ฟางเหนียงนั่งแช่น้ำนมปลดปล่อยความเมื่อยล้าตลอดทั้งวันในหัวพรางขบคิดถึงบุรุษที่อยู่ในเรือนของตนว่าควรทำอย่างไรดีจึงจะทำให้อีกฝ่ายยอมรับในตัวนาง ฉีเฉิงเป็นเพียงบุรุษหลังเขาไม่ร่ำรวยแต่ก็มีสตรีหลายคนหมายตายามเขานำสัตว์ที่ล่าได้มาขายในเมืองซึ่งคนที่ฉีเฉิงเกี่ยวพันอยู่บ้างก็มีเพียงน้องสาวท่านแม่ทัพเพียงคนเดียว
นางไม่รู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองนักว่ารู้จักกันได้อย่างไรรู้เพียงว่าฉีเฉิงอาจมีใจให้เพราะตามที่ให้คนไปสืบบอกว่าเขาจะนำสัตว์ที่ได้ไปขายให้จวนแม่ทัพเสมอ บางคราก็ขันอาสาช่วยงานหลายอย่างโดยไม่รับเงินค่าจ้าง ฟางเหนียงกังวลเพราะเกรงว่าทั้งสองนั้นจะรักกันแล้วนางเป็นมือที่สาม
“นายหญิงองค์รัชทายาทส่งเทียบเชิญมาให้ท่านไปร่วมงานวันเกิดเจ้าค่ะ”
นางหลับตาไร้ความตื่นเต้นอย่างที่ควรเป็นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์รัชทายาทส่งเทียบเชิญมาให้นาง ฟางเหนียงปฏิเสธกลับไปทุกครั้งเพราะไม่ชอบบุรุษมักมากเห็นสตรีเป็นของเล่น
“บอกไปว่าข้าติดธุระต้องอยู่กับสามีที่เพิ่งกราบไหว้ฟ้าดินไม่สะดวกไปร่วมงาน ขอมอบหยกมงคลให้แทน”
การกระทำของนางเดาได้ไม่ยากเพราะทุกครั้งก็เป็นเช่นนี้ องค์รัชทายาทเองก็ไม่เคยเข็ด เพียรส่งจดหมายรักหานางบ่อยครั้งไม่ยอมลดละทั้งที่ไม่เคยพูดคุยกันสักคำ
เพียงคนทั่วแคว้นบอกว่านางเป็นสตรีอันดับหนึ่งก็อยากดึงนางไว้ข้างกายเพื่อหนุนอำนาจตนเองให้มั่นคง ชายเช่นนี้นางไม่ขอคบหาสู้เลือกบุรุษหลังเขายังดีเสียกว่า
“นายหญิงเหตุใดปฏิเสธองค์รัชทายาทเจ้าคะ หากนายหญิงได้อำนาจของพระองค์มาเสริมกิจการย่อมต้องโด่งดังมากขึ้น”
ถงถงไม่เห็นว่าองค์รัชทายาทแย่ตรงไหนกลับกันยังนิสัยใจคอดีไม่น้อย ซ้ำยังทำคุณให้แผ่นดินมากมาย
“ลำพังโรงเตี๊ยมข้าก็มีชื่อเสียงอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเอาร่างกายตัวเองเข้าแลก ข้าขอเลือกบุรุษที่ถูกใจเองเจ้าอย่าได้ห่วงเลย”
ชีวิตนางไม่ขอใช้ร่างกายตนเองแลกกับอำนาจเงินทองจากคนในวังหลวงเด็ดขาด
“บุรุษผู้นั้นนะหรือเจ้าคะ” ดูอย่างไรก็แค่ยาจกไม่ได้เหมาะสมกับนายหญิงแม้แต่น้อย
“เจ้าว่าไม่ดีหรือ”
“เปล่า ๆ เจ้าค่ะ” ถงถงรีบปฏิเสธเมื่อรับรู้ว่าน้ำเสียงนั้นเริ่มกระด้างเล็ก ๆ
