คล้อยหลังน้องสาวท่านแม่ทัพฟางเหนียงก็ไม่ได้แสดงกิริยาขุ่นเคืองใด ๆ ยังคงสอนงานสามีหลายอย่างกับสนใจลูกค้าผู้อื่นจนเย็นจึงได้สั่งงานลูกน้องก่อนกลับเรือนโดยไม่เอ่ยถึงเรื่องซูหยวนเลยแม้ครึ่งคำ
ฟางเหนียงหาใช่คนไร้เหตุผล เมื่อสามีนางไม่ได้แสดงท่าทีใดต่อซูหยวนนางก็ไม่จำเป็นต้องตีตนไปก่อนไข้หรือต่อให้ฉีเฉิงจะมีใจให้นางก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เขาอยากไปนางก็พร้อมปล่อยไม่นึกเสียดายบุรุษไร้รัก
แต่เขาจะไปจากนางได้จริงหรือ…
นอกจากฟางเหนียงจะขบคิดเรื่องนางกับเขาฉีเฉิงเองก็คิดไม่ตกว่าควรทำเช่นไรกับภรรยาผู้นี้ดี จะว่าเกลียดชังก็เอ่ยได้ไม่เต็มปากเพราะฟางเหนียงนั้นช่างเอาอกเอาใจเสียจนเขานึกด่าตนเองว่าโง่งมนัก
มารยาสตรีเพียงเท่านี้ก็รับมือไม่ได้ ทั้งที่นางลบหลู่เกียรติบุรุษเช่นเขาจนหมดสิ้นต้องเอาตัวเองมาขัดดอก
“ท่านพี่เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ” ฟางเหนียงเดินเข้ามาในห้องหลังจากอาบน้ำชำระร่างกาย นางขึ้นไปนั่งบนเตียงด้านหลังสามีก่อนจะเริ่มบีบนวดไหล่อย่างเบามือ
เสียงหวานพรางถามไถ่เจรจาพาทีดั่งเช่นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กัน
“มารยาเจ้าหลอกข้าไม่ได้หรอกนะ”
มือใหญ่จับมือน้อยออกจากบ่าพยายามไม่สนใจน้ำเสียงหวานหูกับกิริยาน่าเอ็นของนาง
เขาย้ำกับตนเองเสมอว่าจะไม่มีทางหลงรักนางจิ้งจอกผู้นี้เป็นอันขาด นางล่อลวงบุรุษได้ง่ายเท่าไหร่ก็เห็นบุรุษไร้ค่ามากเท่านั้นและเขาจะไม่ยอมเป็นเหยื่อของนาง
“มองข้าในแง่ร้ายเกินไปแล้ว ฟางเหนียงผู้นี้พึงใจในตัวท่านจะมารยาหลอกท่านได้อย่างไร”
นางยอมละมือขยับลงจากเตียงเปลี่ยนมานั่งบนตักสามีแทน
“เจ้ากับองค์รัชทายาทเหยียนหยงฉีมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใด” เสียงติดกระด้างถามด้วยความรู้สึกระคายหูเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เขาอยากรู้ว่าฟางเหนียงมีความรู้สึกเชิงชู้สาวกับองค์รัชทายาทหรือไม่
“สถานะรักษาน้ำใจกันมั้ง องค์รัชทายาทมีไมตรีมาจะให้ผู้น้อยเช่นข้าปฏิเสธตรง ๆ คงยากเลยต้องพยายามปฏิเสธแบบรักษาน้ำใจ ข้าเองไม่มีใจให้องค์รัชทายาท”
น้ำเสียงหนักแน่นตอบกลับมาส่งผลให้ฉีเฉิงรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดนางไม่ชอบองค์รัชทายาทผู้มีทุกสิ่ง
“องค์รัชทายาทสนใจเจ้าแล้วไยปฏิเสธทั้งที่หากได้เป็นพระชายาเจ้าสบายทั้งชีวิต”
เขาไม่เข้าใจในความคิดของนางสักนิดว่าเขามีสิ่งใดดีกว่าองค์รัชทายาท
“ข้าไม่ชอบเป็นไม้ประดับให้ผู้ใด ข้าเป็นสตรีประหลาดชื่นชอบการเลือกบุรุษมิใช่ไปยืนรอให้บุรุษเลือก ส่วนเรื่องความสบายนั้นข้าเป็นเศรษฐีท่านพี่ลืมหรือเจ้าคะ”
นางมีทุกสิ่งไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าเรือนบุรุษก็อยู่ได้สบายทั้งชาติ หากไม่ติดว่านางมีจิตสำนึกอยู่บ้างคงเปิดฮาเร็มชายไว้ข้างเรือน
“เจ้าเลยเลือกข้าเพื่อกันองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ”
จับใจความได้จึงทราบว่าตนก็เป็นเพียงไม้กันหมาให้นางเท่านั้น
