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากกินก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ตรงหน้า เมื่อถึงเวลาอันสมควรฉันก็เข้าไปกอดอ้อนแม่หมี่ขอขึ้นไปนอนพักเพราะวันนี้ขับรถตลอดทั้งวันทำให้รู้สึกเหนื่อยและเพลียอยู่ไม่น้อย ใช้เวลาอาบน้ำสระผมพักใหญ่ถึงได้เดินออกจากห้องน้ำ ผมที่กำลังเปียดหมาด ๆ ถูกปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติหลังจากที่ซับน้ำออกจากเส้นผมจนหมาด หลังจากตากผ้าเช็ดผมเสร็จก็เดินไปเปิดโน้ตบุ๊คทำงาน ระหว่างรอเครื่องเซ็ทอัพก็ส่งข้อความหาเพื่อนเพื่อถามว่าถึงบ้านหรือยัง หยกน่ะถึงแล้วแน่ ๆ แต่กลัฟนี่สิ ไม่รู้จะถึงบ้านหรือยัง ที่นี่เริ่มมีเสียงฟ้าร้องแล้วด้วยอีกไม่นานฝนคงจะตกลงมาแน่นอน “น้องเฟื่อง แม่ขอคุยด้วยได้ไหม...” เสียงเคาะห้องดังขึ้นสามครั้งติดจากนั้นก็มีเสียงของแม่หมี่ที่ตะโกนเรียก เมื่อเดินไปเปิดประตูห้องนอนก็พบแม่หมี่ยืนรออยู่ “แม่เข้ามาก่อนสิคะ” ฉันเอ่ยชวน จังหวะที่ปิดประตูห้องเป็นจังหวะเดียวกับพี่กริชเดินเข้ามาใกล้ เขาเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ฉันก็ปิดประตูลงเสียก่อน “หนูเฟื่อง...” แม่หมี่เดินไปนั่งที่ปลายเตียงพร้อมกับเอ่ยเรียกฉันเสียงเบา แววตาที่ท่านใช้มองฉันนั้นดูกังวลอยู่ไม่น้อย ราวกับว่ามีอะไรในใจที่อยากจะพูดกับฉัน “แม่มีอะไรคุยกับหนูได้เลยนะคะ” ฉันเดินเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงข้าง ๆ ท่าน “หนูลำบากใจใช่ไหม กับเรื่องที่ได้ยินวันนั้น ที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน” ท่านรู้อย่างนั้นเหรอว่าฉันได้ยินที่พวกท่านคุยกัน “ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ...” “ไม่เลยลูก หนูไม่ผิดเลย แต่เรื่องที่แม่จะให้หนูหมั้นกับพี่กริชแม่จริงจังนะลูก อีกอย่างพี่เขาก็ตกลงแล้ว...” แต่ระหว่างฉันกับเขา ฉันไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาเลย ไม่มีเลยสักนิด “แต่หนูไม่คู่ควรกับพี่กริชเลยสักนิด ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ยังไม่เหมาะสม ถ้าหากเป็นคนนั้นเขาเหมาะสมกว่า” “อะไรที่เอามาวัดว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ลูกแม่รักใครคนนั้นก็ต้องเหมาะสมอยู่แล้ว ระหว่างนี้ที่รอถึงวันหมั้นหนูให้โอกาสลูกชายแม่ได้ไหม ให้โอกาสพี่เขาได้แสดงออกมาขึ้น” “...” “หนูรู้ไหม ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ลูกชายแม่มีความสุขแค่ไหนที่มีหนูมาอยู่ด้วย แต่ติดตรงที่แสดงออกไม่เก่งก็แค่นั้นเอง” “แม่หมี่คะ หนูไม่รู้ว่าตอนนี้ทุกคนพูดอะไรกันไปบ้างแล้ว แต่เรื่องหมั้นเราหยุดไว้ก่อนได้ไหมคะ บางทีพี่เขาอาจจะมีคนที่ชอบหรือรักอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นแม่ค่อยจัดงานให้พี่เขาก็ยังไม่สาย หนูว่าบางทีพี่เขาอาจจะชอบคนที่ชื่อจินอยู่ก็ได้ แม่อย่าเร่งรัดพี่เขาเลยนะคะ” ให้เขาได้เลือกทุกอย่างด้วยตัวเอง แบบนั้นเขาจะมีความสุขมากกว่า อย่างน้อยฉันก็อยากให้เขามีความสุข “แล้วที่ตากริชเข้ามาขอให้แม่ช่วยพูดกับหนูคืออะไร พี่เขาหลอกแม่อย่างนั้นเหรอ?” แม่หมี่ซึมไปเล็กน้อย