นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาสั่งให้ผู้ช่วยส่วนตัวของเขาลงประกาศรับสมัครภรรยาในเฟสบุ๊ค ใครจะคิดว่าจะมีคนมาสมัครมากมายเช่นนี้ แต่ผู้หญิงที่เขาสัมภาษณ์มาทั้งหมดก็ไม่ต่างกันเลยสักนิด เมื่อพวกเธอเหล่านั้นเห็นว่าเขาพิการ พวกเธอก็ถอยหนีทันที ซ้ำบางรายยังด่าเขา ยังกับเขาไปล้อพ่อด่าแม่เธอ ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร แค่ความพิการเท่านั้น ที่มันทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
“ถ้าคุณเห็นความพิการของผมแล้วไม่พร้อมที่จะรับฟังเงื่อนไขก็เชิญคุณออกไปได้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย” เสียงห้าวเต็มไปด้วยความเครียดจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เขายอมรับว่าเขาอยากเอาชนะอัปสรสวรรค์ที่ทิ้งเขาไป เขาอยากให้เธอเสียดายเขา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ มันกำลังตอกย้ำว่าผู้หญิงทุกคน ไม่มีใครต้องการที่จะใช้ชีวิตรว่มกับคนพิการ ยิ่งคนพิการที่ไม่สามารถให้ความสุขทางกายอย่างเขาแล้ว ก็ไม่รู้จะมีสามีไปทำไม
“น้อยใจเหรอคะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาปฏิเสธ” เมื่อเห็นใบหน้าคมสันและหล่อเหลาเอ่ยออกมาด้วยความไม่เป็นมิตรนั้น มันทำให้นาถนารีรู้สึกสงสารเขา คนพิการก็มีหัวใจ ไม่ใช่ใครๆ จะมาตอกย้ำความพิการของเขาเป็นว่าเล่นแบบนี้ ซึ่งเธอไม่เห็นด้วยเลยจริงๆ ดังนั้นเมื่อเห็นเขาแสดงท่าทางออกมาแบบนั้น เธอก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ หรือเลือกเดินจากไปเหมือนผู้หญิงคนอื่น
“ปากดีเหมือนกันนะคุณ แค่ปากดีอย่างเดียวหรือเปล่า พอเอาเข้าจริงคุณก็เป็นคนที่เดินจากไปเหมือนคนอื่น” บดินทร์เอ่ยออกมาด้วยท่าทางสบประมาทชัดเจน
“ฉันไม่เหมือนผู้หญิงที่คุณเคยผ่านมาหรอก” นาถนารีเอ่ยอย่างท้าทาย นาทีแรกที่เห็นหญิงสาวรู้สึกสงสารผู้ชายคนนี้มาก ถ้าเขาสามารถเดินได้เหมือนดังเช่นคนปกติ คำว่าเพอร์เฟคก็ไม่ไกลเกินจริงเลยสักนิด
“คุณยังไม่รู้สินะว่าการนั่งวีลแชร์ของผม มันหมายถึงผมไม่สามารถจะให้ความสุขทางเพศกับคุณได้เต็มที่นะ คุณจะกล้าเป็นภรรยากับผู้ชายพิการแบบผมจริงๆ อย่างนั้นเหรอ” บดินทร์ถามออกไปอีกครั้งเพื่อสังเกตสิ่งที่อยู่ภายในแววตาเธอ