คุณหญิงพวงร้อย : ฮัลโล!!..ตาฆินคืนนี้อย่าลืมแต่งตัวหล่อๆมาที่บ้านเราด้วยนะลูกคุณพ่อเพิ่งกลับมาจากสวีเดน ท่านจะมาพักที่บ้านหลายเดือน
หมอฆิน : คุณแม่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบงานแบบนี้ทำไมต้องบังคับด้วย คุณพ่อท่านคงจะไม่อยากเจอหน้าลูกชายคนนี้สักเท่าไหร่
คุณหญิงพวงร้อย : เห็นแก่หน้าแม่แกบ้างนะฆินแกเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล พ่อกลับมาพักทั้งทีลูกจะไม่มาต้อนรับเลยหรือ?
หมอฆิน : งานเริ่มกี่ทุ่มครับผมชวนหมอเวฬไปเป็นเพื่อนด้วยจะได้ไหม?
คุณหญิงพวงร้อย : ได้สิลูกรักงานนี้แม่เชิญคุณหญิงหม่อมหลวงราชนิกุลเพื่อนแม่หลายคน ลูกสาวมีแต่สวยๆทั้งนั้นเลยลูก
หมอฆิน : คุณแม่หยุดคิดเรื่องพวกนี้ไปเลยผมไม่เอาด้วยหรอก สวยแล้วไงไม่เคยมีใครเข้ากับผมได้สักคนผู้หญิงที่แม่เลือก
คุณหญิงพวงร้อยได้โทรศัพท์นัดหมายให้ลูกชายกลับมาที่บ้านเพราะคืนนี้มีงานเลี้ยงสำคัญต้อนรับสามีเอกอัครราชทูตประจำประเทศสวีเดนกลับมาไทย ปกติคุณหญิงจะใช้ชีวิตต่างแดนกับสามีแต่ช่วงหลังๆสุขภาพไม่ค่อยสู้ดีจึงเลือกมาอยู่ที่ประเทศไทยงดออกงานกับสามี ผู้คนภายนอกอาจจะมองดูครอบครัวนี้ที่ดูอบอุ่นสมบูรณ์แบบเฟอร์เฟคไปเสียแทบทุกอย่าง ความเป็นจริงแล้วนั้นพ่อแม่ลูกแทบจะไม่ค่อยอยู่ด้วยกัน ชีวิตวัยเด็กหมอฆินต้องย้ายติดตามคุณพ่อคุณแม่ไปอยู่ต่างประเทศด้วยอาชีพของพ่อ บางประเทศเขาอาศัยอยู่ไม่กี่ปีก็ต้องย้ายตามคำสั่งของราชการ มันจึงทำให้เขาค่อนข้างปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ยากมีปัญหาในการเข้าสังคมตั้งแต่เล็ก หมอฆินต้องอยู่กับพี่เลี้ยงคนไทยและเรียนพิเศษทั้งด้านวิชาการภาษาดนตรีกีฬา เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ท่านต้องออกงานสังคมตลอดไม่มีเวลามาเลี้ยงดูอบรม พ่อเขานั้นเข้มงวดกับหมอฆินมากอยากจะให้เขานั้นเป็นทูตเหมือนกับตัวเอง จึงพร่ำสอนและกดดันลูกชายเพียงคนเดียวให้เป็นเด็กที่เรียนเก่งกีฬาเด่นและหมอฆินเองก็เก่งภาษาวิชาการทุกอย่าง แต่เขานั้นมีปัญหาทางด้านการเข้าสังคมเข้ากับคนอื่นไม่ได้พูดน้อยไม่ชอบยิ้มเป็นข้อเสียเพียงข้อเดียวของเขา จึงทำให้เป็นเหตุทะเลาะกับพ่อบ่อยครั้งความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกจึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่
@คฤหาสน์ขาวบ้านหมอฆิน
เสียงดนตรีเปิดคลอเบาๆผู้คนแวดวงไฮโซลูกหลานนักธุรกิจ ต่างทยอยเดินเข้ามาในงานที่จัดภายในคฤหาสน์หรูหลังงาม เจ้าของงานอย่างคุณหญิงพวงร้อยยืนต้อนรับแขกกับสามีที่หน้างานไร้เงาของลูกชาย
“คุณหญิงลูกทำไมยังไม่ถึงงานอีก?”
“ใจเย็นๆค่ะคุณลูกรับปากแล้วว่าจะมา”
“ตั้งแต่เขาโตแล้วเลือกเรียนสัตวแพทย์เขาก็เริ่มต่อต้านผมทุกอย่างไม่เชื่อฟัง ไม่อยากเป็นทูตเหมือนผมเอาแต่บอกว่าไม่ชอบคนที่เสแสร้ง”
“ดิฉันก็หนักใจในตอนแรกค่ะแต่ตอนนี้เขาเองก็พิสูจน์ได้ว่าการเป็นหมอมันก็เหมาะกับเขามากนะคุณ”
“คุณหญิง…คอยให้ท้ายลูกแบบนี้ตลอด”
“สวัสดีค่า!!…คุณหญิงปรีญาดา”
“สวัสดีค่ะคุณหญิงพวงร้อยท่านทูตยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ”
“ขอบคุณครับ…ขอบคุณค่ะ”
“น้ำชาสวัสดีคุณหญิงพวงร้อยกับท่านทูตสิจ๊ะ”
“สวัสดีค่ะคุณหญิงท่านทูต หนูชื่อ ปรีญาดารารัตน์ เป็นลูกสาวของคุณหญิงแม่ค่ะ”
“โอ้โห!!!…สวยจังลูกสวยเหมือนหญิงแม่ตอนสาวๆเลยนะคะเนี้ย…เรียกแม่ก็ได้จ๊ะไม่ต้องเรียกคุณหญิงหรอกคนกันเอง”
น้ำชาที่วันนี้มาในชุดราตรีสีทองเปิดหลังตัดกับผิวขาวอมชมพูม้วนผมขึ้นโชว์ใบหน้าหวานที่แต่งแต้มเครื่องสำอางค์บางเบาแอบเฉี่ยวนิดๆ เดินควงคู่มากับคุณหญิงแม่ในลุคที่สวยสง่าไม่มากไปน้อยไปเธอโดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตาความสูงและชุดที่สวมใส่
“ค่ะคุณหญิงแม่ เรียกหนูสั้นๆว่า “น้ำชา” ก็ได้ค่ะ ชื่อหนูเพื่อนๆชอบล้อว่ายาวเป็นกิโล” น้ำชายิ้มหวานอารมณ์ดีแกงชื่อตัวเองให้คุณหญิงพวงร้อยกับสามีหัวเราะตาม เธอนั้นสดใสยิ้มเก่งเข้ากับคนง่ายซึ่งมันแตกต่างกับลูกชายของทั้งสองคนนี้มาก
“คิคิ!!..โอ้ย!!..แม่คุณน่าเอ็นดูเสียจริงสวยสดใสน่ารักขี้เล่นแบบนี้คงจะมีหนุ่มๆมาหมายปองแล้วละสิท่า แม่อยากมีลูกสะใภ้แบบหนูบ้าง” น้ำชายิ้มแห้งทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องแฟน
“คุณหญิงพวงร้อยเสียดายจริงๆค่ะยัยน้ำชามีแฟนแล้วตอนนี้กำลังจะได้เป็นอัยการลูกชายท่านเชาวนนท์ผู้พิพากษา” คุณหญิงปรีญาดานั้นยังไม่รู้ว่าน้ำชาลูกสาวสุดที่รักนั้นได้เลิกรากับแฟนหนุ่มไปแล้ว น้ำชายังไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับครอบครัวเพราะมันเป็นเรื่องใหญ่มาก
“ค่ะเสียดายจริงๆ… “ฆินฆายุ” ลูกชายของเราเขาเป็นหมอค่ะตอนนี้เป็นทั้งหมอและผอ.โรงพยาบาลสัตว์ยังไม่มีแฟนเลย”
“รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายนี่คะคุณหญิงเดี๋ยวก็เจอกันแล้วตอนนี้อยู่ไหนละคะ ดิฉันได้ยินมาว่าหมอฆินฆายุหล่อเหมือนดาราเกาหลีเก่งมากๆอายุน้อยก็เป็นอาจารย์หมอแล้ว”
“เฮ้อ!!…กำลังเดินทางค่ะลูกคนนี้นี่ติดงานยิ่งกว่าอะไรดีเลยอยากให้มีแฟนจะได้สนใจอย่างอื่นบ้าง”
“เอาน่า…ดิฉันเองก็อยากอุ้มหลานรอให้ยัยน้ำชาออกเรือนฝ่ายผู้ชายก็ไม่มาขอเสียทีหนักใจเหมือนกันค่ะวัยเราต้องเลี้ยงหลานกันแล้ว”
“หญิงแม่…ไม่เอาค่ะอย่าขายหน้าชาแบบนี้”
“คิคิคิ!!..หนูน้ำชาแม่ถูกชะตากับหนูมากๆเลยจ๊ะ วันนี้ทั้งวันแม่ยิ้มไม่ออกคุยกับหนูแค่ไม่กี่นาทีแม่หัวเราะจนลืม”
“งั้นหนูกับคุณหญิงแม่ขอตัวเข้างานก่อนนะคะ”
“จ๊ะ!!..เชิญด้านในเลยนะ”
บรรยากาศในงานผู้คนคึกคัก หมอฆิน ที่วันนี้ยอมแต่งตัวหล่อเดินเข้างานมาพร้อมกับหมอเวฬ ทั้งคู่ดูดีภูมิฐานกินกันไม่ลง หมอเวฬยิ้มทักทายทุกคนในงานอย่างเป็นมิตร ผิดกับหมอฆินที่ทำหน้านิ่งไม่พูดจาเอาแต่นั่งอยู่กับโต๊ะสีหน้าเบื่อหน่าย
“ไอ้หมอฆินหญิงแม่กับท่านพ่อมึงอยู่นั่นทำไมไม่ไปกราบท่านวะ?”
“ไม่เดี๋ยวก็ต้องขึ้นไปสร้างภาพบนเวทีอยู่แล้ว”
“เออๆ…มึงนี่มันลูกทรพีพ่อกลับมาจากต่างประเทศไม่ดีใจกลับทำหน้าเปื่อยไม่ยอมไปพบ”
“ไอ้หมอเวฬมึงลองมาเกิดเป็นกูดูมั๊ยล่ะ?”
“เหอะ!!…ก็ดีนะเกิดเป็นมึงชีวิตหรูหราหมาเห่าดีจะตายเพรียบพร้อมบนกองเงินกองทอง”
“เหอะ!!..”
หมอฆินแสยะยิ้มมองหมอเวฬที่ไม่เข้าใจเขาเหมือนคนอื่นๆ เขาเกลียดการเข้าสังคมการสร้างภาพและผู้คนมากมายวุ่นวายแบบนี้ที่สุด หมอฆินจึงเดินไปหยิบไวท์ที่มีบริกรเดินมาเสริฟ์แล้วเดินปลีกตัวออกมาที่สนามหญ้าหน้างาน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้มาที่คฤหาสน์แห่งนี้จึงเดินชมสวนรอบๆอย่างเพลิดเพลิน
“โอ๊ย!!..”
“คุณผู้หญิงเจ็บมากไหมครับ?”
“คุณเดินยังไงคะมาชนดิฉันได้?”
“ขอโทษครับผมเดินถอยหลังมัวแต่ชมสวนเลยไม่ทันระวัง”
“ไม่เป็นไรค่ะดิฉันเองก็ไม่ระวังเดินไม่ดูเอง”
น้ำชาเงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วยิ้มให้กับชายหนุ่มรูปหล่อในชุดสูทสีกรมท่า เขานั้นหล่อเหลาผิวขาวรูปร่างดีสูงโปร่งมองดูแล้วไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน ทางด้านหมอฆินถึงกับยืนตัวแข็งเหมือนตกอยู่ในภวังค์เสียอาการที่เห็นรอยยิ้มสดใสแววตาขี้เล่นเป็นมิตร เธอช่างสวยสดใสกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเจอรอยยิ้มบนใบหน้าหวานนั้นมันละลายก้อนน้ำแข็งในใจเขาได้เสียแล้ว หลังจากที่น้ำชาเดินจากไปเขานั้นก็เดินตามเพราะอยากจะรู้จักว่าผู้หญิงยิ้มสวยคนนี้คือใคร?
จึงเดินตามร่างบางเข้ามาในงานแต่ที่สุดก็คาดสายตาเพราะพิธีกรกำลังเรียกให้เขาและครอบครัวขึ้นไปขอบคุณแขกที่บนเวที