@ตลาด
05:00 น.
ฟ้าลดาตื่นแต่เช้าช่วยเทียนใสผู้เป็นแม่และศักดิ์ผู้เป็นพ่อ ขนเหล่าบรรดากับข้าวใส่รถเข็นขายของเพื่อนำไปขายที่ตลาด ซึ่งตลาดอยู่ไม่ไกลจากบ้านสักเท่าไหร่
“วันนี้ฟ้าไม่ต้องไปตลาดกับพ่อแม่ก็ได้นะ เตรียมตัวไปทำงานเถอะ เดี๋ยวจะสายเอาได้” เทียนใสเอ่ยบอกกับลูกสาว เมื่อจัดเตรียมข้าวของใส่รถเข็นขายของเสร็จ
“ค่ะ” ฟ้าลดาตอบรับอย่างว่าง่าย เธอยืนส่งผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่กระทั่งท่านทั้งสองเดินเข็นรถเข็นขายของห่างไปไกลพอสมควรเธอจึงกลับเข้าบ้าน ซึ่งลักษณะบ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดี่ยวมีห้องนอนเพียงสองห้องเท่านั้น ส่วนหลังบ้านมีแปลงพืชผักสมุนไพรหลากหลายชนิดออกผลผลิตให้เก็บกินได้ตลอดปี ประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัวไปได้บ้าง
…..
ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด!
เสียงบีบแตรจากมอเตอร์ไซค์ดังขึ้น ทำให้ฟ้าลดาที่กำลังเดินบนฟุตบาตรสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ จึงต้องหยุดเดินแล้วหันไปมองตามเสียง
“พี่มารุต” ริมฝีปากบางเคลือบด้วยลิปมันเปลี่ยนสีขยับขานเรียกชื่อเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ ฟีโน่ ที่ขับเข้ามาจอดเทียบข้างบนถนน
“ฟ้าขึ้นมาเดี๋ยวพี่ไปส่ง” มารุตหนุ่มรุ่นพี่ข้างบ้านฟ้าลดาเจ้าของใบหน้าหล่อตาตี๋ ตบเบาะรถด้านท้ายอย่างอาสา
“ไม่เป็นไรค่ะพี่รุต ทางไปมหาลัยกับทางไปโรงเรียนมันคนละทางกันค่ะ เดี๋ยวพี่รุตไปโรงเรียนสายนะคะ”
“งั้นพี่ไปส่งเราที่ป้ายรถเมล์ก็ได้”
“แต่...” ฟ้าลดามีสีหน้าลังเลเธอรู้สึกเกรงใจรุ่นพี่ข้างบ้านไม่น้อย พี่เขาช่วยเหลือเธอและครอบครัวตั้งแต่พี่เขาย้ายมาอยู่ข้างบ้านใหม่ ๆ กระทั่งตอนนี้ ไม่เคยรับสิ่งตอบแทนเป็นเงินเลยสักครั้ง เธอจึงมักชวนมาทานข้าวที่บ้านอยู่บ่อย ๆ
“เอาน่าฟ้าให้พี่ไปส่งเถอะครับ ขืนเรายังยืนอยู่ตรงนี้นาน ๆ สายขึ้นมาจริง ๆ ไม่รู้ด้วยนะ” มารุตพูดอย่างทีเล่นทีจริง เพราะต้องการทำให้น้องสาวข้างบ้านตัดสินใจตอบรับน้ำใจจากเขาเร็วขึ้น
“....ค่ะ” ในที่สุดเธอก็ต้องตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากยังมัวแต่ช้าอยู่อย่างนี้คงจะสายกันทั้งคู่
“มาพี่ช่วยถือให้ก่อน” มารุตยื่นมือใหญ่ไปรับหนังสือเล่มหนาจากฟ้าลดา ซึ่งฟ้าลดาก็ยื่นให้อย่างว่าง่ายพร้อมกับมอบรอยยิ้มสุภาพ เธอจับประคองบ่าแกร่งแล้ววางหน้ารองเท้าคัชชูสีดำตรงคันเหยียบ ดันตัวขึ้นนั่งข้าง จับรวบชายกระโปรงเดรสยาวสีน้ำตาลหนีบเอาไว้อย่างเรียบร้อย
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยขอบคุณพลางยื่นมือรับหนังสือมาวางบนหน้าขา ทว่ามืออีกข้างกลับถูกมือหนาของมารุตดึงไปกอดรัดเอวสอบทำให้เธอสะดุ้งตัวเล็กน้อย
“เกาะเอวพี่ไว้นะ จะได้ไม่ตก”
“ค่ะ” สิ้นเสียงตอบรับล้อรถมอเตอร์ไซค์ก็เคลื่อนตัวออกไปกระทั่งถึงจุดหมาย
“ขอบคุณนะคะพี่รุต”
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไปก่อนนะ”
“ค่ะ”
ฟ้าลดาส่งยิ้มให้รุ่นพี่หนุ่มข้างบ้าน จากนั้นมอเตอร์ไซค์ของมารุตก็ขับออกไปจากป้ายรถเมล์ เธอจึงเดินไปนั่งรอตรงเก้าอี้ ไม่นานรถเมล์ก็เข้ามาจอดเทียบป้าย ทว่าจังหวะที่กำลังจะก้าวขาขึ้นบันได...
