ตลาดสำราญ
ในระหว่างฟ้าลดากำลังช่วยผู้เป็นแม่ตักแกงใส่ถุงให้กับลูกค้าที่ยืนรอหน้าแผง ชายร่างใหญ่หน้าโหดสามคนเดินเข้ามา สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งฟ้าลดาและเทียนใสรวมถึงลูกค้าเป็นอย่างมาก รีบพากันยกเลิกรายการอาหารแล้วเดินหนีไปทันที เนื่องจากชายร่างใหญ่ทั้งสามคือลูกน้องขาโหดของผู้มีอิทธิพลที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบในละแวกนั้น ซึ่งมีหน้าที่ทวงหนี้หากลูกหนี้ไม่มีเงินจ่ายเป็นต้องถูกพังข้าวของระเนระนาด หรือไม่ก็ถูกทำร้ายร่างกายจนปางตายโดยไม่นึกเกรงกลัวกฎหมาย
“เฮียให้มาเก็บเงินต้นทั้งหมด!” ชายร่างใหญ่ผมทองพูดขึ้นน้ำเสียงห้าวโหด ส่วนอีกสองคนที่ยืนประกบอยู่ด้านข้างเตรียมพร้อมลงมือทำลายเครื่องมือทำมาหากินของผู้หญิงร่างบอบบางทั้งสองอย่างไร้ความปรานี
“ยังไม่ถึงกำหนดเลยหนิจ้ะ” เทียนใสกล่าวบอกเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวพลางจับมือกับลูกสาวแน่น
“แต่เฮียจะเอาวันนี้!”
“ถ้าวันนี้พวกเรายังไม่มีจ่ายหรอกค่ะ เพิ่งขายของได้ไม่ถึงพันเลย” ฟ้าลดาเอ่ยขึ้นน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนเธอเองก็หวาดกลัวไม่ต่างจากผู้เป็นแม่ ครอบครัวเธอเคยถูกชายทั้งสามทำลายข้าวของมาแล้วหนึ่งครั้ง ทำให้ไม่ได้ขายของเกือบอาทิตย์
“จัดการ!” ชายผมทองไม่พูดพร่ำทำเพลงเอ่ยสั่งลูกน้องอีกสองคนทันทีที่ได้รับคำตอบจากหญิงสาว สร้างความตื่นตระหนกให้สองแม่ลูกสุดขีด เมื่อชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ทั้งสองโผล่ตัวเข้ามากรวดถาดกับข้าวบนแผงลงพื้นอย่างไม่ไยดี
เพล้ง!! พรึ่บ! เพล้ง!!!
“ว้าย!ทำยังไงดีลูก” เทียนใสร้องไห้โฮกอดลูกสาวที่ยืนตัวสั่นเทาแน่น ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น ผู้คนภายในตลาดต่างไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง ได้แต่มองอยู่เงียบ ๆ แม้จะสงสารสองแม่ลูกมากก็ตาม แต่ขณะเดียวกันชายร่างใหญ่ผมทองเดินตรงไปยังรถเข็นขายของซึ่งจอดอยู่ด้านข้างตลอด ฟ้าลดาที่เห็น...
“จะไปไหนลูก?”
ฟ้าลดาไม่ได้ตอบกลับผู้เป็นแม่เธอปาดน้ำตาออกจากพวกแก้ม แล้วรีบผละตัวออกจากผู้เป็นแม่วิ่งตามชายฉกรรจ์คนดังกล่าวไปอย่างใจกล้า โดยที่เสียงของเทียนใสตะโกนขานเรียกลูกสาวตามหลังไปด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจ
“อย่าทำอะไรอีกเลยนะคะ” เรียวแขนเล็กอ้าออกกว้างขวางรถเข็นขายของไว้ หวังปกป้องไม่ให้ชายผมทองที่ถือไม้หน้าสามติดมือจากพื้น ทำลายพาหนะที่ครอบครัวเธอใช้ทำมาหากิน
“หลีกไป!”
“ขอเวลาอีกหน่อยได้ไหมคะ ฟ้าสัญญาว่าจะหามาคืนให้เฮียครบแน่นอน” ฟ้าลดาน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร ยกมือขึ้นไหว้ปอย ๆ ขอความเมตตาจากชายผมทอง
พรั่ก!
“อ๊ะ!” ชายผมทองผลักร่างบางสุดแรงจนล้มฟุบไปกับพื้นปูนหยาบ เธอส่งเสียงออกมาเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวดตรงบั้นท้ายงอนงามที่ถูกกระแทกค่อนข้างแรง ฝ่ามือบางหนังถลอกแต่ไม่ถึงกับเป็นแผล ในขณะที่ชายผมทองทุบตีรถเข็นขายของไม่ยั้งมือ ทำให้ทั้งคันยุบตัวบูดเบี้ยวตามแรงกระแทก กระทั่ง...