“ส่งคนสืบเรื่องน้องสาวแม่ทัพให้ข้าด้วย ข้าอยากรู้ว่านางมีคนรักหรือไม่”
หากแน่ใจว่านางรักกับฉีเฉิงก็จะยอมปล่อยบุรุษผู้นี้ไปภายภาคหน้าจะได้ไม่มีปัญหากวนใจ
“เจ้าค่ะนายหญิง” ถงถงก้มศีรษะให้เจ้านายสาวก่อนจะรีบออกไปทำตามคำสั่ง
“เจ้าไปเถอะข้าแต่งตัวเอง” ร่างขาวดุจน้ำนมลุกจากอ่างหยิบผ้าเนื้อดีมาซับหยดน้ำทั่วกายจากนั้นนำเครื่องหอมบำรุงผิวพรรณทาทั่วเรือนร่าง
ฟางเหนียงใช้เวลาอยู่ครึ่งก้านธูปก็กลับเข้าไปในห้องที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับว่าที่สามีของนางในอนาคต อีกทั้งบอกตัวเองว่าต้องถามเรื่องน้องสาวแม่ทัพในวันนี้
“ท่านพี่เหตุใดไม่แตะอาหารเจ้าคะ” นางมองอาหารบนโต๊ะด้วยความสงสัยว่าเหตุใดไม่มีรอยพร่องสักนิด
“ข้ารอเจ้า” เสียงเข้มกล่าวเมื่อเห็นร่างขาวโพลนอยู่ในอาภรณ์เนื้อบางเบา
“ข้าก็มีเรื่องจะถาม ท่านกับน้องสาวแม่ทัพมีความสัมพันธ์ใดกัน” ฟางเหนียงเข้าเรื่องไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา
“ไม่มีความสัมพันธ์ใด อย่าได้ดึงนางมาเกี่ยวข้อง”
เขาตอบคำถามด้วยความสัตย์จริง นางคิดอย่างไรจึงได้เอ่ยถามออกมา
“ข้าไม่ชอบแย่งของผู้ใดจึงถามเอาไว้ก่อน หลังจากนี้ท่านต้องเข้ามาเป็นสามีข้าโปรดอย่าคิดมีผู้อื่น”
“ตัวข้าอาจไม่มีผู้ใดแต่ใจข้าไม่มีที่ว่างสำหรับเจ้าแน่”
ยังไม่ทันได้เป็นเมียก็เริ่มออกคำสั่งช่างไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย
“ข้าไม่สนเรื่องนั้นหรอก ท่านเป็นสามีข้าเพื่อขัดดอกทำงานใช้หนี้ให้ครบเท่านั้นก็พอ ออ แต่หากคิดมีหญิงอื่นหนี้จะถูกปรับเป็นสามเท่า”
บุรุษผู้นี้ไม่บังคับมีหรือจะยอมนางง่าย ๆ มัวเสียเวลาเกี้ยวกันไปมาก็หมดโอกาสได้ใช้ชีวิตพอดี
“ไร้หนทางหาสามี” ฉีเฉิงอดค่อนแคะไม่ได้ แต่ฟางเหนียงหาได้สนใจ
“ข้าไม่ได้ไร้หนทางเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากเป็นผู้เลือกสามีเองก็เท่านั้น”
นางร่ำรวยมีพร้อมทุกด้าน การหาสามีสักคนมาอยู่เคียงข้างกายนางอยากเลือกเอง หากในอนาคตนิสัยใจคอเข้ากันไม่ได้ก็ค่อยแยกจากกันไป