ปึก!
“ขอโทษค่ะ” เธอรีบเอ่ยขอโทษเมื่อชนเข้ากับร่างหนาของใครบางคน
“ไม่เป็นไรครับอาจารย์”
น้ำเสียงที่คุ้นหูทำให้ฟ้าลดาเงยหน้าขึ้นมองทันควัน สบปะทะสายตาเข้ากับนักศึกษาหนุ่มหล่อ ซึ่งเมื่อวานเคยเดินชนกันมาครั้งหนึ่งตรงใต้ตึกคณะอักษรศาสตร์
“นาย!” นิ้วเรียวชี้ไปที่นักศึกษาหนุ่มอย่างคาดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่
“ครับผมเองบังเอิญจังเลยนะครับ”
“อือ ว่าแต่บ้านอยู่แถวนี้เหรอ?”
“เปล่าครับ”
“เอ้า!แล้วทำไมถึงมา...”
“ผมว่าอาจารย์รีบขึ้นไปก่อนเถอะครับ” ปืนกันชำเลืองหางตาไปด้านข้างส่งซิกให้อาจารย์สาวตรงหน้ารู้ตัวว่ากำลังมีคนอื่นต่อคิวขึ้นรถอยู่ด้านหลัง
ฟ้าลดาหันไปมองทุกคนที่ต่อคิวอยู่ด้านหลัง พวกเขาเหล่านั้นจ้องมองมาอย่างกดดันและไม่พอใจที่เธอและนักศึกษาหนุ่มไม่รีบขึ้นรถไปเสียที เธอจึงโค้งศีรษะพร้อมกับส่งยิ้มแหย ๆ เป็นการขอโทษ ก่อนจะหันไปมองนักศึกษาหนุ่มหล่อที่กำลังมอบรอยยิ้มให้เธออย่างไม่ลดละ จากนั้นมือหนาก็ผายมือเชิญเธออย่างสุภาพบุรุษ
“เชิญครับ”
ฟ้าลดาละสายตาออกจากเจ้าของใบหน้าหล่อ แล้วก้าวขาขึ้นรถไปนั่งบนเบาะนั่งที่ว่างข้างกับหญิงชรา ซึ่งเหลือเพียงที่เดียวเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันร่างสูงก็เดินมายืนข้าง ๆ ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกซะจากนักศึกษาหนุ่มคนเดิม
“ผมขอยืนตรงนี้นะครับ” ริมฝีปากหนากระตุกขึ้นบาง ๆ ซึ่งฟ้าลดาเพียงพยักรับเท่านั้นแล้วเบนหน้าไปมองหน้าต่างด้านข้าง โดยมีสายตาของปืนกันจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แต่ระหว่างนั้นไม่ถึงนาที...
“อาจารย์ครับ”
เสียงเรียกของนักศึกษาหนุ่มทำให้เธอต้องเหลียวหน้ามอง ก็พบกับหญิงสาวท้องโตยืนอยู่ข้าง ๆ นักศึกษาหนุ่ม ความมีน้ำใจจึงบังเกิดโดยไม่ต้องให้ใครร้องขอ เธอผุดตัวลุกขึ้นแล้วกล่าวเชิญหญิงสาวท้องโต “นั่งตรงนี้เลยก็ได้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ฟ้าลดาส่งยิ้มใจดีให้กับหญิงสาวท้องโตขณะรถเมล์ยังวิ่งบนถนน ทว่าระหว่างนั้นรถเมล์เบรกอย่างกะทันหัน...
เอี๊ยดด!!!
หมับ! ฟ้าลดาเบิกตากว้างทั้งร่างเซถลาไปตามแรงกระตุกเบรกของรถเมล์ ทำให้ใบหน้าเรียวสวยซุกซบบนแผงอกแกร่ง เรียวแขนเล็กตวัดรัดเอวสอบอัตโนมัติอย่างไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่เสียงของเหล่าบรรดาผู้โดยสารส่วนใหญ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ปืนกันกระตุกยิ้มมุมปากบาง ๆ พลางหลุบตามองร่างเล็กในอ้อมอก ฟ้าลดายังคงนิ่งงันหัวใจของเธอเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ตึกตัก! ตึกตัก!อยู่อย่างนั้นไม่มีท่าทีว่าจะสงบ เมื่อตั้งสติได้เธอจึงรีบผละตัวออกจากปืนกัน
“ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรครับมันเป็นอุบัติเหตุ”
ฟ้าลดาส่งยิ้มแหย ๆ ให้ปืนกัน ก่อนเบี่ยงใบหน้ามองไปทางอื่นเธอกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ อย่างเขินอายกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอไม่เคยเสียอาการแบบนี้กับใครมาก่อน รุ่นพี่หนุ่มข้างบ้านซึ่งทำอาชีพครูพละอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เธอใกล้ชิดแทบทุกวันเธอก็ไม่เคยรู้สึกถึงหัวใจเต้นแรง แต่กลับนักศึกษาหนุ่มคนนี้ทำไมถึง...