“ตำรวจ! ตำรวจ!” เสียงตะโกนของใครบางคนดังขึ้นราวกับเสียงสวรรค์มาโปรดฟ้าลดา หยุดยั้งชายผมทองทันควัน
“เฮียให้เวลาสามวัน ถ้าหาเงินต้นมาให้ไม่ได้ โฉนดที่ดินถูกขายแน่!” ชายผมทองประกาศกร้าว ก่อนจะมองซ้ายขวาเห็นตำรวจวิ่งตรงมาจึงรีบวิ่งหนีทันที
“เจ็บตรงไหนบ้างฟ้า?” มารุตรีบเข้ามาประคองตัวฟ้าลดาให้ลุกขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรมากค่ะพี่มารุต”
“พี่ขอโทษนะที่พี่มาช้า”
“พี่มารุตไม่ต้องขอโทษฟ้าหรอกค่ะ ฟ้าขอบคุณพี่มาก ๆ เลยนะคะ” ฟ้าลดาส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับรุ่นพี่ข้างบ้านโดยที่หยาดน้ำตาไม่แห้งเฮือก
มารุตพยักหน้ารับด้วยความรู้สึกเห็นใจ ตำรวจสองนายต่างรีบวิ่งตามคนร้าย
ฟ้าลดาปรายตามองรถเข็นขายของที่เสียหาย ภายในใจเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง กังวล กับความกดดันที่ได้รับจากเจ้าหนี้ เงินห้าหมื่นภายในสามวันเธอจะหาทันได้อย่างไร
วันต่อมา
หญิงสาวร่างเล็กในอยู่เสื้อชีฟองสีครีมแขนยาวคอปกยัดชายเสื้อใต้กางเกงขายาวสีเขียว เดินบนฟุตบาทไปยังป้ายรถเมล์ สีหน้าและแววตาเศร้าหมองกังวลอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นดึงความสนใจ...
“เจอกันอีกแล้วนะครับอาจารย์”
ฟ้าลดาตกใจเล็กน้อยเธอหยุดเดินและหันมองไปตามเสียงทักทาย
“ณัฐกรณ์” ริมฝีปากบางขยับขานชื่อนักศึกษาหนุ่มเสียงแผ่วเบา มองเจ้าของใบหน้าหล่ออึ้ง ๆ อย่างคาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกันตรงริมถนน
“อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์ฟ้า” ปืนกันกระตุกยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง “อาจารย์ขึ้นรถเมล์ไปสอนทุกวันเลยเหรอครับ?”
“ใช่จ้ะ แล้วเราล่ะ?”
“ไม่หรอกครับ ช่วงนี้ผมอยากเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างน่ะครับ แต่พอมาเจออาจารย์ผมคงขึ้นรถเมล์ไปเรียนแบบนี้ทุกวันที่มีเรียนเช้าครับ ผมอยากเจออาจารย์บ่อย ๆ”
ฟ้าลดาไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป เธอส่งยิ้มใจดีให้นักศึกษาหนุ่มอย่างไม่คิดมาก สถานะของเธอคืออาจารย์และนักศึกษาหนุ่มคือลูกศิษย์ แม้ว่าทั้งแววตาที่นักศึกษาหนุ่มใช้มองมา ทั้งประโยคจะส่อไปทางชู้สาวก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดเข้าข้างตัวเอง
“ผมขอเดินไปพร้อมอาจารย์ได้ไหมครับ?”
“จ้ะ”
“ขอบคุณครับ”
ฟ้าลดาระบายยิ้มอ่อนโยนบาง ๆ แล้วสาวเท้าเดินไปข้างหน้าโดยที่นักศึกษาหนุ่มเดินอยู่เคียงข้าง แต่ไม่ทันไรเธอกลับต้องหยุดเดินแหงนหน้ามองร่างสูงอีกครั้ง...
“อาจารย์รับสอนพิเศษไหมครับ?”
“อือ ถ้ามีโอกาสก็คงรับจ้ะ”
“ถ้าผมจะจ้างอาจารย์สอนพิเศษ อาจารย์รับไหมครับ?”
“...”
เมื่อเห็นว่าอาจารย์ยังคงเงียบนิ่งไม่ตอบเขาจึงอธิบายถึงความต้องการของตัวเอง “คือผมยังไม่เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างน่ะครับ ผมเลยอยากเรียนรู้เพิ่มเติม ผมชอบอาจารย์...”
ฟ้าลดาม่านตาเบิกกว้างเล็กน้อยในช่วงท้ายประโยคของนักศึกษาหนุ่มที่ขาดห้วงไป ก่อนที่รอยยิ้มมีเสน่ห์จะประดับบนใบหน้าหล่อ เธอกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ เมื่อหัวใจดวงน้อยกระหน่ำเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่อาจควบคุมได้
“...ตรงที่อาจารย์สอนค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปน่ะครับ ผมเลยเข้าใจเนื้อหามากขึ้นจากแต่ก่อนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย”
ฟ้าลดาระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างรู้สึกโล่งอกกับประโยคของนักศึกษาหนุ่ม
“ถ้าอาจารย์รับผมจะโอนเงินก้อนแรกให้อาจารย์ก่อนห้าหมื่นครับ”
“ห้าหมื่น!” ฟ้าลดาแววตาลุกวาวทวนประโยคด้วยน้ำเสียงตกใจกับค่าจ้างที่นักศึกษาหนุ่มเสนอ เงินจำนวนนั้นเธอสามารถนำไปล้างหนี้ให้ครอบครัวได้สบาย
“ครับ อาจารย์สอนผมแค่ วันจันทร์ วันอังคาร แล้วก็ เสาร์-อาทิตย์ไปจนถึงสอบปลายภาคครับ”
ฟ้าลดามองสบตากับนักศึกษาหนุ่มพลางกัดปากล่างเบา ๆ อย่างใช้ความคิด โดยที่ยังไม่ได้ตอบรับ.....