แต่ก็ยังส่งยิ้มให้ฉัน แม้ท่านจะยิ้มให้แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ฝืดเคืองอยู่ไม่น้อย “ถ้าอย่างนั้นเรื่องหมั้นคงต้องหยุดไว้ก่อนจริง ๆ แม่เองก็ไม่อยากบังคับหนูไปมากกว่านี้ แต่แม่รู้ว่าหนูรู้สึกกับลูกชายแม่ยังไง และแม่เองก็มั่นใจว่าลูกชายแม่ก็คิดเหมือนกับหนู แต่ถ้าหนูอยากจะหยุดเรื่องงานหมั้นแม่เองก็จะทำตามที่หนูขอ จากนี้ให้ลูกชายแม่จัดการเองเสียบ้าง ถ้ามัวแต่เกรงใจพ่อเขาสักวันคงต้องเสียหนูไปจริง ๆ” “ถึงตอนนั้นแม่จะไม่ช่วยแล้ว ผู้ชายมักมากกับความขี้เกรงใจ” แม่บ่นเสียงเศร้า “เอาละ แม่ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนหนูแล้วนะ” รอยยิ้มจากแม่หมี่ทำให้ฉันไม่รีรอที่จะส่งยิ้มกลับไปอย่างจริงใจเช่นเดียวกัน “ได้ค่ะแม่ คืนนี้ฝันดีนะคะแม่” “ฝันดีเช่นเดียวกันจ๊ะลูก” ฉันเดินไปส่งแม่หมี่ที่หน้าห้อง จังหวะที่จะปิดประตูพี่กริชที่แอบอยู่ด้านนอกก็แทรกเข้ามาในห้องพร้อมกับยื่นมือไปปิดประตูเสียงดัง ฉันมองหน้าเขานิ่ง ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน พี่กริชเดินตามเข้ามานั่งที่เตียงนอนพร้อมกับจ้องฉันกลับมาเช่นเดียวกัน “พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ หนูง่วงแล้วนะ” ฉันจำต้องเอ่ยถามเขาออกไปราวกับว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้รู้เรื่องอะไรที่เขาและพ่อเขาคุยกัน “ง่วงทำไมเปิดคอม?” “...” บ้าจริง! แกไม่เนียนเลยเฟื่อง “โกรธอะไรพี่” เมื่อเรานั่งเงียบกันสักพักพี่กริชจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ “คะ? โกรธอะไรพี่เป็นอะไรเนี่ย” “เราเมินพี่” “หนูเปล่า...” ฉันเถียงกลับ “หนูเป็น เรื่องที่พ่อพูดเมื่อคืนมันไม่มีอะไรเลย พี่ไม่ได้ชอบเขา ไม่คิดจะชอบด้วยซ้ำ เพราะพ่อตกลงนัดกับพวกเขาแล้วทั้งยังเอ็นดูผู้หญิงคนนั้น แต่สำหรับพี่ไม่ใช่ พี่ไม่เคยคิดมองใครด้วยซ้ำเชื่อพี่นะครับ” พี่กริชขยับลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาใกล้ รวบฉันเข้าไปกอดโดยที่ฉันยังนั่งที่เก้าอี้ทำงาน เขาดูประหม่าและกลัวอยู่ไม่น้อยกับเรื่องที่เพิ่งพูดออกมา พี่กริชกอดฉันไว้อยู่นานกว่าจะยอมผละออกห่าง ร่างสูงทรุดนั่งทับส้นเท้าอยู่ตรงหน้าฉัน ฝ่ามืออุ่นประคองที่แก้มเบา ๆ อยากจะขยับออกห่างถ้าไม่ติดสายตาจริงจังของเขาที่มองฉันอยู่อย่างอ้อนวอน “เชื่อใจพี่นะ พี่ไม่ได้มีใครเลย ผู้หญิงคนนั้นพี่ก็ไม่ได้ชอบ ตลอดชีวิตของพี่มีแค่เจ้าเด็กดื้อคนนี้แค่นั้น ไม่ได้มองใครหรือสนใจใครเลย” ปลายนิ้วร้อนเกลี่ยที่แก้มไปมา พี่กริชขยับลุกขึ้นมากอดฉันไว้นิ่ง ๆ สักพักใหญ่ ก่อนจะบอกให้ฉันรีบนอนพักพรุ่งนี้จะพาไปซื้อของ ส่วนฉันคล้อยหลังประตูห้องนอนปิดลงก็นั่งนิ่งจิตหลุดลอยไปไหนไม่รู้ ทั้งตกใจและเขินในเวลาเดียวกัน ทำไม ทำไมเขาถึงเลือกที่จะบอกฉันแบบนั้น การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขามักทำให้ฉันหวั่นไหวอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน และดูเหมือนครั้งนี้จะรุนแรงกว่าครั้งก่อน ๆ เสียด้วยสิ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD