“งั้นแกก็ไปกับฉัน ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา จะได้มีเพื่อน ตายก็ตายด้วยกันเลยดีมั้ย” นาถนารีเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอคิดผิด ไม่น่าเอาเรื่องนี้มาปรึกษาวิชุดาเลย น่าจะแอบไปคนเดียว เกิดอะไรขั้นเธอก็ไม่เสียใจหรอก ชีวิตนี้ชีวิตเดียว เธอถือว่าเธอได้ใช้มันจนคุ้มแล้ว ขาดอย่างเดียวเท่านั้นที่เธอยังไม่ได้ลอง นั่นก็คือการลองได้รับความรักจากใครสักคนนั่นเอง
“ฉันยังไม่อยากตายหรอกนะ ฉันยังไม่ได้แต่งงานกับพ่อยอดขมองอิ่มของฉันเลย” เมื่อเห็นว่าเพื่อนพูดออกมาแบบนั้นวิชุดาก็แทบเต้น เธอยังตายไม่ได้นะ เธอยังไม่ได้แต่งงานมีลูกน่ารักๆ ชีวิตที่กำลังสมบูรณ์แบบของเธอจะต้องมาตายง่ายๆ แบบนี้เธอยอมไม่ได้จริงๆ
“งั้นฉันก็ไปคนเดียว จบนะ” นาถนารีลอบยิ้มด้วยความพึงพอใจ เธอรู้ว่าเพื่อนใจเสาะ เธอก็เลยเลือกเอาเรื่องนี้มาขู่เพื่อน และมันก็เหมือนกับว่าจะได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ
“ไม่ได้ ถ้าจะไปจริงๆ ฉันจะไปเป็นเพื่อน ถ้าเขาติดต่อมานัดวันเวลาและสถานที่ที่จะไปสัมภาษณ์แกก็บอกมาแล้วกัน ยังไงฉันทิ้งเพื่อนร่วมสาบานอย่างแกไม่ได้หรอก ตายเป็นตายก็แล้วกัน” วิชุดาเอ่ยออกมาหงอยๆ
“แกไม่ต้องไปกับฉันก็ได้ ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า” นาถนารีเอ่ยเพื่อให้เพื่อนสาวเบาใจ เธอไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเสียเวลาเรื่องนี้กับเธอ
“ไม่ได้ ถ้าฉันไม่ไปด้วย แกก็ไม่ต้องไป” คำขาดที่เพื่อยื่นให้ ทำให้หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมให้เพื่อนของเธอตามไปด้วย แต่ว่าก็ว่าเถอะ เรื่องรับสมัครภรรยาอาจจะไม่มีอยู่จริง อาจจะเป็นเรื่องที่ใครสักคนทำขึ้นขำๆ ก็ได้ แต่พวกเธอสองคนกลับมานั่งถกกันจริงจังกับเรื่องนี้ คิดดูแล้วก็น่าขำดีเหมือนกัน
“โอเค ไปก็ไป” ในเมื่อพลาดเล่าให้เพื่อฟังตั้งแต่แรก ก็ต้องยอมให้เพื่อนตามไป ทั้งที่เอาเข้าจริงแล้วนาถนารีก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเสี่ยงกับตนเองเหมือนกัน
หลังจากที่กรอกใบสมัครออนไลน์ไปไม่กี่วัน เธอก็ได้รับการติดต่อกับกลับมาและนัดหมายสถานที่สัมภาษณ์กับว่าที่สามีของเธอ แน่นอนว่าไม่เคยมีครั้งไหนที่นาถนารีจะขบขันเรื่องที่ตนเองทำเท่าครั้งนี้ แต่เพราะความอยากลองมันทำให้หญิงสาวเดินหน้าต่อโดยไม่ลังเล และสถานที่นัดสัมภาษณ์ก็เป็นรีสอร์ชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก เธอจึงเดินทางไปด้วยรถยนต์ส่วนตัวกับวิชุดา