“ข้าพึงใจในตัวท่านพี่ต่างหากล่ะเจ้าคะ สามีเช่นท่านรูปงามซ้ำขยันขันแข็งมีผู้ใดบ้างไม่อยากได้มาครอบครอง ท่านพี่ของข้าก็มีดีไม่แพ้องค์รัชทายาทหรอกนะเจ้าคะ”
ใบหน้างามล้ำซบซอกคอสามีพร้อมกับประทับจูบเบา ๆ อย่างเอาใจ เกรงว่าสามีจะเข้าใจไปในทางที่ผิด
“เจ้าทำเช่นนี้ไม่คิดหรือว่าหากอยู่กันไม่รอดเจ้าจะต้องเป็นหม้าย”
เขาเป็นบุรุษเลิกราย่อมไม่เสียหายแต่แม่นางน้อยผู้นี้จะมีคนตราหน้าว่าเป็นแม่หม้ายไปตลอดชีวิต
“แล้วมันไม่ดีอย่างไรเจ้าคะ หญิงหม้ายก็มนุษย์คนหนึ่ง”
นางขยับใบหน้าออกห่างก่อนจะหันมาสบตากับสามีนิ่ง
“เป็นหญิงหม้ายผู้คนมองเช่นไรเจ้าไม่รู้หรือ”
การอยู่ด้วยสถานะนี้ยากลำบากเพียงใดสตรีหม้ายทุกคนล้วนรู้ดี
“หญิงหม้ายมีความผิดใดเล่าถึงได้พากันเดียดฉันท์ หากข้าเป็นหม้ายก็ดีเพราะผู้คนที่เข้ามาหลังจากนั้นนับว่าเป็นผู้มีปัญญาไม่แบ่งแยกคนเพียงเพราะสถานะ”
“ข้าไม่ได้รังเกียจเพียงแต่เตือนเจ้าเท่านั้น”
แขนแกร่งกระชับร่างภรรยาบนตักแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นน้ำเสียงหวานเรียบนิ่ง เขาอยู่กับนางได้เกือบเดือนรู้ดีว่าหากนางใช้น้ำเสียงนี้แสดงว่ากำลังไม่พอใจ
“ท่านพี่อาจหลงรักข้าก็ได้นะเจ้าคะ ท่านพี่อยู่ตลอดไปเลยสิข้าจะได้ต้องเป็นหม้าย”
นางเปลี่ยนมายิ้มอ้อนเช่นเดิมหลังจากได้ฟังคำตอบสามี
“ข้ารู้หัวใจตนเองดีว่ามีผู้ใดอยู่” ยังไม่ทันจบประโยคนิ้วเรียวก็ปิดปากของเขาเอาไว้ไม่ให้เอ่ยประโยคเสียดแทงหัวใจดวงน้อย ๆ
“อย่าเอ่ยถึงผู้ใดยามเราอยู่ด้วยกันสิเจ้าคะ”
สองแขนโอบรอบลำคอโน้มใบหน้าจนปลายจมูกโด่งแตะกันริมฝีปากห่างกันไม่ถึงคืบ
คนเป็นสามีมองดวงตาซุกซนด้วยใจเต้นระส่ำพร้อมกับพร่ำบอกตนเองเสมอว่าอย่าไปหลงใหลนางเป็นอันขาดนะเจ้าโง่…
“เจ้าดื้อรั้นเช่นนี้มาตั้งแต่เกิดเลยหรือไม่”
ชายหนุ่มจนปัญญาจะหาเรื่องมาโต้ตอบนางทำได้เพียงยอมรับว่าเขานั้นพลาดได้ภรรยาแสนดื้อรั้นมาครอบครองเสียแล้ว
ฟางเหนียงดื้อรั้นด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมมายาแสนอ่อนหวานอ้อนให้ได้สิ่งที่ตนนั้นพึงพอใจ ต่อให้บุรุษใจแข็งกว่าหินผาก็ยากจะต้านทานนางได้ เขาเองแม้บอกว่าเกลียดชังสตรีร้ายกาจบังคับหัวใจผู้อื่นแต่ก็มิวายเผลอตัวโอนอ่อนตามนางทุกครา
“ท่านพี่ใส่ร้ายข้าบ่อยนัก รู้หรือไม่การใส่ร้ายภรรยามีโทษอย่างไร” ปลายนิ้วลากมาแตะริมฝีปากหยักของบุรุษที่ทำได้เพียงโอบกอดร่างภรรยาบนตักตัวแข็งทื่อ ปล่อยให้นางลูบสัมผัสเขาราวกับเป็นของเล่นชิ้นโปรด
“เจ้าหาแต่เรื่องลงโทษข้า” ฉีเฉิงหลุดยิ้มกว้างให้นางเห็นเป็นครั้งแรกตั้งแต่พบกัน บ่งบอกชัดว่าลึก ๆ ในใจเขาก็ไม่ได้เกลียดนางเช่นปากว่าแต่เอ่ยออกมาเพียงเพราะไม่ชอบวิธีการบังคับผู้อื่นของนางเท่านั้น
สตรีร่ำรวยงดงามอันดับหนึ่งเช่นนางหากต้องการเขาเป็นสามีเพียงทางทอดสะพานมีหรือคนโง่งมเช่นเขาจะไม่หลงใหลแต่นี่นางกลับเลือกใช้วิธีการที่ไม่มีบุรุษผู้ใดในใต้หล้ายอมรับเพราะมันรู้สึกเสียเกียรติ
“ข้าไม่เคยคิดดื้อกับท่านพี่ เช่นนั้นมอบรางวัลด้วยการร่วมหอกันดีหรือไม่เจ้าคะ” ริมฝีปากสีแดงระเรื่อประทับจูบอ่อนหวานเพื่อเป็นการร้องขอรางวัลจากสามีของนาง