ท่านแม่ของนางกับท่านพ่อก็ลองอยู่กินด้วยกันก่อนกว่าจะยอมตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน ผู้คนทั่วไปในแคว้นมองว่าประหลาดไร้ยางอายแต่นางกลับรู้สึกว่ามันเป็นสิทธิส่วนตัวในการตัดสินใจเลือกคู่ครองของตนเอง
“เจ้าซื้อหาบุรุษด้วยเงินตราเช่นนี้บ่อยหรือ”
“เหมือนข้าจะเคยบอกท่านแล้ว” ประโยคซ้ำ ๆ นางขี้เกียจอธิบาย
“เจ้าจะได้เพียงร่างกาย” ยิ่งนางนิ่งเฉยไม่อธิบายชายหนุ่มก็ยิ่งเข้าใจผิดคิดไปไกลว่านางคงซื้อบุรุษไว้มากมาย คนในโรงเตี๊ยมล้วนแต่รูปงามก็คงเพราะเช่นนี้
“ข้าต้องการร่างกายของท่านอยู่พอดี”
“ฟางเหนียงไยเจ้าเป็นสตรีเช่นนี้!” ร่างสูงใหญ่กว่าหลายส่วนอยากจับสตรีตรงหน้ามาอบรมนักว่าสตรีที่ดีนั้นไม่ควรเอ่ยเช่นนาง
“ท่านพี่เกรี้ยวกราดไปไยเจ้าคะ ข้าเพียงเอ่ยตรง ๆ กับท่านเพราะไม่อยากปิดบังความรู้สึกตนเอง เรือนกายท่านงดงามเพียงนี้จะปฏิเสธว่าไม่ต้องการได้อย่างไร”
“ช่างมากเล่ห์” ล่อลวงบุรุษเก่งนักเอ่ยเพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้เขาไม่อาจต่อปากถกเถียงนางได้ ฟางเหนียงเป็นแม่ค้ามีหรือจะไม่รู้วิธีการเอาอกเอาใจผู้คน ยิ่งเป็นบุรุษเสน่ห์ของนางที่มากล้นก็ยิ่งส่งให้เสียงไพเราะอ่อนหวานน่าหลงใหล
“ท่านพี่ข้าอยากไปเรือนของท่านบ้าง”
รอยยิ้มหวานสะกดตาส่งมาทีไรฉีเฉิงต้องรีบหลบเกรงว่านางจิ้งจอกจะร่ายมนตร์ใส่ตนได้
“ข้ามีกระท่อมอยู่ชายเขา เศรษฐีเช่นเจ้าคงไม่อยากไปเหยียบนักหรอก” ฉีเฉิงไม่ได้ปฏิเสธแต่คิดว่ากระท่อมของเขาไม่ได้น่าอยู่นักหรอก ฟางเหนียงอยู่กับความสะดวกสบายมาตลอดเกรงว่าเห็นกระท่อมแล้วจะวิ่งหนี เพราะหากเป็นเช่นนั้นเขาคงรับนิสัยนางไม่ได้ ลำพังแค่ใช้เงินซื้อบุรุษก็ยากจะทำใจ
“นั่นเรือนหอเราเชียวนะเจ้าคะข้าจะรังเกียจได้อย่างไรกัน เราลองศึกษากันดูสักปี หากท่านไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกันข้าก็จะไม่ฉุดรั้งเจ้าค่ะ”
การอยู่กินก่อนกราบไหว้ฟ้าดินเป็นเรื่องผิดประเพณีทว่าบิดามารดานางบอกเสมอว่าเวลาเลือกคู่ชีวิตต้องลองใช้ชีวิตร่วมกันดูเสียก่อน หากอยู่แล้วเป็นทุกข์ก็เลิกรากันไปพวกท่านไม่ถือสาขอเพียงบุตรสาวคนเดียวมีความสุขเท่านั้นเป็นพอ
บุรุษใดที่นางมั่นใจว่าจะอยู่ด้วยตลอดชีวิตนางจึงจะพามากราบไหว้หลุมบิดามารดา ส่วนช่วงระหว่างคัดสรรก็อยู่กันไปก่อน